7 เดือนแรกของปีงบฯ 63-64 เมียนมาขาดดุลการค้าสิงคโปร์ 1.388 พันล้านดอลลาร์ฯ

7 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค. -63-เม.ย. 64) ของปีงบประมาณ 2563-2564  เมียนมาขาดดุลการค้าสินค้าสิงคโปร์ประมาณ 1.388 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสิงคโปร์เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองในภูมิภาคอาเซียนรองจากไทย ในปีงบประมาณปัจจุบันมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 1.624 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์พบว่ามีมูลค่าการส่งออก 117.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินค้าเกษตร รองเท้า สิ่งทอและเสื้อผ้า แร่ธาตุ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ขณะที่การนำเข้าจะเป็น พลาสติก น้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าทุน สินค้าขั้นกลาง สินค้าอุปโภคบริโภค โลหะ และเคมีภัณฑ์

ที่มา : https://gnlm.com.mm/29-july-2021/#article-title

เศรษฐกิจเวียดนามโตแรงแซงหน้าสิงคโปร์ ปี 73

ผู้เชี่ยวชาญของธนาคารแห่งชาติสิงคโปร์ (DBS) กล่าวว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตราว 6-6.5% ในอีก 10 ปีข้างหน้า และด้วยอัตราการเติบโตดังกล่าวจะแซงหน้าสิงคโปร์ภายในปี 2573 โดยในปีที่แล้ว มูลค่าของเศรษฐกิจเวียดนามอยู่ที่ 34 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่สิงคโปร์มีมูลค่า 337.5 พันล้านเหรียญสหรัฐและมาเลเซีย 336.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เวียดนามมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 40 ของโลก และติดอันดับที่ 4 ในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ชี้ว่าเวียดนามจะแซงหน้าทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ในปีนี้ ทั้งนี้ แม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอย่างมาก แต่เศรษฐกิจเวียดนามยังเติบโตได้ดีที่ 5.64%

ที่มา : https://en.nhandan.vn/business/item/10128302-vietnam%E2%80%99s-economy-to-surpass-singapore-s-by-2030-dbs-bank.html

ปีงบฯ 63-64 เมียนมาขาดดุลการค้าสิงคโปร์ 1.38 พันล้านดอลลาร์ฯ

กรมศุลกากรเมียนมา เผย 7 เดือนที่ผ่านมา (ต.ค.63-เม.ย.64) ของปีงบประมาณ 2563-2564 เมียนมาขาดดุลการค้าสิงคโปร์ที่ 1.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่าการค้าทางทะเลและการค้าชายแดนอยู่ที่ 1.624 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นการส่งออก 117.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสิงคโปร์เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของเมียนมาในภูมิภาครองจากไทยคิดเป็น 12% ของการค้าทั้งหมด ซึ่งในปีงบประมาณ 2562-2563 มีมูลค่าการค้าประมาณ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าที่ส่งออกไปยังสิงคโปร์ ได้แก่ ข้าวหัก เมล็ดงา หัวหอม รองเท้า สิ่งทอและเสื้อผ้า แร่ธาตุ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ส่วนการนำเข้าจะเป็นพลาสติก น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันพืช อุปกรณ์ขนส่ง ส่วนประกอบทางเคมีและสารประกอบ ข้าวสาลี แป้ง ผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์นม และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-goods-trade-deficit-with-singapore-estimated-at-1-38-bln-this-fy/#article-title

เวียดนามเผยช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุด

ตามข้อมูลของกระทรวงวางแผนและการลงทุน เผยว่าตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ 20 พ.ค. ยอดการเบิกจ่ายโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น 6.7% เป็นมูลค่า 7.15 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป มีมูลค่าถึง 6.14 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกค้าส่ง โดยสิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยเม็ดเงิน 5.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 37.6% ของเงินลงทุนทั้งหมด ตามมาด้วยญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ นอกจากนี้ จังหวัดลองอาน (Long An) ถือเป็นแหล่งดึงดูดเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ด้วยเงินทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 3.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 23.9% ของทุนทั้งหมด ตามมาด้วยเมืองโฮจิมินห์ เก่นเทอ บินห์เดือง ไฮฟองและบั๊กเกียง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/singapore-tops-list-of-foreign-investors-over-five-month-period-861182.vov

