เวียดนามดำเนินขอรับใบอนุญาตส่งออกอะโวคาโดไปยังสหรัฐฯ

จากข้อมูลของสำนักงานการค้าเวียดนาม สาขาซานฟรานซิสโก (สหรัฐอเมริกา) เปิดเผยว่าอะโวคาโดส่วนมากที่จำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้น ดังนั้น ผู้จัดจำหน่ายต้องควบคุมขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่ายสินค้า ในขณะที่ ผู้ส่งออกต้องมีใบรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ สำหรับการจะเข้าตลาดสหรัฐฯ ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดขั้นต่ำตามข้อบังคับว่าด้วยการกำหนดระดับความสุก, สี, น้ำหนัก, สะอาด และปราศจากแมลง เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กมักจะประสบปัญหาในการเข้าถึงตลาดดังกล่าวอย่างมาก เป็นผลมาจากขาดประสบการณ์ในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ สำหรับสินค้าทางการเกษตร เช่น มะม่วง เวียดนามจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินรับใบอนุญาต 10 ปี ถึงจะสามารถส่งออกมะม่วงไปยังสหรัฐฯได้

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/536540/viet-nam-trying-to-get-us-export-licence-for-avocados.html#GO48zrRXQqiBzJqc.97

เวียดนามเผยปริมาณการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น แต่ยอดมูลค่ากลับลดลง

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562  เวียดนามส่งออกข้าวกว่า 5.2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 แต่มูลค่ากลับลดลงร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งประเทศฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มีการบริโภคข้าวเกือบ 1.76 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 720 ล้าน ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ ราคาข้าวเฉลี่ยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 13.8 คิดเป็นราคาอยู่ที่ 435 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และทางหน่วยงานเกษตรกรรมฟิลิปปินส์มีการเสนอให้ใช้ภาษีนำเข้าข้าวในการปกป้องผู้ประกอบการในประเทศ โดยมีอัตราภาษีนำเข้าข้าวอยู่ที่ร้อยละ 30-65 ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกข้าวเวียดนามในอนาคตข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาดญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะนำเข้าข้าวในกลุ่มประเทศสมาชิก CPTPP เช่น เวียดนาม นอกจากนี้ เวียดนามเล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดไปยังแอฟริกาและตะวันออกกลางอีกด้วย

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/536522/rice-export-volume-up-but-value-falls.html#m6XyQo0ATOuAqIYj.97

บล.บัวหลวง ปักหมุด “ตลาดหุ้นเวียดนาม” น่าลงทุน รับเศรษฐกิจโตเกินคาด

หลักทรัพย์บัวหลวง เปิดมุมมองการลงทุน “ตลาดหุ้นเวียดนาม” ชี้ระยะยาว “ดัชนี VN Index” มีโอกาสกลับไปยืนกรอบเดิม 1,100-1,200 จุด หลังภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตได้ดี และกำลังซื้อภายในประเทศคึกคักมากขึ้น ขณที่ 3 ดัชนีใหม่ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์จะเป็นแรงดูดฟันด์โฟลว์หน้าใหม่ พร้อมเปิดโผ 3 หุ้นเด็ดต้องมีติดพอร์ต ซึ่งตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดหุ้นต่างประเทศที่เหมาะกัยการลงทุนในระยะยาว เหตุผสสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามน่าลงทุน เกิดจากกำลังซื้อภายในประเทศ เริ่มมีความคึกคักมากขึ้น สะท้อนได้จากตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 หนุนโดยกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต และกลุ่มบริการที่ขยายตัว 10.1% และ 7.1% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่ ตัวเลขการส่งออกนำเข้า และจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาเติบโตได้ดี นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติหน้าใหม่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเวียดนามมากขึ้น โดย 2 ปัจจัยหลัก คือ ปัจจัยแรก – FTSE หากเวียดนามปรับปรุงระบบการชำระราคาได้สำเร็จ มีโอกาสสูงที่อาจเห็นเวียดนามได้รับการอัพเกรดในช่วงปลายปี 63 ปัจจัยสอง – ตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์เตรียมยกระดับการพัฒนาตลาดทุนด้วยการออก 3 ดันชีใหม่ ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนควรหาโอกาสสร้างผลตอบแทนและกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามอย่างน้อย 10-20% ของพอร์ต

ที่มา : https://www.smethailandclub.com/money-5013-id.html

เวียดนามเกินดุลการค้ากับอิสราเอล เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของหน่วยงานรัฐฯเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศอยู่ที่ 760 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเวียดนามยังคงเกินดุลการค้าอย่างต่อเนื่องราว 440 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ การค้าระหว่างประเทศ (การค้าแบบทวิภาคี) มีมูลค่า 677 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องมาจากความตึงเครียดของสถานการณ์ทางการเมือง และความมั่งคงทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ผู้ส่งออกเวียดนามเกิดความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว รวมไปถึงข้อกำหนดมาตรฐานอาหารปลอดภัยที่เข็มงวดในภูมิภาคตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการอิสราเอลมีความสนใจในการนำเข้าอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคจากเวียดนาม ได้แก่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เครื่องแต่งตัว รองเท้า และผลแปรรูป

