เมียนมาร์จัดการประชุมการท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

วานนี้ 21 พฤศจิกายน 2566 เมียนมาร์จัดการประชุมคณะกรรมการสำนักงานประสานงานการท่องเที่ยวและคณะทำงานการท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 52 ผ่านระบบไฮบริด ที่โรงแรม Mingala Thiri ณ กรุงเนปิดอว์ โดยมี ดร. Thet Thet Khine รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยว เป็นประธานกล่าวในการเปิดงานประชุมว่า อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงระดับโลก เนื่องจากมีวัฒนธรรมที่หลากหลายและมีจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจ ตลอดจนความสามารถในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังได้มีการหารือเกี่ยวกับการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศสมาชิก การท่องเที่ยวดิจิทัลและพื้นที่จุดหมายปลายทาง ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และประเด็นด้านความร่วมมือต่างๆ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม และเสริมสร้างความเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก ตามยุทธศาสตร์อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงปี 2573 อย่างไรก็ดี ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการโรงแรมฯ กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในปี 2562 นักท่องเที่ยว 73.6 ล้านคนเดินทางเข้าสู่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและมีรายได้ 101 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าจะมีความท้าทายเนื่องจากการแพร่ระบาด แต่ประเทศสมาชิกก็พยายามที่จะฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และเชื่อว่าการประชุมใรวันนี้จะนำไปสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนระหว่างประเทศสมาชิก

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-hosts-tourism-meetings-related-to-mekong-sub-region/#article-title

คณะผู้แทนเมียนมาเข้าร่วมงาน China International Travel Mart 2023

คณะผู้แทนเมียนมา นำโดย ดร. Thet Thet Khine รัฐมนตรีสหภาพการโรงแรมและการท่องเที่ยว ได้เดินทางเข้าร่วมงาน China International Travel Mart ประจำปี 2023 และการประชุมการลงทุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอาเซียน-จีน ที่เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน งานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ ในระหว่างการเยือน คณะผู้แทนจากเมียนมาได้หารือกับเจ้าหน้าที่มณฑลยูนนานเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทวิภาคีและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในด้านโรงแรมและภาคการท่องเที่ยวของเมียนมา ทั้งนี้ รัฐมนตรีสหภาพฯ ยังได้กล่าวปราศรัยกับสื่อ โดยเน้นถึงโอกาสในการลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเมียนมา รวมทั้งกล่าวถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการดึงดูดการลงทุนด้านการท่องเที่ยวสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์หลักด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (พ.ศ. 2559-2568) นอกจากนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายโรงแรมและการท่องเที่ยวได้มีการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์การลงทุนด้านการท่องเที่ยวของเมียนมาภายในงาน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-delegation-participates-in-2023-china-intl-travel-mart-asean-china-tourism-investment/

กัมพูชาให้การต้อนรับผู้โดยสารทางอากาศในช่วง 10 เดือนแรกของปี แตะ 4.11 ล้านคน

Mao Havannall รัฐมนตรีสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐกัมพูชา เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2023 มีผู้เดินทางซึ่งลงทะเบียนในระบบเดินทางทางอากาศมายังกัมพูชากว่า 4.11 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 144 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันมีสายการบินทั้งในและต่างประเทศประมาณ 32 สายการบิน ให้บริการเที่ยวบินทั้งหมด 41,596 เที่ยวบิน ไปยังสนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ของกัมพูชา สำหรับในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคมปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินตรงมากจาก 8 ประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน และมาจากจีน เกาหลีใต้ และกาตาร์ รวมถึงประเทศอื่นๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501393834/cambodia-reports-4-11-mln-air-passengers-in-first-10-months-minister/

