สปป.ลาว-เวียดนามปฏิญาณกระชับความสัมพันธ์ความเป็นปึกแผ่นพิเศษ

ประธานาธิบดีสปป.ลาว Mr.Thongloun Sisoulith ได้ให้คำมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Mr.Nguyen Xuan Phuc ประธานาธิบดีแห่งรัฐที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ของเวียดนามเพื่อยกระดับความสัมพันธ์การร่วมมือและความเป็นปึกแผ่นพิเศษระหว่างทั้งสองประเทศให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น หลายปีมานี้เวียดนามได้ให้การสนับสนุนต่อสปป.ลาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือของเวียดนามในการฟื้นฟูสปป.ลาวจากภัยพิบัติ รวมถึงการช่วยสปป.ลาวในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ท่ามกลางวิกฤตการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศและโลก เวียดนามถือเป็นประเทศหนึ่งที่สปป.ลาวมีการพึ่งพาทั้งด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งเวียดนามเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับสามในสปป.ลาวรองจากจีนและไทยในปี 2563 มูลค่าลงทุนจากเวียดนามทั้งหมด 4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้านการค้ามีมูลค่าอยู่ที่ 815 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_LaosViet_68.php

เวียดนามรับข้อเสนอสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจแก่นักลงทุนต่างชาติ

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ณ กรุงฮานอย นาย Mai Tien Dung รัฐมนตรีและประธานสำนักงานรัฐบาล กล่าวต้อนรับนายลีคังอู ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัทล็อตเต้ พร็อพเพอร์ตี้ และนาย Horst Geicke ประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัทโฮทรัม แซงซัวรี่ โดยภายในงานต้อนรับนั้น นายลีคังอูได้แสดงความยินดีกับรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้และเรื่องการผลิตวัคซีน ตลอดจนความร่วมมือที่มีอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ นาย Dung ยังกล่าวเสริมว่ารัฐบาลเวียดนามชื่นชมความพยายามของเกาหลีใต้ในฐานะเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ๋ที่สุดในประเทศ และทั้งสองประเทศยังมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามอุปสรรคการระบาดของเชื้อไวรัส ทั้งนี้ รัฐมนตรีฯ กล่าวถึงปัญหาที่ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ดังนั้น จึงต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวค่อนข้างมาก

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-willing-to-offer-optimal-conditions-for-foreign-investors-28795.html

International Finance Corporation เสนอแผนปฏิรูปด้านการลงทุนดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

International Finance Corporation เผยแพร่รายงานที่เกี่ยวข้งกับการลงทุนในสปป.ลาว โดยมีรายละเอียดในเรื่องการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนแบบองค์รวมควบคู่ไปกับการปฏิรูปกฎระเบียบอย่างต่อเนื่องของสปป.ลาว จะช่วยให้สปป.ลาวดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่หลากหลายและมีคุณภาพสูงขึ้น แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้สปป.ลาวสามารถขยายเศรษฐกิจและสร้างงานเพิ่มขึ้น การปฏิรูปด้านการลงทุนมีเป้าหมายเพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบเชิงบวกของการลงทุนโดยตรงต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่น ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา FDI เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสปป.ลาว อย่างไรก็ตามรายงานเผยว่าการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในทรัพยากรธรรมชาติทำให้เกิดโอกาสในการทำงานที่ จำกัด และไม่สามารถปลดล็อกศักยภาพของ FDI ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นความท้าทายที่สปป.ลาวจะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อโอกาสในการดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติมวึ่งจะเป็นกลไกที่สำคัญตัวหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_New35.php

เวียดนามเผยช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เม็ดเงิน FDI แตะ 23.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากรายงานทางสถิติของกระทรวงการวางแผนและการลงทุน (MPI) เปิดเผยว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 23.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่า 7.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31.9 ของยอดการลงทุนรวมในเวียดนาม รองลงมาเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น ไทยและไต้หวัน (จีน) ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนจดทะเบียนธุรกิจรายใหม่และการปรับเพิ่มเงินทุน รวมถึงเม็ดเงินทุนจากการซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ อยู่ที่ 23.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 20 ต.ค. ในขณะเดียวกัน ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปได้รับการดึงดูดจากนักลงทุนต่างชาติมากที่สุด ด้วยมูลค่ารวม 10.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45.7 ของยอดเงินทุนจดทะเบียนรวม นอกจากนี้ จังหวัดบักเลียว (Bac Lieu) ยังคงเป็นแหล่งดึงดูดเงินทุน FDI มากที่สุดในเวียดนาม ด้วยมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมานครโฮจิมินห์, ฮานอย, บ่าเสียะ-หวุงเต่า, บิ่ญเซืองและไฮฟอง ตามลำดับ

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/fdi-reaches-us2348-billion-in-ten-months-813090.vov