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7992302-vietnam-continues-to-enjoy-trade-surplus-with-israel.html

รีสอร์ทอสังหาฯ ดิ่งลง

อุปทานและความต้องการซื้อคอนโดเทล (Condotels) และรีสอร์ตวิลล่า ลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 เนื่องมาจากอยู่ในช่วงเดือนสารทจีน (Ghost months) ทำให้เกิดการชะลอตัวของนักลงทุน โดยจากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ DKRA Vietnam เปิดเผยว่าในช่วงเวลาดังกล่าว มีโครงการวิลล่าริมทะเลราว 3 โครงการที่ได้เปิดตัวสู่ตลาด และมีนิววิลล่าจำนวนทั้งหมด 86 หลัง ลดลงร้อยละ 95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งในข้อมูลดังกล่าวข้างต้น มีการซื้อที่พักเพียง 58 หลัง โดยจะกระจุกตัวอยู่ในทางตอนกลางของจังหวัดบิ่ญถ่วน (Binh Thuan) และทางตอนใต้ของจังหวัดบ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า (Ba Ria – Vung Tau) ในขณะเดียวกัน จากรายงาน DKRA ระบุว่าการชะลอตัวชองภาคธุรกิจอสังหาฯ ในกลุ่มรีสอร์ท เป็นไปตามผลของฤดูกาล ทำให้ยอดขายลดลงอย่างมาก ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เนื่องมาจากอยู่ในช่วงวันสารทจีน ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าใหม่ๆ หรือทำธุรกิจกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงโชคร้ายที่ตามมา และจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้าย

ที่มา: https://e.vnexpress.net/news/business/industries/resort-real-estate-plunges-3992364.html

เวียดนาม อินโดนิเซีย เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตในภูมิภาคอาเซียน

จากรายงานวิจัยของบริษัทชั้นนำของโลกอย่าง Google, Temsek และ new partner Bain & Company เปิดเผยว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 39 ในปี 2562 และจะมีมูลค่ากว่า 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยประเทศอินโดนิเซียและเวียดนามมีอัตราการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 40 ในขณะที่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 20-30 ในขณะที่ เศรษฐกิจดิจิทัลเวียดนามมีมูลค่าสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นภายในปี 2568 อยู่ที่ 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลมาจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การท่องเที่ยวออนไลน์ และธุรกิจ Ride-Hailing เป็นต้น รวมไปถึงเวียดนามมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 61 ล้านคน และใช้เวลาเฉลี่ย 3 ชม. 12 นาที ต่อวัน ส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟน นอกจากนี้ เวียดนามก้าวขึ้นมาอันดับ 3 ของจุดหมายในการลงทุนดิจิทัลภูมิภาคนี้ ด้วยมูลค่าเงินทุนกว่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 และช่วงครึ่งเดือนแรกปี 2562 โดยเมืองฮานอยและโฮจิมินห์ เป็น 1 ใน 7 เมืองเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา :  https://vietnamnews.vn/economy/536446/viet-nam-indonesia-lead-asean-in-internet-economy-growth.html#t0jGYwAhAxtOfG7o.97

เวียดนามเผยส่งออกกาแฟลดลง ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562

จากข้อมูลของหน่วยงานรัฐฯ เปิดเผยว่าเวียดนามมีการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สูงที่สุดในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา และเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เศรษฐกิจของเวียดนามนั้นมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ องค์กรระหว่างประเทศและสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือคาดว่าเศรษฐกิจจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผยว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 ปริมาณการส่งออกกาแฟของเวียดนามลดลงร้อยละ  13.3 คิดเป็นปริมาณอยู่ที่ 1.25 ล้านตัน และด้านมูลค่าร้อยละ 21.9 คิดเป็นมูลค่า 2.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยประเทศเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ในขณะที่ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ราคาส่งออกกาแฟเฉลี่ยลดลงร้อยละ 10.7 เหลือเพียง 1,709 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และสถานการณ์ของราคากาแฟที่ลดลง ส่งผลให้เวียดนามส่งออกไปยังตลาดดั้งเดิมลดลง ได้แก่ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา อิตาลี และสเปน ในขณะที่ ราคากาแฟทั่วโลกลดลง เนื่องมาจากผู้ผลิตกาแฟบราซิลได้เผชิญกับสกุลเงินที่ลดลง รวมไปถึงปริมาณการจัดเก็บกาแฟสำรองในตลาดสำคัญที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐฯ เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/536442/coffeeexports-down-in-9-months.html#09WvUq2efT3Rtgps.97