สปป.ลาว เตรียมเปิดแคมเปญการท่องเที่ยว ‘Visit Laos Year 2024’ สัปดาห์หน้า

นางสวนสะหวัน วิกนาเกตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว แถลงข่าวเตรียมเปิดตัวแคมเปญ “Visit Laos Year 2024” ครั้งที่ 4 ภายใต้สโลแกน “สวรรค์แห่งวัฒนธรรมลาว ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์” และกำหนดให้ช้างเป็นสัตว์นำโชคสำหรับแคมเปญนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ อีกทั้งยังมุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพการบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย การรณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวจะประกอบด้วย 79 กิจกรรม โดย 14 กิจกรรมเป็นกิจกรรมระดับชาติ และ 65 กิจกรรมจะดำเนินการในจังหวัดต่างๆ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ที่หลากหลายระหว่างการท่องเที่ยวลาวตลอดทั้งปี 2567 ตั้งแต่การสำรวจโบราณสถานและวัดวาอาราม ไปจนถึงการเดินป่าอันเขียวชอุ่มและพายเรือคายัคไปตามแม่น้ำที่ใสราวคริสตัล นอกจากนี้ ยังจะมีโอกาสมากมายในการสัมผัสวัฒนธรรมลาว รวมถึงเทศกาล ดนตรี และการแสดงเต้นรำ ทั้งนี้ รัฐบาล สปป.ลาว หวังว่านักท่องเที่ยวต่างชาติและลาวอย่างน้อย 4.6 ล้านคน จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศลาวตลอดทั้งปี 2567 และคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://kpl.gov.la/EN/detail.aspx?id=78164

นายกฯ ฮุน มาเน็ต โปรโมทโครงการ ‘Visit Siem Reap 2024’ หนุนการท่องเที่ยวกัมพูชา

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ประกาศโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ‘Visit Siem Reap 2024’ ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว ผ่านมาตรการจูงใจด้านภาษีและการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางของนักท่องเที่ยว โดยนายกฯ ได้ประกาศไว้ในระหว่างการกล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมภาครัฐ-เอกชน (G-PSF) ครั้งที่ 19 ซึ่งการออกมาโปรโมทในครั้งนี้ถือเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวภายในพื้นที่จังหวัดเสียมราฐ ด้วยการที่จังหวัดมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างอุทยานโบราณคดีอังกอร์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ขณะที่นายกฯ ยังได้วางแผนที่จะสนับสนุนภาคธุรกิจด้วยการให้ธนาคารและสถาบันการเงิน ปรับโครงสร้างสินเชื่อที่ให้แก่ผู้ประกอบด้านการท่องเที่ยวและนักลงทุนในภาคการบริการ ให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น โดยปัจจุบันได้มีการจัดสรรเงินทุนให้กับภาคดังกล่าวไปแล้วกว่า 50 ล้านดอลลาร์ ในการฟื้นฟูหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501391623/pm-announces-visit-siem-reap-2024-initiative/

‘เวียดนาม’ เผยยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ 10 เดือนแรก โต 9.4%

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) เปิดเผยว่ายอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ ในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค. อยู่ที่ 5.1 ล้านล้านด่อง หรือประมาณ 207.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้จากการค้าปลีกสินค้ามีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 78.1% ของมูลค่าทั้งหมด เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเฉพาะรายได้จากการท่องเที่ยว มีมูลค่าอยู่ที่ 30.2 ล้านล้านด่อง เพิ่มขึ้น 47.6% เนื่องจากส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศได้มีการนำเสนอวัฒนธรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย รวมถึงกิจกรรมทางวัฒนธรรมและกีฬา เพื่อกระตุ้นความต้องการในการเดินทาง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/tenmonth-retail-sales-of-consumer-goods-services-up-94/270768.vnp

สปป.ลาว เตรียมพร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เติบโตได้ในปี 2567

รัฐบาล สปป.ลาว เร่งให้ความสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ในปี 2567 สปป.ลาว ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและชาวลาวเดินทางท่องเที่ยวในลาวอย่างน้อย 4.6 ล้านคน เพื่อสร้างรายได้ประมาณ 712 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้แคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวปี 2567 ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 6 เดือนแรกในปี 2566 ลาว มีจำนวนนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 1.7 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวไทย เวียดนาม และจีน

ที่มา : https://english.news.cn/20231022/ab974e5e1aa74b48bbe804b1e4443971/c.html

กัมพูชาให้การต้อนรับผู้โดยสารทางอากาศ 3.7 ล้านคน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี

