การส่งออกข้าวของเมียนมาร์ทะลุ 462 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณนี้

มูลค่าการส่งออกข้าวและข้าวหักของเมียนมาร์มีมูลค่ารวม 462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปริมาณการส่งออกทั้งหมด 955,502 ตันในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปัจจุบันปี 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน โดยปริมาณการส่งออกแบ่งเป็นการค้าทางทะเล 883,244 ตัน และ 72,258 ตันที่ชายแดน ตามข้อมูลของสหพันธ์ข้าวเมียนมาร์ (MRF) ทั้งนี้ มีการบันทึกปริมาณการส่งออกข้าวสูงที่สุดในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 195,829 ตัน คิดเป็นมูลค่า 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  รองลงมาคือเดือนพฤศจิกายน 175,990 ตัน มูลค่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และตุลาคม 119,526 ตัน มูลค่า 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ อย่างไรก็ดี สหพันธ์มีเป้าหมายที่จะบรรลุการส่งออกข้าว 2.5 ล้านตันในปีงบประมาณปัจจุบัน โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ในปีงบประมาณที่แล้ว 2565-2566 จีนเป็นผู้ซื้อข้าวและข้าวหักรายใหญ่ของเมียนมาร์ซึ่งมีปริมาณการส่งออกมากกว่า 775,000 ตัน ตามมาด้วยเบลเยียม 323,000 ตัน บังกลาเทศมากกว่า 239,000 ตัน และฟิลิปปินส์ที่กว่า 202,000 ตัน ซี่งสหพันธ์ข้าวเมียนมาร์ ระบุว่าเมียนมาร์พยายามที่จะบรรลุการส่งออกข้าวที่เติบโตร้อยละ 10 เพื่อเพิ่มรายได้จากต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการส่งออกข้าวคุณภาพสูงและสนับสนุนปริมาณการส่งออก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-rice-exports-cross-us462m-this-fy/

อัตราแลกเปลี่ยนจ๊าด-ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวที่ประมาณ 3,450 จ๊าด

ธนาคารกลางเมียนมาร์ (CBM) รายงานว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินจ๊าดเทียบกับดอลลาร์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 3,450 จ๊าด/ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ตลาดซื้อขายแบบไม่เป็นทางการตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2566 ในขณะเดียวกัน อัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงของธนาคารกลางแห่งเมียนมาร์ยังถูกคงไว้อยู่ที่ 2,100 จ๊าด/ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ธนาคารกลางเมียนมาร์ (CBM) อนุญาตให้ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต (ธนาคารเอกชน) ดำเนินการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้อย่างอิสระตามอัตราตลาด ที่กำหนดตามกลไกตลาดของอุปสงค์และอุปทาน นอกจากนี้ ธนาคารกลางเมียนมาร์ (CBM) ยังได้แจ้งว่าการโอนเงินไปต่างประเทศจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และข้อบังคับของคณะกรรมการบริหารการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/kyat-us-dollar-exchange-rate-stable-at-around-k3450/

การส่งออกของเมียนมาร์มีมูลค่า 266 ล้านเหรียญสหรัฐในสัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม 2566

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เผยว่ามูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์อยู่ที่ 266 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม เมียนมาร์มีการส่งออกสินค้าไปยัง ปากีสถาน ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวียดนาม แคนาดา สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น โดยผ่านเส้นทางทางทะเล ซึ่งอุปสงค์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปลายปี นอกจากนี้ การส่งออกเครื่องแต่งกายสำเร็จรูปที่ผลิตแบบตัด การผลิต และบรรจุภัณฑ์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในขณะเดียวกัน มูลค่าการค้าผ่านด่านชายแดนกัมปติของเมียนมาร์กับประเทศจีนมีมูลค่ารวม 21.381 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ชายแดนกัมปติมีเป้าหมายทางการค้าเดิมที่ 18.5 ล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกมูลค่า 16 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้ามูลค่า 2.5 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่การค้าชายแดนกัมปติ ณ สัปดาห์ที่สามของเดือนธันวาคม เกินเป้าหมายทางการค้าของเดือนนี้ ซึ่งมีมูลค่าการค้ามากกว่า 21 ล้านดอลลาร์ มีการส่งออกมูลค่า 19.029 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้ามูลค่า 2.352 ล้านดอลลาร์ โดยส่งออกสินค้ากล้วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แตงโม ฟักทอง ยางพารา พริก และข้าว Emata เป็นหลัก และมีการนำเข้าวัสดุก่อสร้าง สินค้าทุน และสินค้าขั้นกลาง

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmars-export-bags-us266m-in-third-week-of-dec-2023/

ราคาอ้างอิงขายส่งน้ำมันปาล์มของย่างกุ้ง ทรงตัวในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มกราคม

ตามการระบุของคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการนำเข้าและการจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภค อัตราอ้างอิงการขายส่งน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งในสัปดาห์นี้สิ้นสุดวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566 ยังคงเดิมที่ 4,955 จ๊าดต่อ viss จากอัตราของสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันบริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคา FOB ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด โดยเพิ่มค่าขนส่ง ภาษี และบริการทางธนาคาร เพื่อตัดสินใจอัตราอ้างอิงตลาดขายส่งน้ำมันบริโภครายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อขายจริงในตลาดนั้นสูงกว่าราคาอ้างอิงค่อนข้างมากเนื่องจากมีการขึ้นราคาขายเกินจริงในตลาด กรมกิจการผู้บริโภค กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับคณะกรรมการกำกับดูแลฯ กำลังพยายามร่วมกันควบคุมความผันผวนสูงของราคาน้ำมันปาล์มในตลาดค้าปลีก และเสนอราคาที่ยุติธรรมมากขึ้นแก่ผู้บริโภค โดยร่วมมือกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันบริโภคแห่งเมียนมาร์และบริษัทนำเข้าน้ำมัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ygn-palm-oil-wholesale-reference-price-stays-steady-for-week-ending-7-jan/

