อิรวดี ทุ่มงบ 100 ล้านจัต ซื้ออุปกรณ์การแพทย์

ด้วยเป้าหมายที่จะป้องกัน COVID-19 รัฐบาลภูมิภาคอิรวดีใช้จ่าย 100 ล้านจัตสำหรับอุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจและชุดป้องกัน โดยเงินจะถูกเก็บรวบรวมผ่านกองทุนของรัฐบาลเขตอิระวดีและถูกส่งไปยังกรมอนามัยในภูมิภาค แม้เมียนมาจะไม่พบผู้ป่วย COVID-19 แต่ต้องหาทางเตรียมการไว้ ดังนั้นจึงต้องการงบประมาณเพียงพอที่จะซื้อเครื่องช่วยหายใจและชุดป้องกัน และควรเตรียมพื้นที่สำหรับ COVID-19 อีก เมียนมามีโรงพยาบาลระดับอำเภอ 200 เตียงจำนวนห้าเตียงในเขตอิระวดี ในเขตอำเภอปะทิวมีโรงพยาบาลขนาด 500 เตียง หากพบผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะเป็น COVID-19 ในภูมิภาคอินวดี จะถูกส่งตัวไปที่ที่โรงพยาบาลเขตพะสิม

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/ayeyawady-region-to-spend-ks-100-million-on-medical-equipment

งบปี 63 สุดอืด ใช้จ่ายรัฐสะดุด ไตรมาสแรกลงทุนต่ำเป้า 5.3%

งบประมาณรายจ่ายประจำปี 63 ที่กำหนดไว้ 3.2 ล้านล้านบาท ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ (ต.ค.-ธ.ค.62) เบิกจ่ายแล้วราว 29.2% เป็นการเบิกจ่ายในส่วนงบรายจ่ายประจำปี เช่น เงินเดือนข้าราชการ เป็นต้น 700,000 ล้านบาท โดยการเบิกจ่ายนี้สามารถทำได้ตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ที่กำหนดให้รัฐบาลใช้งบประมาณปีก่อนหน้าที่เหลืออยู่ไปก่อนได้ ยกเว้นการเบิกจ่ายในโครงการลงทุนใหม่ ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนไตรมาสแรก เป็นการเบิกจ่ายจากโครงการที่มีสัญญาผูกพันมาก่อนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่เบิกจ่ายได้เพียง 25,000 ล้านบาท หรือ 4.4% ของงบลงทุนในปีงบ 63 ที่กำหนดไว้กว่า 600,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 5.3% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 65% คิดเป็นเงินลงทุนหายไปจากระบบเศรษฐกิจราว 50,000 ล้านบาท เพราะ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 63 ยังไม่มีผลบังคับใช้ จึงเบิกจ่ายงบลงทุนใหม่ไม่ได้ รัฐบาลประกาศให้ปี 63 เป็นปี แห่งการลงทุน โดยโครงการลงทุนสำคัญ ได้แก่ รถไฟทางคู่ 7 เส้นทางของกระทรวงคมนาคม เช่น เส้นทางขอนแก่น-หนองคาย เป็นต้น ส่วนการลงทุนรัฐวิสาหกิจปีนี้มีวงเงิน 346,000 ล้านบาท คาดจะเบิกจ่ายได้ 77% ของวงเงินลงทุนทั้งหมด และคาดว่าการลงทุนเอกชนปีนี้จะโต 4.2% จากปีที่แล้วที่โต 2.6%.

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/1768380

นายสมคิดมอบนโยบายจัดทำงบฯ แบบบูรณาการ ชี้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายแบบบูรณาการประจำปี 2564 ว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ทุกภาคส่วนจะต้องทำงานกันแบบบูรณาการ โดยรัฐบาลจะมุ่งเน้นงบประมาณในการจัดทำระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุน โดยมอบหมายให้ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ติดตามงบประมาณเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ให้ผันงบประมาณมาลงทุนใน 3 แห่ง

ที่มา : https://mgronline.com/uptodate/detail/9630000004979

รัฐบาลกัมพูชาจัดสรรงบประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับธนาคาร SME

รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุน SME Bank โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวว่าได้อนุมัติให้ใช้เงินจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อจัดตั้งธนาคาร ซึ่งกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินประกาศเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่าธนาคาร SME คาดว่าจะมีระบบออนไลน์ภายในปลายปี 2562 โดย ประธานสหพันธ์สมาคมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งกัมพูชากล่าวว่าเป้าหมายของธนาคารคือการสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นและช่วยให้พวกเขาขยายตัว ซึ่งกล่าวว่า SMEs ในท้องถิ่นมักประสบปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อเนื่องจากขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้จากธนาคาร SME โดยบริษัทจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางการเงินและบัญชีที่เหมาะสม ซึ่งธนาคาร SME ในกัมพูชาจะจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อช่วยให้บริษัทเหล่านี้ได้รับสินเชื่อที่เหมาะสมที่สุดแก่กิจการ โดยเลขาธิการแห่งรัฐของกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมกล่าวว่ากัมพูชามี SMEs ประมาณ 520,000 ราย แต่มีเพียง 150,000 ราย ที่เป็นผู้ผลิตที่จดทะเบียน ซึ่งเชื่อว่าธนาคาร SME จะให้ความสำคัญกับหลายภาคส่วนรวมถึงภาคการผลิตการท่องเที่ยว การแปรรูปอาหารและ บริษัทสตาร์ทอัพ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50670809/govt-allocates-100-million-to-sme-bank/

รัฐบาลสปป.ลาวได้ดำเนินมาตรการล่วงหน้าเพื่อลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

