“กาแฟเวียดนาม”โตแกร่ง สกัดแบรนด์”สตาร์บัคส์”รุ่ง
กาแฟ เป็นเครื่องดื่มท้องถิ่นในเวียดนามที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมประเทศนี้ยังมีร้านคาเฟ่มากกว่าที่อื่น ๆ ในโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อสตาร์บัคส์รุกเข้าไปทำตลาดในเวียดนามเมื่อปี 2556 จึงเจอกับการคาดหวังที่หลากหลายจากแบรนด์อเมริกันชื่อดังอื่นๆ ทั้งแมคโดนัลด์และซับเวย์ “เหวียน กิมเงิน” เจ้าของร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งในโฮจิมินห์ ซิตี้ เล่าว่าสตาร์บัคส์ไม่ใช่ร้านกาแฟที่ผู้คนทั่วไปอยากเข้าไปนั่งดื่มได้ทุกวัน ผมอยากทำกาแฟที่มีคุณภาพและให้บริการกาแฟที่ผู้คนสามารถหาซื้อได้
ทั้งนี้ เมื่อดูจากมูลค่าทางการตลาดกาแฟและจำนวนร้านกาแฟ พบว่าเวียดนามเป็นตลาดกาแฟใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ข้อมูลจากเว็บไซต์โนมา (knoema) ระบุว่า ไตรมาสแรกของ ปี 2566 เวียดนามมีสตาร์บัคส์เพียง 87 สาขา ถือว่ามีสาขาน้อยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยแบรนด์ที่มีสาขามากที่สุด คือ ไฮแลนด์สคอฟฟี มีสาขาในเวียดนามมากถึง 573 สาขา รองลงมาเป็นคอฟฟีเฮาส์ 154 สาขา ขณะที่แบรนด์ฟุกลองมี 111 สาขา และแบรนด์ตรุงเหวียนเลเจนด์ใกล้แตะ 100 สาขา
“เวียดนาม” เผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่กับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล
จากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2565 (e-Conomy SEA 2022) ฉบับที่ 7 โดย Google, Temasek และ Bain & Company ระบุว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามในปี 2565 มีมูลค่าสูงถึง 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะพุ่งทะยานแตะ 49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 ซึ่งเป็นการเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยตัวเลขของรายได้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ของเวียดนาม อยู่ที่ 148 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว คิดเป็น 14.26% ของ GDP และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจดิจิทัลที่คิดเป็น 20% ของ GDP ประเทศ ทำให้เวียดนามจำเป็นต้องรักษาการเติบโตเศรษฐกิจดิจิทัลต่อปีที่ประมาณ 20% ซึ่งสูงกว่าประมาณการณ์การขยายตัวของ GDP ที่คาดการณ์ไว้มากกว่าสามเท่า
การล่มสลายของแบงก์ SVB ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเวียดนาม
Michael Kokalari หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากกองทุนเพื่อการลงทุน VinaCapital กล่าวว่าการล่มสลายของธนาคารซิลิคอนวัลเลย์แบงก์ (Silicon Valley Bank: SVB) จะไม่สร้างผลกระทบต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจเวียดนาม และยังไม่พบความเสี่ยงจากเหตุการณ์ข้างต้นที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไรหรือความสามารถในการชำระหนี้ของธนาคารในเวียดนาม ทั้งนี้ ธนาคารเวียดนามส่วนใหญ่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลอยู่งบแสดงฐานะการเงิน และราคาพันธบัตรรัฐบาลเวียดนาม อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง 15% ตั้งแต่กลางปี 2564 และอัตราผลตอบแทนพุ่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลเวียดนาม อยู่ที่ราว 6% ของสินทรัพย์รวมของธนาคาร
นอกจากนี้ การล่มสลายของธนาคาร SVB ไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจเวียดนาม แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ 20% ของ GDP
บริษัทสหรัฐฯ เล็งสำรวจโอกาสลงทุนในเวียดนาม