บริษัทน้ำมันในกัมพูชากำหนดส่งมอบน้ำมันดิบครั้งแรกในเดือนนี้

Kris Energy บริษัทจากทางสิงคโปร์ที่ดำเนินการขุดเจาะน้ำมันในกัมพูชา วางแผนจัดส่งน้ำมันดิบไปยังตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกในเดือนนี้ ปริมาณมากถึง 300,000 บาร์เรล ตามข้อมูลของอำนวยการใหญ่ด้านปิโตรเลียมของกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน โดยเกือบ 5 เดือนหลังจากการขุดเจาะน้ำมันดิบครั้งแรกออกจากพื้นที่อัปสราแปลง A ในน่านน้ำกัมพูชาในอ่าวไทย ซึ่งบ่อน้ำมันทั้ง 5 แห่งในบล็อก A เขตอัปสราได้เริ่มทำการสูบน้ำมันอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 2,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งยังต่ำกว่าปริมาณที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 7,500 บาร์เรลต่อวัน ที่คาดการณ์ไว้โดย Kris Energy ซึ่งหลังจากไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้บริษัทจึงได้นำที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม Netherland, Sewell & Associates Inc (NSAI) มาประเมินสถานการณ์ในระยะถัดไปใหม่ถึงปริมาณน้ำมันดิบที่คาดว่าจะผลิตได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50859589/first-crude-oil-shipment-due-this-month

เวียดนามดึงดูดเม็ดเงิน FDI พุ่ง 18.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ (FIA) ภายใต้กระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม ระบุว่านักลงทุนต่างชาติหอบเงินลงทุนไปยัง 17 ภาคอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปยังคงเป็นแหล่งดึงดูดเม็ดเงินทุนรวม ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 49.6% ของยอดเงินทุนรวม รองลงมาการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามลำดับ ทั้งนี้ ณ วันที่ 20 มีนาคม มูลค่าเงินทุนจดทะเบียนธุรกิจใหม่และการซื้อหุ้นกิจการจากนักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งสิ้น 10.13 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี นอกจากนี้ สิงคโปร์เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนามในช่วงไตรมาสแรก มีมูลค่า 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นสัดส่วน 45.6% ของยอดเงินทุนรวม รองลงมาญี่ปุ่น (20.8%), ญี่ปุ่น (20.8%),เกาหลีใต้ (11.8%), จีน ฮ่องกงและสหรัฐฯ ตามลำดับ

ที่มา : https://en.dangcongsan.vn/economics/total-fdi-capital-rises-18-5-from-same-period-last-year-571882.html

เศรษฐกิจเวียดนามคาดแซงโตสิงคโปร์ ในปี 2029

ธนาคารแห่งชาติสิงคโปร์ (DBS) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเวียดนามจะเติบโตร้อยละ 6-6.5 ในอีก 10 ปีข้างหน้า หากสามารถรักษาอัตราการเติบโตดังกล่าวได้ เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโตจนมีขนาดใหญ่กว่าสิงคโปร์ในอีก 10 ปี ด้วยแรงหนุนจากเงินลงทุนที่ไหลเข้าจากต่างประเทศและกำลังการผลิตที่เติบโตสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เศรษฐกิจของเวียดนามในปัจจุบัน มีมูลค่าอยู่ที่ 224 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นถึงขนาดเศรษฐกิจถึงร้อยละ 69 ของเศรษฐกิจสิงคโปร์ หรือประมาณ 324 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