งาน Smart Farm Korea 2024 ต้อนรับนักธุรกิจชาวเมียนมาร์

องค์การส่งเสริมการค้าเมียนมาร์ ระบุว่า Smart Farm Korea 2024 (SFKOREA) จะจัดขึ้นที่ Changwon Convention Center (CECO) ระหว่างวันที่ 12 ถึง 14 มิถุนายน 2567 และนักธุรกิจชาวเมียนมาร์จะได้รับเชิญให้เข้าร่วม เพื่อยกระดับภาคการเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อแนะนำการทำฟาร์มอัจฉริยะ เทคโนโลยี และช่วยให้เกษตรกรชั้นนำหันมาใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการเกษตรและปศุสัตว์แห่งอนาคต อย่างไรก็ดี งานแสดงสินค้าจะประกอบด้วยบูธ 400 บูธจาก 120 บริษัท และคาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าชมได้ประมาณ 20,000 คน สิ่งของที่จัดแสดงประกอบด้วย เกษตรกรรมแห่งอนาคต (ระบบอัตโนมัติ) สิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์โรงงานอัจฉริยะ การเกษตรในเมือง การกลับสู่เกษตรกรรมหมู่บ้านในชนบท วัสดุและอุปกรณ์ปศุสัตว์เกษตร ผลิตผลทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดจำหน่าย ระบบโลจิสติกส์ และการศึกษาในด้าน ICT, การฝึกปฏิบัติภาคสนามอัจฉริยะ, การจัดการโรคพืชและสัตว์, การศึกษาข้อมูลการเกษตรและชนบท เป็นต้น นอกจากนี้ นักธุรกิจชาวเมียนมาร์ที่สนใจเทคโนโลยีฟาร์มอัจฉริยะและผลิตภัณฑ์ของเกาหลียังสามารถเข้าร่วม Business Matching ของผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเพื่อยกระดับความเป็นอัจฉริยะ ภาคเกษตรกรรมในอนาคต

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/smart-farm-korea-2024-welcomes-myanmar-businesspersons/

เรือคอนเทนเนอร์กว่า 600 ลำมามาถึงและมีการค้าขายที่ท่าเรือย่างกุ้งในปี 2566

การท่าเรือเมียนมาร์ (MPA) ระบุว่า ในปี 2566 ตลอดทั้งปีมีเรือมากกว่า 600 ลำเดินทางมาถึงท่าเทียบเรือระหว่างประเทศย่างกุ้งเพื่อทำการค้า โดย MPA ได้ขยายการเดินทางตู้คอนเทนเนอร์มากขึ้นเพื่อตอบสนองข้อกำหนดในการส่งออกและนำเข้า ทั้งนี้ เรือขาเข้าตลอดทั้งปี 2566 ตั้งแต่เดือน มกราคม-ธันวาคม มีเรือเข้าเทียบท่าทั้งสิ้น รวม 629 ลำ ซึ่งประกอบด้วย สายการเดินเรือระหว่างประเทศ ได้แก่ Sealand Maersk Asia, SITC, MSC, Samudera, Ever Green, PIL, BLPL, RCL, Land and Sea, CMA-CGM, COSCO, IAL, ONE, Ti2 Container และ BAY เป็นต้น อย่างไรก็ดี การท่าเรือเมียนมาร์ ได้แจ้งให้ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าของเมียนมาร์ทราบว่ามีเรือ 49 ลำจะเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือย่างกุ้งในเดือนมกราคม 2567 นอกจากนี้ ท่าเรือย่างกุ้งให้บริการด้วยท่าเทียบเรือ 27 ท่าซึ่ง สามารถรองรับเรือที่ มีความยาวได้ถึง 200 เมตรและมีน้ำหนัก 3,000 ตัน ท่าเรือติลาวามีท่าเทียบเรือ 19 ท่าซึ่งสามารถ รองรับเรือที่ มีความยาวสูงสุด 250 เมตรและน้ำหนัก 3,500 ตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/over-600-container-ships-arrive-and-trade-at-yangon-port-in-2023/#article-title

เขตการค้าเมียวดีมีมูลค่าการค้ากว่า 8.985 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 18 วันของเดือนธันวาคม

ตามรายงานสถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมถึง 18 ธันวาคม เขตการค้าเมียวดีสามารถส่งออกมูลค่า 1.976 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้ามูลค่า 7.009 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมมูลค่าการค้า 8.985 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี ตามการรายงานของกระทรวงฯ พื้นที่การค้าข้ามพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศ (เมียนมาร์-ไทย) ได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบสินค้าเพื่อความสะดวกในการส่งออกโดยเฉพาะสินค้าประมงผัก หัวหอม และพริก ที่เน่าเสียง่าย และปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารของไทยมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มขึ้น ตลอดจนการส่งออกวัตถุดิบอาหาร ทั้งนี้ ในบรรดาสินค้าส่งออกทั้งหมดของเมียนมาร์ พริก หัวหอม และผลิตภัณฑ์ CMP เป็นสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกมากที่สุด ด้านสินค้านำเข้ามากที่สุด ได้แก่อะไหล่รถจักรยานยนต์ กระดาษพิมพ์ สบู่ วัสดุเหล็กและเหล็กกล้า แบตเตอรี่แห้ง ชุดผ้าฝ้าย ยางและท่อยาง เครื่องจักรและอุปกรณ์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myawaddy-trade-zone-made-us8-985million-trade-over-18-days-of-december/