Sinn Chansereyvutha เลขาธิการแห่งรัฐ และปลัดกระทรวงการบินพลเรือนกัมพูชา รายงานว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี กัมพูชาให้การต้อนรับผู้โดยสารทางทางอากาศเกือบ 3.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 162 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสายการบินระหว่างประเทศและภายในประเทศให้บริการเที่ยวบินมายังกัมพูชารวมทั้งสิ้น 37,200 เที่ยวบิน ในช่วงเวลาดังกล่าว คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 103 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การขนส่งสินค้าทางอากาศกลับปรับตัวลดลงร้อยละ 6 หรือคิดเป็นปริมาณ 41,000 ตัน ด้านเลขาฯ กล่าวเสริมว่าปริมาณนักท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากทางการได้เปิดสนามบินนานาชาติเสียมราฐ-อังกอร์ (SAI) ซึ่งเป็นสนามบินแห่งใหม่ที่ลงทุนโดยจีน จะช่วยดึงดูดสายการบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศให้เข้ามายังกัมพูชามากขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501378854/cambodia-records-3-7-million-air-passengers-in-the-first-9-months/

นักเศรษฐศาสตร์ลาวแนะ ‘ต้องดึงเม็ดเงินต่างชาติ’ เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินกีบ

ศ.ภูเพชร เคียวภิลาวงศ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสและคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว เสนอแนะวิธีรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบและจัดการกับความท้าทายทางเศรษฐกิจของลาวที่ตกต่ำจากปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น โดยลาวจำเป็นต้องดึงดูดเงินตราต่างประเทศเข้ามามากขึ้นด้วยการเพิ่มมูลค่าของการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศจะช่วยรักษาเสถียรภาพของค่าเงินกีบไม่ให้อ่อนค่าลงไปกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ไข คือ แก้ไขกฎระเบียบการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติในลาว โดยปัจจุบันยังไม่มีการออกกฎระเบียบดังกล่าวมารองรับว่าชาวต่างชาติสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลาวได้ หากแก้ไขได้จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาได้อีกทางหนึ่ง

ที่มา : https://www.nationthailand.com/world/asean/40031972

สงครามอิสราเอล-กราดยิงพารากอน ททท. ชี้ 2 ความเสี่ยงท่องเที่ยวไทยปลายปี 66

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันนัก ท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย (ณ ต้นเดือนตุลาคม ปี 2566) แตะ 20 ล้านคน คาดการณ์ว่าเป้าหมายที่วางไว้ 25-28 ล้านคน มีความเป็นไปได้ เนื่องจาก เดือนตุลาคม-ธันวาคม ปี 2566 แนวโน้มนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มตลาดระยะไกล หรือลองฮอลล์ (จากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา) ที่ยังมีบุ๊กกิ้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงตลาดระยะใกล้ หรือ ช็อตฮอลล์ ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายของไทยก็เติบโต ทั้งเกาหลีใต้ มาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย ทำให้เป้าหมายที่วางไว้ 25 ล้านคน น่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ดี ช่วงไฮซีซั่นภาคการท่องเที่ยว คือ ช่วงปลายปี 2566 ทว่าไทยพบความเสี่ยง 2 ประการ ได้แก่ กราดยิงสยามพารากอน และซ้ำเติมด้วยปัญหาสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งเบื้องต้นเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอนคาดว่าจะกระทบไทยในระยะสั้น โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน สะท้อนจากตัวเลขการจองไฟลท์บินจากจีนมาไทยลดลง ขณะที่สงครามอิสราเอล-ฮามาส ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงในแง่ความรู้สึกของนักท่องเที่ยว จนทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความลังเลในการเดินทาง เพื่อรอดูสถานการณ์ แต่ยังเร็วไปที่จะประเมินผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวอิสราเอลปัจจุบันเดินทางเข้าไทยประมาณ 170,000-180,000 คน โดยประเมินว่าสิ้นปี 2566 จะเข้ามาเยือนถึง 200,000 คน เนื่องจากเที่ยวบินระหว่างกรุงเทลอาวีฟ ไปภูเก็ตและกรุงเทพ ยังไม่มีการยกเลิก

ที่มา : https://moneyandbanking.co.th/2023/66705/