ดัชนีความเชื่อมั่นนักธุรกิจต่างชาติในไทย ไตรมาสที่ 1/2564

สถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักธุรกิจต่างประเทศ ไตรมาสที่ 1 ปี 2564 (ม.ค.- มี.ค.) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักธุรกิจต่างประเทศโดยรวมอยู่ที่ 32.1 ดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 27.6 และดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจอยู่ที่ 29.8

นอกจากนั้น ยังมีข้อเสนอแนะที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนและแก้ไข ได้แก่ เร่งจัดสรรและดำเนินการฉีดวัคซีนให้ได้ตามแผน จัดหาสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่า (Soft Loan) เพื่อธุรกิจไทยและต่างประเทศ เร่งเปิดประเทศในรูปแบบที่ปลอดภัย เพื่อรับนักท่องเที่ยว แก้ไขข้อจำกัดและกฎระเบียบที่ซับซ้อนในทำธุรกิจในไทย เอื้อสิทธิประโยชน์ด้านภาษีแก่ภาคธุรกิจต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา: สถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

หอการค้าประเมินสงกรานต์ปีนี้กร่อย เงินหาย3หมื่นล้าน

หอการค้าประเมินสงกรานต์ปีนี้กร่อย เงินหาย 3 หมื่นล้านบาท หลังรัฐงดจัดกิจกรรมสาดน้ำ-ระบาดบางแค เมื่อวันที่ 20 มี.ค.นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สงกรานต์ปีนี้รัฐบาลงดจัดกิจกรรมสาดน้ำรวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่มีการรวมตัวกัน อีกทั้งยังมีการระบาดรอบใหม่ที่บางแค ส่งผลต่อบรรยากาศสงกรานต์ไม่คึกคัก มีมูลค่าใช้จ่ายประมาณ 110,000 ล้านบาท มูลค่าลดลง 30,000 ล้านบาท หรือประมาณ 10-20% เทียบกับช่วงบรรยากาศสงกรานต์ปี 63 ที่มีเงินสะพัดประมาณ 140,000 ล้านบาท ส่งผลทำให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลดลง 0.1-0.2%

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/832264

เอกชนเชียร์บิ๊กตู่ล็อกดาวน์แค่พื้นที่เสี่ยง

เอกชนเชียร์บิ๊กตู่ล็อกแค่พื้นที่เสี่ยง หวั่นล็อกทั้งประเทศ ศก.เจ็บหนักแน่ จี้รัฐเพิ่มสิทธิคนละครึ่งอีก 20-30 ล้านราย หวังหล่อเลี้ยงร้านค้า–ลดภาระประชาชน  พับเราเที่ยวด้วยกันไปก่อน นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับมาตรการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ประกาศไม่ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ หรือประกาศเคอร์ฟิว โดยใช้วิธีแก้ปัญหาเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงไป เนื่องจากหากประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศ จะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจอย่างรุนแรงแน่นอน  เพราะตอนนี้ไม่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะเสี่ยงสูงทั้งหมด พื้นที่ไหนมีปัญหา ก็เลือกแก้เฉพาะจุด มีความเหมาะสมมากกว่า พื้นที่ไหนพอไปได้ ความเสี่ยงน้อย ก็ให้เฝ้าระวัง และป้องกันอย่างเข้มข้นต่อไป เพื่อให้เศรษฐกิจยังพอขับเคลื่อนได้  นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประเมินความเสียทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การระบาดรอบ 2 เสียหายประมาณวันละ 3,000 – 5,000 ล้านบาท หรือประมาณเดือนละ 1–1.5 แสนล้านบาท เป็นผลจากประชาชนชะลอการใช้จ่าย เทียบจากการประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศครั้งแรกช่วงเดือน มี.ค.–เม.ย. 63 มีมูลค่าความเสียหายวันละ 10,000 ล้านบาท แม้การระบาดรอบ 2 จะยังไม่มีการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ แต่มีมูลค่าความเสียหายสูง เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้กึ่งๆ ล็อกดาวน์ทั้งประเทศแล้ว และจังหวัดที่ล็อกดาวน์ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ และเมืองท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี ระยอง ทั้งนี้ภาครัฐ ควรกระตุ้นมาตรการทางเศรษฐกิจลงมาเพิ่มเติมในไตรมาสแรก เพื่อชดเชยมูลค่าเศรษฐกิจหายไปเป็นแสนล้านบาท โดยพาะมาตรการคนละครึ่ง ที่เห็นผลอย่างชัดเจนในการช่วยกระจายรายได้อย่างทั่วถึง และช่วยลดภาระค่าครองชีพ ควรเปิดกว้างเพิ่มเติมอีก 20 -30 ล้านราย เพื่อกระจายอย่างทั่วถึง ซึ่งไม่รวมกับผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแล้ว ขณะที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ควรชะลอไปก่อน รอให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วกลับมาให้คนเดินทางท่องเที่ยวใหม่ เชื่อว่า หากเติมเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ทั้งปี 64 ขยายตัวได้บวก 2-3% แต่ถ้าไม่มีมาตรการกระตุ้นออกมา จีดีพีจะขยายตัวในกรอบ 0-2% เท่านั้น      

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/economic/816820