เมียนมา-เซ็น MoU บังคลาเทศ ส่งออกข้าวกว่า 165,000 ตัน

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา (MoC)  เผย เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาเมียนมาและบังกลาเทศ ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) โดย บังคลาเทศตกลงที่จะซื้อข้าวขาว 250,000 ตันและข้าวนึ่งอีก 50,000 ตันจากเมียนมา ตั้งแต่ปี 2565-2570 ซึ่ง ณ วันที่ 2 มกราคม 2565 เมียนมาส่งออกข้าวไปบังคลาเทศแล้วกว่า 165,000 ตัน ส่วนที่เหลือจะส่งมอบภายในระยะเวลากำหนด ตามข้อตกลงพันธ์ขาวที่จะทำการส่งออก คือ ข้าวขาว (ATAP) พันธุ์ GPCT Broken STX ราคา FOB ที่ส่งออกจะอยู่ที่ 2.78856 หยวนต่อกิโลกรัม และ 2,788.56 หยวนต่อตัน ทั้งนี้ กรมอาหารของบังกลาเทศและสมาพันธ์ข้าวแห่งเมียนมา (MRF) ได้ลงนาม MoU ร่วมกัน โดยได้ส่งข้าวเป็นครั้งแรกในปี 2560 จำนวน 100,000 ตัน และในปี 2564 เป็นครั้งที่ 2

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-over-165000-tonnes-of-rice-to-bangladesh-under-g-to-g-pact/#article-title

ตลาด Mingala แห่งใหม่จะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2566

คณะกรรมการพัฒนาเมืองย่างกุ้ง (YCDC) เผย การก่อสร้างตลาด Mingala แห่งใหม่มีกำหนดแล้วเสร็จในปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 และร้านค้าที่สร้างเสร็จแล้วบางส่วนจะเปิดขายในต้นปีนี้ โดยการก่อสร้างเริ่มต้นในปี 2562 ซึ่งตลาดแห่งใหม่จะเป็นอาคารสูง 17 ชั้นที่มีร้านค้ากว่า 5,000 ร้านค้า ลิฟต์ 21 ตัว และลานจอดรถที่สามารถรองรับรถได้มากกว่า 700 คัน และภายในตลาดจะประกอบไปด้วยโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ธนาคาร และซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อสร้างเสร็จแล้ว บรรดาร้านค้า ที่เคยค้าขายในตลาดเดิมจะย้ายไปอยู่ที่ตลาดใหม่ได้ทันที ส่วนผู้ที่ต้องการเช่าร้านค้าเพื่อค้าขายสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่แผนกการตลาดของ YCDC ทั้งนี้ตลาด Mingala แห่งใหม่ในเมือง Mingala Taungnyunt ของภาคย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เดิมเป็นตลาดระดับไฮเอนด์ที่เคยขายสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งปลีกและส่ง ถูกไฟไหม้ไปแล้ว 2 ครั้ง ในเดือนพฤษภาคม 2553 และเดือนมกราคม 2559

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/new-mingala-market-to-be-completed-in-april-2023/#article-title

เดือนพ.ย. 65 เขตเศรษฐกิจพิเศษ ‘ติละวา” ดูดเม็ดเงิน FDI กว่า 2.188 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหารบริษัท (DICA) ของเมียนมา เผยตัวเลข การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ณ เดือนพฤษจิกายน 2565 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา (Thilawa SEZ)  มีมูลค่ากว่า 2.188 พันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ภายใต้กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ปัจจุบัน มีโรงงานประมาณ 102 แห่งที่ดำเนินการในโซน A และ B ของ Thilawa SEZ โดยภาคพลังงานมีการลงทุนสะสมไปแล้วมากกว่า 3.121 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ DICA มีความยินดีและให้การต้อนรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและการลงทุนในประเทศของชาวเมียนมาในทุกภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งกระทรวงกลาโหมและกระทรวงที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในการลงทุนอีกด้วย

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/thilawa-sez-attracts-over-us2-188-bln-as-of-nov-2022/#article-title

โรงไฟฟ้าตองดอวิน แหล่งพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 3 ของเมียนมา เสร็จสมบูรณ์แล้ว

บริษัท กรีน เพาเวอร์ เอ็นเนอร์จี จำกัด เผย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตองดอวิน ใกล้กับเมืองธัญญวาและเมืองมิตธา ในภาคมัณฑะเลย์ ของเมียนมา ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งโรงไฟฟ้านี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 25 เมกะวัตต์ต่อปี ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์จำนวน 45,980 แผง และระบบติดตามแสงอาทิตย์เพื่อเพิ่มพลังงานไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ (PV) จากดวงอาทิตย์ โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้ที่มีแรงดันไฟฟ้าขนาด 132KV จะถูกส่งไปยังโครงข่ายสายส่งแห่งชาติ (National Grid) ผ่านระบบจ่ายไฟฟ้าแบบยกสูงขนาด 33 kV ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตองดอวินเป็นหนึ่งในโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 29 โครงการ และเป็นโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 ที่สร้างแล้วเสร็จของเมียนมา

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/taungdawgwin-solar-power-project-completed/#article-title

ราคาหัวหอมเมียนมาดิ่งลง ในรอบ 3 สัปดาห์

ผู้ค้าส่งหัวหอมในตลาดบุเรงนอง ของเมียนมา เผย ในช่วงต้นปี 2566 ราคาหัวหอมยังคงมีแนวโน้มลดลง จากผลผลิตที่ออกมาสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2566 มีผลผลิตหัวหอมจากภูมิภาคต่างๆ จำนวน 210,000 visses (visses เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) โดยราคาหัวในเมืองมยินยาน อยู่ที่ 1,700-2,300 จัตต่อ visses ส่วนราคาหัวหอมในเมืองมิยธา อยู่ที่ 2,000-2,600 จัตต่อ visses ที่ผ่านมาในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ผลผลิตหัวหอมช่วงฤดูมรสุมประมาณ 5 ล้านหัวถูกส่งไปยังเมืองมยินจาน และเมืองปะโคะกู ซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อ-ขายหัวหอมของประเทศ ส่งผลให้ราคาหัวหอมลดลงจาก 3,500 จัตต่อ visses เหลือ 1,950-2,100 จัตต่อ visses ในวันที่ 2 มกราคม 2566

ที่มา:  https://www.gnlm.com.mm/onion-price-heads-for-three-week-fall/#article-title

อะโวกาโด พันธุ์แฮสส์ (Hass) เริ่มออกขายอย่างคึกคักในตลาดของเมียนมา

นาย อู เมียว ยุน รองประธานสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกอะโวคาโดแห่งเมียนมา เผย ปัจจุบัน อะโวกาโด พันธุ์แฮสส์ (Hass) ได้วางจำหน่ายในตลาดภายในประเทศเป็นหลักและได้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับผู้ค้าในท้องถิ่น โดยฤดูเก็บเกี่ยวของอะโวคาโดอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งราคาอยู่ระหว่าง 3,000 ถึง 7,000 จัตต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับคัดเกรด ส่วนใหญ่แล้วอะโวคาโด จะถูกส่งไปยังเมืองใหญ่ๆ อย่างย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปยังตลาดมูเซ, ล่าเสี้ยว และโมนยวา ปัจจุบันผู้ค้าได้ขยายช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและโซเชียลมีเดียกันมากขึ้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/hass-avocado-sales-brisk-in-domestic-market/#article-title