เซเว่นอีเลฟเว่น วางแผนบุกตลาดกัมพูชา

เชนร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากลมีแผนที่จะบุกตลาดกัมพูชาในปีหน้าภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท ซีพีออลล์กัมพูชา ตามที่สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกล่าวว่า บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) จะทำการลงทุนเปิดร้านแฟรนไชส์ประมาณ 700 ถึง 1,000 สาขาในกัมพูชา ภายในช่วง 5 ปีแรก อย่างไรก็ตามมีคำถามว่ามาร์ตอื่น ๆ ในกัมพูชาจะตอบสนองต่อการแข่งขันที่กำลังจะมาถึงจากเซเว่นอีเลฟเว่นอย่างไร โดยร้อยละ 50 ของสินค้าที่ผลิตในกัมพูชาจะวางจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นแห่งใหม่ทั่วประเทศ และจะเสนอแฟรนไชส์ให้กับเจ้าของธุรกิจในท้องถิ่น และนักลงทุนต่างชาติที่สนใจมีสาขาเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นของตนเอง ซึ่งในการให้สัมภาษณ์กับ RFI ในเดือนพฤษภาคม โฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าโครงการนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ขายรายอื่นในกัมพูชา แต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50755370/poser-over-competition-from-7-11-stores-opening-in-kingdom/

ยอดค้าปลีกเวียดนาม 6 เดือนแรก เพิ่มขึ้นแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโรคระบาด

สำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าปลีกสูงถึง 1,895,600 พันล้านด่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.6 ของมูลค่าทั้งหมดและเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้น เมื่อภาครัฐดำเนินมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมนั้น ทำให้ผู้คนมีความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ในขณะที่ เครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ทั้งนี้ เมือง/จังหวัดที่มีการทำธุรกรรมการค้าปลีกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ได้แก่ ไฮฟอง (10.4%) รองลงมาโฮจิมินห์ (10.1%), ฮานอย (9.9%, ด่งนาย (8.4%), บินห์ดินห์ (4.3%), บ่าเหรี่ยะ-หวุงเต่า (3%) และทัญฮว้า (0.9%) ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน รายได้จากที่พักและบริการจัดเลี้ยง อยู่ที่ 234,700 ล้านด่ง ลดลงร้อยละ 18.1 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งช่วงไตรมาสสองของปีนี้ ลดลงอย่างรุนแรงถึงร้อยละ 26.1 เนื่องจากผลกระทบของมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/retail-sales-enjoy-sixmonth-increase-despite-epidemic-impact-415539.vov

พนมเปญเมกามอลล์พร้อมเปิดตัวในปี 2565

ผู้บริหารระดับสูงของ Chip Mong Retail กล่าวว่าการก่อสร้าง Chip Mong 271 Mega Mall เสร็จสมบูรณ์แล้วร้อยละ 20 และพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าภายในปี 2565 โดยมีขนาดพื้นที่กว่า 150,000 ตารางเมตร 5 ชั้น มีที่จอดรถ 2,000 คันและมอเตอร์ไซค์ 500 คัน รวมมูลค่ากว่า 130 ล้านดอลลาร์ในการก่อสร้างบนที่ดินมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ ในใจกลางกรุงพนมเปญ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 43 ไร่ภายในพื้นที่พัฒนา Chip Land ของ Landmark 271 เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศกัมพูชา โดยเชื่อว่าโครงการก่อสร้างนี้จะช่วยให้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญไปสู่เขตการค้าที่ทันสมัยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลเพื่อเพิ่มเมืองสีเขียวและศูนย์กลางการค้า ซึ่งกรรมการผู้จัดการของ DBD Engineering Co Ltd. กล่าวว่าการลงนามใน MoU กับ Chip Mong เพื่อดำเนินการพัฒนาและติดตั้งระบบไฟฟ้าแสดงให้เห็นถึงการดำเนินการที่เหมาะสมของโครงการก่อสร้างที่กำลังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50731799/mega-mall-20-percent-complete/

เวียดนามเผยยอดค้าปลีกดิ่งลง ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่ายอดค้าปลีกและบริการของเวียดนามโดยรวมลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แตะระดับ 82.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ในขณะเดียวกัน ในเดือนพ.ค. ยอดค้าปลีกและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องมาจากการผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้กำลังซื้อเริ่มกลับมาฟื้นตัวในท้องถิ่น ทั้งนี้ หากจำแนกแหล่งที่มาของยอดค้าปลีก พบว่าการซื้ออาหารขยายตัวร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน รองลงมาเครื่องใช้ในบ้าน (2%) ขณะที่ผลิตภัณฑ์ด้านการศึกษาและวัฒนธรรม ปรับตัวลดลงร้อยละ 8.2 และเครื่องนุ่งห่ม (3%) ด้านเมืองที่มีการเติบโตของการค้าปลีก ได้แก่ เมืองไฮฟอง รองลงมากรุงฮานอยและโฮจิมินห์ นอกจากนี้ ธุรกิจที่พักและการท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก ถึงแม้ว่าธุรกิจกลับมาดำเนินงานต่อและผู้คนในท้องถิ่นกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวน้อยลงกว่าแต่ก่อน แต่ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 54 แตะระดับ 8.3 ล้านล้านด่ง จากการที่เวียดนามหยุดการออกวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศยังไม่ฟื้นตัว

