จักรยานมือสองญี่ปุ่น ครองส่วนแบ่งตลาดใน “มัณฑะเลย์”

เมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีการใช้จักรยานเพื่อการท่องเที่ยวในเขตเมืองเป็นหลัก ซึ่งจักรยานมือสองจากญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งการตลาดสูงในเมืองมัณฑะเลย์ ทำให้มียอดขายสูงขึ้นส่งผลให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ราคาอยู่ที่ประมาณ 120,000 – 150,000 จัตต่อคัน ซึ่งจักรยานจากญี่ปุ่นที่นำเข้ามาในประเทศจะผ่านทางทะเล หลังจากนั้นร้านที่รับซื้อจะทำการซ่อมบำรุงรักษาเพื่อไปขายต่อให้กับผู้ที่สนใจรับซื้อ ปัจจุบันในตลาดจะมีที่นำเข้ามาทั้งจากจีนและญี่ปุ่นแต่ที่นิยมส่วนมากจะเป็นของญี่ปุ่นเพราะ มีความทนทานสูงและสมรรถนะที่ดี และในช่วงที่น้ำมันแพงยิ่งเป็นตัวเร่งให้จักรยานเป็นที่ต้องการในตลาดเป็นมากขึ้น

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/used-bikes-from-japan-grasp-market-share-in-mandalay-city/

ครึ่งปีแรกของปี 65 ท่าเรือย่างกุ้งมีเรือขนส่งสินค้า เทียบท่าถึง 306 ลำ !

การท่าเรือเมียนมา เผย ครึ่งแรกของปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) มีเรือขนสินค้าทั้งหมด 306 ลำเข้าจอดเทียบท่าของท่าเรือย่างกุ้ง ทำให้มีแผนที่จะขยายการให้บริการตั้งแต่เดือนพ.ค.2565 เพื่อให้การส่งออกและนำเข้าสะดวกสะบายมากขึ้น โดยมีจำนวนเรือที่เข้ามาเทียบท่า ดังนี้ เดือนม.ค. จำนวน 49 ลำ,เดือนก.พ จำนวน 48 ลำ, เดือนมี.ค. จำนวน 50 ลำ, เดือนเม.ย. จำนวน 52 ลำ, เดือนพ.ค.จำนวน 54 ลำ และเดือนมิ.ย. จำนวน 53 ลำ ซึ่งมูลค่าการค้าทางทะเลระหว่างวันที่ 1 เม.ย. ถึง 24 มิ.ย.2565 ของปีงบประมาณปัจจุบัน 2565-2566 มีมูลค่า 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว ที่มีมูลค่าการค้า 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ประมง แร่ธาตุ ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากป่า สินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในขณะที่การนำเข้า ได้แก่ สินค้าทุน สินค้าอุปโภคบริโภค และวัตถุดิบอุตสาหกรรม ปัจจุบันเมียนมามีท่าเรือ 9 แห่ง ซึ่งท่าเรือย่างกุ้งถือเป็นประตูการค้าทางทะเลของเมียนมา

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/yangon-port-handles-306-cargo-ships-in-h1/#article-title

ก.พ.65 เมียนมาส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จ พุ่ง! 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำนักงานสถิติกลางของเมียนมา เผย เดือนก.พ. 2565 เมียนมามีรายได้จากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปมากกว่า 360 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 217.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีงบประมาณ 2562-2563 การส่งออกเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ทำรายได้เกือบ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงมากกว่า 63 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยหลักๆ แล้วอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในเมียนมาเป็นแบบ สินค้าตัดเย็บ หรือ CMP (Cut, manufacture and produce) คำสั่งซื้อหลักๆ จะมาจากประเทศในสหภาพยุโรป จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์เมียนมา ระบุว่า การส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นสามเท่าจาก 337 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2553 เป็นเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2557 ขณะที่ ในปี 2558 การส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปสูงถึง 1.46 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 10% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของทั้งประเทศ

ที่มา: https://news-eleven.com/article/233400

YRIC รับรอง 3 โครงการผลิต CMP จาก 3 ประเทศ สร้างงานได้ถึง 3,373 ตำแหน่ง!

ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการการลงทุนเขตย่างกุ้ง (YRIC) ได้รับรองการลงทุนจากบริษัทในประเทศใน 3 แห่ง และจากต่างประเทศอีก 3 แห่ง เพื่อลงทุนในภาคการผลิต ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 4.44 พันล้านจัต และ 6.659 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ โดยโครงการทั้ง 6 จะทำการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ และการผลิตเสื้อชั้นใน ชุดชั้นใน และการผลิตเสื้อผ้าแบบการตัด การผลิต และการบรรจุ (CMP) ซึ่งสามารถสร้างงานได้ถึง 3,373 ตำแหน่ง จนถึงปัจจุบัน มีการลงทุนจากจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สาธารณรัฐเกาหลี เวียดนาม อินเดีย ไต้หวัน มาเลเซีย หมู่เกาะเวอร์จินของอังกฤษ และเสาธารณรัฐเซเชลส์ เริ่มเข้ามาลงทุนกันมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อลดความซับซ้อนในการตรวจสอบโครงการการลงทุน กฎหมายการลงทุนของเมียนมา ได้อนุญาตให้คณะกรรมการการลงทุนระดับภูมิภาคและระดับรัฐสามารถอนุมัติการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเงื่อนไขคือเงินลงทุนเริ่มต้นต้องไม่เกิน 6 พันล้านจัตหรือ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/yric-endorses-3-domestic-3-foreign-cmp-manufacturing-projects-with-3373-job-opportunities/

ราคาน้ำมันปาล์มในเมียนมา ดิ่งลง ! ตามแนวโน้มของตลาดต่างประเทศ

ราคาน้ำมันปาล์มในเมียนมาเมื่อต้นเดือนพ.ย.2565 ที่ผ่านมา พุ่งแตะ 8,000 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) แต่ราคาขณะนี้ลดฮวบเหลือ 7,000 จัตต่อ viss โดยคณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันประกอบอาหารภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคานำเข้า FOB จากมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด ขณะที่ ราคาอ้างอิงของน้ำมันปาล์มในตลาดย่างกุ้ง วันที่ 20 -30 มิ.ย.2565 ตั้งไว้ที่ 5,815 8,000 จัตต่อ viss อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดยังสูงกว่าราคาอ้างอิงอยู่มาก ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์เมียนมา ออกมาให้ความมั่นใจว่า ผู้บริโภคไม่ต้องตื่นตระหนักกับปริมาณของน้ำมันประกอบอาหารพร้อมย้ำว่าจะมีเพียงพออย่างแน่นอน อีกทั้งจะกำกับราคาให้มีความเป็นธรรม และป้องกันการบิดเบือนตลาดในประเทศ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/palm-oil-prices-fall-again-on-downtick-trend-in-external-market/

ราคาพริกแห้งเมียนมา พุ่ง! 7,500 จัตต่อ viss

ราคาพริกแห้ง (พันธุ์ Shankyun และ Moe Htaung) ขยับสูงขึ้นเป็น 7,500 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กก.) ซึ่งราคาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2565 อยู่ที่ 4,500 จัตต่อ viss แต่อีก 3 สัปดาห์ต่อมาพุ่งขึ้นเป็น 7,500 จัตต่อ viss เนื่องจากความต้องจากไทยที่มีมากขึ้นและผลผลิตในประเทศลดน้อยลง อีกทั้งพริกจากอินเดียไม่สามารถส่งออกไปยังไทยได้ เนื่องจากเกิดฝนตกหนักและผลผลิตตกต่ำ ดังนั้นจึงหันมาซื้อพริกจากเมียนมาแทน นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตที่สูง เช่น ปุ๋ย น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องจักรการเกษตร เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาสูงขึ้นเช่นกัน คาดว่าราคาพริกจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากความต้องการพริกที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยพริกของเมียนมาส่วนใหญ่ส่งออกไปยังไทยและจีนผ่านทางชายแดน ในขณะที่การส่งออกทางทะเลจะเป็นของเวียดนาม ทั้งนี้พริกส่วนใหญ่ในประเทศจะนิยมปลูกในเขตอิรวดี มัณฑะเลย์ มะกเวและรัฐฉาน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/dried-chilli-pepper-price-rallies-to-k7500-per-viss/

ปีงบฯ 65-66 เมียนมานำเข้าสินค้าเพื่อการลงทุนลดฮวบ! 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ณ วันที่ 17 มิ.ย.2565 ของปีงบประมาณ 2565-2566- การนำเข้าสินค้าเพื่อการลงทุนลดลงมากกว่า 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ถึงวันที่ 17 มิ.ย.2565 มีการนำเข้าสินค้ากว่า 701.135 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 1,006.802 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในเดือนแรกของปี 2564-2565 (งบประมาณย่อย) เมียนมามีรายได้จากการค้าระหว่างประเทศมากกว่า 3,072 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเกือบ 389 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นรายได้จากการส่งออกอยู่ที่ 1,533.690 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำเข้า 1,538.717 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีมูลค่าการค้ารวม 3,072.407 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้สาระสำคัญของยุทธศาสตร์การส่งออกแห่งชาติ พ.ศ. 2563-2568  ของเมียนมา คือการผลิตอาหารจากการเกษตร สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ การประมง ผลิตภัณฑ์จากป่า สินค้าดิจิตอลและการบริการดิจิทัล โลจิสติกส์ และการให้บริการข้อมูลทางการค้า

ที่มา: https://news-eleven.com/article/233019