ตัวแทนของบริษัทในสหรัฐฯ มากกว่า 50 แห่งจะเดินทางเยือนเวียดนามระหว่างวันที่ 21-22 มีนาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับการลงทุนและโอกาสทางธุรกิจภายใต้โครงการประจำปีที่จัดขึ้นโดยสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน ทั้งนี้ คุณ Vũ Tự Thành ตัวแทนสภาธุรกิจเวียดนาม กล่าวว่าองค์กรได้จัดงานดังกล่าวมาเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี และในครั้งนี้นับว่าเป็นภารกิจที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประเทศ บริษัทสหรัฐฯ บางรายมีมุมมองที่น่าสนใจกับเวียดนามในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการผลิตและผู้ให้บริการ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงถึง 8% ในปีที่แล้ว โดยหนึ่งในบริษัทสหรัฐฯ คือ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ที่ต้องการให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในเวียดนามและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และยังรวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ได้แก่ Pfizer, Johnson & Johnson, Abbott, Visa, Citibank, Meta และ Amazon เป็นต้น
“เศรษฐกิจเวียดนาม” ฟื้นตัวแข็งแกร่ง
การรักษาความสมดุลและเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสถานการณ์โลกในปัจจุบันอยู่ในช่วงความไม่แน่นอนและมีโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2565 พบว่าภาคเกษตร ป่าไม้ และประมง และภาคอุตสาหกรรม มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 3.36%, 7.78% และ 9.99% ตามลำดับ ตามมาด้วยผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนใหม่และธุรกิจที่กลับมาดำเนินกิจการ มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดการค้ารวมของเวียดนาม อยู่ที่ 732.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเวียดนามมียอดเกินดุลการค้า 11.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเวียดนามกำลังเผชิญกับความยากลำบาก ตลอดจนความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก สาเหตุหลักมาจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน และแรงกดดันเงินเฟ้อ
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-economy-seeing-strong-recovery/250088.vnp
“เวิลด์แบงก์” ชี้ ธ.กลาง จับตาตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด
นางแคโรลีน เติร์ก ผู้อำนวยการธนาคารโลก ประจำเวียดนาม กล่าวว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มมุ่งหน้าสู่ความปั่นป่วน ขณะที่เผชิญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อุปสงค์ลดลง เงินเฟ้อสูงขึ้นและการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด โดยเฉพาะด้านสินเชื่อ ของธนาคารกลางทั่วโลก ความคิดเห็นข้างต้นนั้นเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่ธนาคารสหรัฐฯ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (ธนาคารใหญ่เป็นอันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ) ตามมาด้วยธนาคารซิกเนเจอร์ และธนาคารซิลเวอร์เกตที่ร่วงลงมา ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก ซึ่งผู้ที่มีอำนาจในการกำกับนโยบายควรให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ในครั้งนี้และเตรียมวางแผนที่จะเข้ามาแทรกแซง หากมีความจำเป็น
“เวียดนาม” เผย 500 บริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในปี 2566
ตามรายงานของ Vietnam Report JSC และสำนักข่าว VietNamNet ระบุว่าบริษัท Tin Viet Finance JSC, บริษัท Dolphin Sea Air Services Corporation และบริษัท VPS Securities JSC เป็น 1 ใน 10 บริษัทแรกในกลุ่ม 500 บริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในเวียดนาม (FAST500) ทั้งนี้ จากผลการสำรวจบริษัท 500 รายที่เติบโตเร็วที่สุดในเวียดนาม พบว่าอัตราการเติบโตของรายได้ในกลุ่มบริษัท FAST500 ขยายตัวดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงปี 2560-2566 โดยเฉพาะภาคเอกชนที่ทำให้อัตราการเติบโตของกลุ่มดังกล่าว ขยายตัว 2.3% สะท้อนให้เห็นถึงการการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ และหากสอบถามกลุ่มตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ 81.3% ยังคงรักษาระดับการเติบโตของรายได้ในปี 2565 และ 70% ทำกำไรมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/500-fastestgrowing-companies-in-2023-announced/249980.vnp