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/8729302-vietnam%E2%80%99s-retail-sales-down-in-five-months.html

‘กรุงฮานอย’ ค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกลดลง 30% เหตุโควิด-19

เวียดนามดูเหมือนว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แล้ว และธุรกิจเริ่มหันมาดำเนินต่อไป แต่ว่าสถานการณ์ของตลาดค้าปลีกในกรุงฮานอยกลับดิ่งลงฮวบ โดยค่าเช่าพื้นที่ปรับลดร้อยละ 20-30 สำหรับธุรกิจที่ลำบากในช่วงการแพร่ระบาดไวรัส ส่งผลให้ร้านค้าส่วนใหญ่ต้องปิดตัวลงและหาทางโอนหรือคืนร้านค้าที่เช่ามา ทั้งนี้ คุณ Pham Danh Tung เจ้าของร้านค้าแฟชั่นแห่งหนึ่ง กล่าวว่าจำนวนลูกค้าและรายได้ลดลงหนักมาก ประกอบกับอัตราค่าเช่าอยู่ในระดับสูง ทำให้ธุรกิจต้องหยุดชั่วคราวและหันไปเป็นเจ้าของบ้านเช่า ในขณะเดียวกัน จากผลการสำรวจของบริษัทที่ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ‘CBRE’ ระบุว่าผู้เช่าพื้นที่ค้าปลีกส่วนใหญ่ร้อยละ 43 คาดรายได้ลดลงร้อยละ 10-30 ในปีนี้ และร้อยละ 27 หวังว่าจะได้รับการส่งเสริมจากผู้ปล่อยเช่าพื้นที่ค้าปลีก เนื่องจากได้รับผลกระทบทางลบจากไวรัสดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ระบุว่าเทรนด์การช็อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้น เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การธุรกิจค้าปลีกได้รับความนิยมน้อยลง

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hanoi-retail-space-rentals-down-30-due-to-covid19-413778.vov

สถานการณ์ร้านค้าปลีกในกัมพูชาระหว่างการแพร่ระบาด COVID-19

การกักตุนสินค้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในกรุงพนมเปญ เนื่องจากการปิดชายแดนกัมพูชาจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้เกิดความกังวลว่าจะขาดแคลนอาหารภายในประเทศ ส่งผลให้ราคาสินค้าหลักประเภทอาหารเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศว่าจะดำเนินการเพื่อหยุดการกระทำของผู้ค้ากลุ่มที่กำลังแสวงหาผลประโยชน์จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ขายอาหารในท้องถิ่นกล่าวว่าปลาแห้งราคาเพิ่มขึ้นจาก 25,000 riels (6.25 ดอลลาร์) เป็น 35,000 riels (8.75 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัมเนื้อหมูเพิ่มขึ้นจาก 19,000 riels (4.75 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัมเป็นประมาณ 30,000 riels (7.5 ดอลลาร์) ต่อกิโลกรัมทันที ส่วนเส้นก๋วยเตี๋ยวเพิ่มขึ้นจาก 20,000 riels (5 ดอลลาร์) เป็น 32,000 riels (8 ดอลลาร์) ต่อกล่องเป็นต้น โดยกระทรวงมีความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับราคาของสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อทำการควบคุมราคาของสินค้าในตลาด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50705054/retailers-told-to-not-price-gouge-from-panic-buying/

ยอดค้าปลีกและบริการเวียดนาม 37.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 เดือนแรก

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ว่ารายได้จากการค้าปลีกและบริการของเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยมูลค่าอยู่ที่ 863.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในช่วงเดือนมกราคมจนถึงกุมภาพันธ์ มียอดค้าปลีกอยู่ที่ประมาณ 674 ล้านล้านด่อง (29.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หากจำแนกรายสินค้าที่มียอดขายเพิ่มขึ้น พบว่ารถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 ตามมาด้วยน้ำมันเบนซินและน้ำมัน (11%), เครื่องใช้ในบ้าน (9.5%), เครื่องนุ่งห่ม (8.9%), อาหาร (8.6%), ยานยนต์ (7.1%) และวัฒนธรรมและอุปกรณ์การเรียน (4.7%) สำหรับเมือง/นครที่มีรายได้จากการค้าปลีกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ Quang Ninh, Hai Phong, Thanh Hoa, Nghe An และ Hanoi เป็นต้น ทั้งนี้ รายได้จากที่พักและบริการจัดเลี้ยงอยู่ที่ 95 ล้านล้านด่อง (4.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องมาจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกัน รายได้จากบริการด้านการท่องเที่ยวอยู่ที่ 7.4 ล้านล้านด่อง (320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/retail-sales-service-revenues-post-374-billion-usd-in-two-months/169460.vnp