  ที่มา : https://baodanang.vn/english/business/202011/viet-nams-economy-forecast-to-grow-bigger-than-singapore-by-2029-3872550/

เมียนมาพร้อมขยายตลาดกาแฟผ่านสิงคโปร์

รายงานของ Myanmar Coffee Association เผยเมียนมาขยายการส่งออกกาแฟผ่านสิงคโปร์เพื่อเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ จากการระบาดของ COVID-19 ความต้องการกาแฟในท้องถิ่นลดลงและผู้ค้าบางรายพยายามขยายตลาดในต่างประเทศและกำลังเชื่อมต่อกับตลาดใหม่ในภูมิภาคโดยผ่านสิงคโปร์ เมื่อเดือนที่แล้วสมาคมได้เข้าร่วมงาน Singapore Specialty Coffee Online Auction 2020 ซึ่งเป็นเวทีสำหรับผู้ผลิตเมล็ดกาแฟทั่วโลกเพื่อส่งเสริมเมล็ดกาแฟสู่ตลาดเอเชียโดยใช้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลาง เมียนมาเพิ่มความพยายามในการหาตลาดต่างประเทศหลังจากการส่งออกลดลงเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 การส่งออกลดลงครึ่งหนึ่งในปีงบประมาณ 62-63 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ส่งออกมากกว่า 1,000 ตันไปยังสหรัฐฯ เยอรมนี จีน ไทยญี่ ปุ่นเกาหลี และยุโรป การส่งออกกาแฟอาจลดลงอีกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าตรงกันข้ามกับแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกกาแฟเพิ่มขึ้น 4 เท่าเป็น 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 62-63 จาก 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 57 ประชากรร้อยละ90 ของประเทศมีประชากรดื่มกาแฟสำเร็จรูปที่นำเข้าจากต่างประเทศและที่เหลือบริโภคกาแฟในท้องถิ่น

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-coffee-market-expand-through-singapore.html

สิงคโปร์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เวียดนาม หวังเจาะตลาดขนาดใหญ่

ตามคำแถลงการณ์ของการประชุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่นครโฮจิมินห์ จัดโดยศูนย์กลางการลงทุนและส่งเสริมการค้า (ITPC) เปิดเผยว่าสิงคโปร์มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจภูมิภาค เนื่องจากมีจุดยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางทางการเดินเรือระหว่างประเทศ นอกเหนือจากนั้นยังมีทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซในสิงคโปร์ยังเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กีปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเวียดนามสามารถเข้าถึงตลาดอีคอมเมิร์ซและนำเสนอสินค้าไปยังตลาดสิงคโปร์ได้ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าจะได้รับประโยชน์อย่างมาก แต่ธุรกิจในท้องถิ่นยังต้องมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงใส่ใจกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์และใบรับรองอื่นๆ อาทิ ระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องทาการควบคุม (HACCP) เพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาด.

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/singapore-helps-vietnamese-smes-penetrate-large-scale-markets-784308.vov

สิงคโปร์รุกตลาดพลังงานไฟฟ้าความร้อนจากถ่านหินที่แขวงเซกอง สปป.ลาว

บริษัท Evolution Power Investment Corporation (EPIC) และ บริษัท Kuounmixay Bridge and Road Construction and Repair Company (KMX) ซึ่งเป็นบริษัทกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ระหว่างสิงคโปร์กับ สปป.ลาว ลงนามบันทึกความเข้าใจกับรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโรงผลิตไฟฟ้าพลังงาน ความร้อนจากถ่านหินสะอาดที่เมืองดากจึง สปป.ลาว โครงการดังกล่าว มีมูลค่า 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,000 เมกะวัตต์ เพื่อส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ ไทย เวียดนามและกัมพูชา โดยคาดว่าการก่อสร้างโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2570และการเกิดขึ้นของโครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนช่วยในขยายตัวเศรษฐกิจสปป.ลาวได้อย่างมั่นคง

ที่มา : https://globthailand.com/laos-11082020/