รัฐบาลมั่นใจว่ามาตรการรัดเข็มขัดจะดำเนินต่อไปเพื่อลดความตึงเครียดด้านงบประมาณและปัญหาทางการเงินในปีที่จะมาถึงแม้จะมีความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการชะลอการใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลือง ซึ่งสปป.ลาวจะยังคงประสบปัญหาทางการเงินเนื่องจากการจัดเก็บรายได้ไม่เพิ่มขึ้น ขณะนี้มุ่งเน้นการนำมาตรการรัดเข็มขัดไปปฏิบัติจริง เพื่อให้เป็นแบบจำลองสำหรับหน่วยงานรัฐบาลในระดับกลางและระดับท้องถิ่น รวมถึงดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาและระเบียบของนายกรัฐมนตรีในการจัดซื้อและจ้างงาน และการควบคุมยานพาหนะที่ใช้โดยกระทรวงและสำนักงานบริหารส่วนท้องถิ่น การตรวจสอบโครงการที่ได้รับทุนจากรัฐ และวางแผนที่จะร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ กระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง ในการแก้ปัญหาการใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการจัดพิธีสำคัญ การเฉลิมฉลองและกิจกรรมฟุ่มเฟือย การออกแบบและคำนวณค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล อาคารสำนักงานรัฐบาลและโครงสร้างพื้นฐานอื่น นอกจากนี้ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับไฟฟ้าน้ำและการสื่อสารโทรคมนาคมอีกด้วย

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-govt-ploughs-ahead-measures-cut-unnecessary-spending-108434

สปป.ลาวพยายามสร้างชีวิตของผู้ประสบอุทกภัยท่ามกลางข้อจำกัดด้านงบประมาณ

รัฐบาลประเมินว่าจำเป็นต้องใช้เงินประมาณ 3 ล้านล้านกีบในการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมและเพื่อฟื้นฟูชุมชนที่ถูกน้ำท่วมกลับสู่ภาวะปกติ ผลกระทบของภัยพิบัติเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับสปป.ลาวในการทำงานเพื่อขจัดความยากจนโดยที่หลายครอบครัวขาดที่อยู่อาศัยเนื่องจากน้ำท่วม โดยมีความกังวลเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนในการซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหายและการให้บริการแก่ผู้ประสบอุทกภัยเนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ รัฐบาลให้การสนับสนุนทางการเงินอย่างจำกัด แต่ไม่เพียงพอสำหรับทุกกรณี น้ำท่วมได้ทำลายบ่อเลี้ยงปลาและระบบชลประทานที่เสียหายรวมถึงพื้นที่เพาะปลูก โรงเรียน สายไฟฟ้า โรงพยาบาลและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ จากรายงานของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมพบว่าประชาชนประมาณ 765,000 คนใน 44 อำเภอใน 6 จังหวัดทางภาคใต้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อต้นเดือนก.ย. และประชาชนเกือบ 195,000 คนต้องพลัดถิ่น

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-attempts-rebuild-flood-victims%E2%80%99-lives-amid-budget-constraints-107776

งบประมาณที่ผ่านมาหนี้ต่างชาติเมียนมาเพิ่มขึ้น 10.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ปีงบประมาณ 60 – 61 เมียนมามีหนี้สะสมจำนวน 10.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ จาก 20 ประเทศและองค์กรระดับพหุภาคี หนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.587 ล้านล้านจัต) หรือ 11.5% ระหว่างปีงบประมาณ 59-60 และ 60-61 ณ มี.ค. 61 เงินกู้จากจีนมีจำนวนมากที่สุด 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีการชำระคืนบางส่วนจำนวน 1.11 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศจีน (Exim China) เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ เงินกู้ดังกล่าวถูกใช้ไปในการก่อสร้างโครงการของกระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน ขณะเดียวกันยังคงเป็นหนี้ญี่ปุ่น 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐจากวงเงิน 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเจ้าหนี้อื่น ๆ รวมถึงองค์กรพหุภาคี เช่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย กองทุนการเงินระหว่างประเทศอินเดีย ไทย และสหราชอาณาจักร จากรายงานชี้ให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เงินจ๊าตที่อ่อนลงและค่าใช้จ่ายในการจัดการที่สูงขึ้นส่งผลต่อการคลังของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการชำระเงินปกติยังคงมีขึ้นสำหรับธุรกิจที่ล้มเหลว และแนะนำการดูแลและกำกับหลังจากการเบิกเงินกู้จากกระทรวงเกษตรปศุสัตว์และการชลประทานนำไปสู่ความสูญเสียทางการเงินและการทุจริตที่เกิดขึ้น

ที่มา : http:// https://www.mmtimes.com/news/myanmar-foreign-loans-rise-us102b-last-fiscal-year.html

รัฐบาลสปป.ลาว ดำเนินลดภาระงบประมาณและภาระหนี้สิน

รัฐบาลได้กำหนดมาตรการเพื่อเพิ่มรายได้ประชาชาติภายในปี 2563 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการลงทุนของรัฐฯ ซึ่งทางคำสั่งของนายกรัฐมนตรีฯ ได้ดำเนินให้หน่วยงาน ภาครัฐให้มีการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพตามงบประมาณที่จำกัดและลดงบประมาณการบริหารโครงการที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน โดยเป้าหมายของภาครัฐในครั้งนี้ เพื่อจำกัดการใช้จ่ายของงบประมาณ และการป้องกันขาดดุลการคลัง เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้สิน และวิกฤตทางการเงินได้ นอกจากนี้ โครงการลงทุนของภาครัฐต้องได้รับการสนับสนุนจากภาคการลงทุนของต่างชาติเป็นสำคัญ และความร่วมมือของภาคเอกชนในการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศขยายตัวอย่างน้อยร้อยละ 6.5 ต่อปี

ที่มา: http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_GovtS.php