ธุรกิจญี่ปุ่นลงทุนภาคการค้าปลีกและบริการในเวียดนาม

ภาคการค้าปลีกและบริการเวียดนาม คาดว่าจะดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นจำนวนมากในปีนี้ จากข้อมูลขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JETRO) เปิดเผยว่ากำลังซื้อของชาวเวียดนามที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศนั้น ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีกและบริการชาวญี่ปุ่น มองหาโอกาสธุรกิจในตลาดที่กำลังเติบโต ถึงแม้ว่าการลงทุนของญี่ปุ่นจะลดลงในปีที่แล้ว แต่จำนวนโครงการใหม่ของนักลงทุนญี่ปุ่นกลับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งจำนวนโครงการที่จดทะเบียนแตะระดับสูงสุดอยู่ที่ 435 โครงการในปีที่แล้ว ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของเจโทร ระบุว่าผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในเวียดนามส่วนใหญ่ร้อยละ 63.9 ตั้งใจที่จะขยายธุรกิจในประเทศ นับว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการลงทุนสูงสุดในอาเซียน ในขณะเดียวกัน องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ได้กล่าวกับสื่อท้องถิ่นว่าเมื่อ 3 ปีก่อน ว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่น แต่ด้วยแนวโน้มในปัจจุบัน ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่หันมาลงทุนในเวียดนามแทน เนื่องจากจำนวนประชากรมากกว่า 96 ล้านคน ดังนั้น ภาคบริการจีงมีศักยภาพสูงและเป็นสาเหตุที่ผู้ค้าปลีกญี่ปุ่นหลายรายเข้ามาทำตลาดในเวียดนาม นอกจากนี้ กระทรวงการวางแผนและการลงทุน ระบุว่าธุรกิจญี่ปุ่นหลายรายมักจะระมัดระวังในการลงทุน ซึ่งจากข้อมูลสถิติการลงทุน ระบุว่าในปีที่แล้ว เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/japanese-businesses-to-invest-in-vietnam-s-services-and-retail/169100.vnp

ยอดค้าปลีกและบริการในนครโฮจิมินห์ พุ่ง 11.2%

ยอดการค้าปลีกสินค้าและบริการในเดือนมกราคม ณ นครโฮจิมินห์ อยู่ที่ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ซึ่งยอดค้าปลีกสินค้ารวมอยู่ที่ 76.24 ล้านล้านด่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 67.61 ของยอดการค้าปลีกสินค้าและบริการรวม เป็นผลจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นตามเทศกาลปีใหม่ สำหรับราคาสินค้าในช่วงวันปีใหม่ (Tet) อยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอาหารและของกิน เครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น ชณะที่ ซุปเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้า มีการเตรียมสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการซื้อของผู้บริโภคก่อนที่จะถึงช่วงปีใหม่ ด้วยกำลังซื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับเดือนปกติ ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายมีการใช้โปรโมชั่นที่หลากหลาย เช่น ส่วนลดราคาสินค้าร้อยละ 5-49 เพื่อกระตุ้นเพิ่มกำลังซื้อสูงขึ้นในช่วงเดือนแรกของปีนี้

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/hcm-citys-retail-sales-services-revenue-surge-by-112-percent-409869.vov

อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จับงานฉลองเปิดแฟรนไชส์สาขาแรกที่เวียดนาม

บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกของตกแต่งบ้านครบวงจรในประเทศไทย ร่วมมือกับ VI Funiture Joint Stock Company ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Vietnam Investment Group (VIG Group) ผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจค้าปลีกแห่งเวียดนาม  นำโดย Mr.David Do, VIG Managing Director ฉลองเปิดให้บริการอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ร้านแฟรนไชส์สาขาแรกอย่างเป็นทางการ รูปแบบสแตนด์อโลน มีพื้นที่ 990 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนน.Nguyen Thi Minh Khai เมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นถนนสายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านของผู้บริโภคชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนและจะส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายและรายได้จากธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศให้แก่บริษัทฯ จากปัจจุบันที่ขยาย แฟรนไชส์แล้วใน 8 ประเทศ (รวมเวียดนาม)

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/prg/3071345