FTA ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเวียดนามพุ่งสูงขึ้น

เมื่อต้นเดือน ก.ย. ปีนี้ พบว่ามูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศอยู่ที่ 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 13.7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนโครงการใหม่ 1,797 โครงการ ด้วยเงินทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 9.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่านโยบายในการดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่ได้ผลอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบในเชิงลบท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่เวียดนามลงนามกับญี่ปุ่น ยุโรปและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย ล้วนเป็นประโยชน์อย่างสูงสำหรับการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในเวียดนาม นอกจากนี้ การแก้ไขอุปสรรคทางการค้าอย่างรวดเร็ว ตลอดจนแนวทางในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสแก่องค์กรต่างๆ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการต่างชาติต่อสภาพแวดล้อมในการลงทุนดีขึ้น ในขณะเดียวกัน จากรายงาน “Doing Busines” ปี 2563 ได้จัดอันดับเวียดนามอยู่ใน 70 จากทั้งหมด 190 ประเทศ โดยพิจารณาจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ การส่งเสริมให้เข้าถึงข้อมูลเครดิต และพัฒนาฐานข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/ftas-help-attract-more-foreign-investors-to-vietnam-24468.html

กัมพูชาเรียกร้องให้มีการพัฒนาพื้นที่ใกล้สนามบินเพิ่มเติม

รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้นักพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ความสำคัญกับโครงการพัฒนาในพื้นที่ของสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ใกล้เมืองหลวง โดยรัฐบาลสนับสนุนความร่วมมือระหว่างนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลมองว่าภาคเอกชนมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในกัมพูชาในปัจจุบัน ซึ่งสนามบินนานาชาติพนมเปญแห่งใหม่ตั้งอยู่ในจังหวัดทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ อยู่ระหว่างการพัฒนาโดย Cambodia Airport Investment Co Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม บริษัท ในท้องถิ่น OCIC และสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐของรัฐบาล โดยมูลค่าโครงการเพื่อการลงทุนอยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ตามตัวเลขของกระทรวงการจัดการที่ดินการวางผังเมืองและการก่อสร้างมีโครงการกว่า 2,522 โครงการที่ได้รับการอนุมัติในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ด้วยมูลค่ากว่า 3.842 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1,047 โครงการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 13.26

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50756645/call-for-more-development-near-capitals-new-airport/

เวียดนามเผยม.ค.-ก.ค. ดึงดูดเม็ดเงิน FDI ลดลง 6.9% (18.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม เปิดเผยว่าเวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มูลค่า 18.82 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ลดลงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยมี 526 โครงการที่ได้รับอนุญาตใหม่ ยอดการลงทุนที่เป็นการลงทุนเพิ่มในโครงการที่มีอยู่ปัจจุบัน 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว มีนักลงทุนต่างชาติ 4,459 รายที่เข้ามาลงทุนและซื้อหุ้น มูลค่าราว 4.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่ลงทุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปเกือบร้อยละ 55 ของยอดทั้งหมด ขณะที่ ร้อยละ 28.8 ก๊าซ น้ำและจำหน่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ การลงทุน FDI ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม, ภาค FDI คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของยอดส่งออกทั้งประเทศ

ที่มา : https://e.nhipcaudautu.vn/economy/vietnams-jan-jul-pledged-fdi-drops-69-to-1882bln-3336300/

นักลงทุนต่างชาติพร้อมที่จะลงทุนโครงการที่อยู่อาศัย

ในปัจจุบันหนี้ไม่พ้นจากปรากฎการณ์การขยายตัวอย่างรวดเร็วของความเป็นเมืองทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เช่น เวียดนามที่มีจำนวนประชากรเติบโตอย่างรวดเร็วจากในปี 1990 อยู่ที่ 66 ล้านคนมาจนถึงปี 2562 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 96.5 ล้านคน ซึ่งนับว่าเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขณะที่ อัตราการเกิดต่ำส่งผลให้มีการย้ายไปสู่เมืองมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เวียดนามต้องเผชิญกับความไม่สมดุลระหว่างอุปทานที่อยู่อาศัยกับความต้องการที่แท้จริง โดยจากข้อมูลของ JLL พบว่าอุปทานรวมของอพาร์ทเมนท์ในเมืองสำคัญ ณ ไตรมาสที่ 4/62 อยู่ที่ 201,707 ยูนิต ซึ่งอัตราดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทางคุณสตี่เฟน (Country Head) มองว่าควรมุ่งเน่นไปที่ตลาดที่อยู่อาศัย เนื่องจากเป็นความต้องการที่แท้จริง ทั้งนี้ เขตเมืองทุกวันนี้กำลังเผชิญกับปัญหาที่ดินลดน้อยลงจากราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น เป็นผลมาจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น การให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่มากเกินไปและการขาดแคลนของสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เป็นต้น นอกจากนี้ ในอีก 10 ปีข้างหน้า เวียดนามจะอยู่ในช่วงกลุ่มประชากรยุคทอง จากการจ้างงานอุตสาหกรรมและบริการเพิ่มสูงขึ้น และ 1 ใน 4 ของประชากรรวมจะอยู่ในวัย 10-24 ปี ด้วยเหตุนี้จะเป็ยแรงผลักดันให้ราคาที่อยู่อาศัยไม่สูงมากนัก สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการพาณิชย์นั้น นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่มักจะค้นหาที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย (การชดเชยค่าเสียหาย,สถานที่รื้อถอน เป็นต้น) อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดังกล่าวมักจะหาได้ยาก เนื่องจากตลาดอสังหาฯเวียดนามยังคงไม่สมบูรณ์และค่อนข้างชนบท

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/foreign-investors-ready-to-invest-big-in-vietnam-housing-409122.vov

นักลงทุนต่างชาติได้รับอนุญาตเข้าถือหุ้นสายการบินเวียดนาม 34%

เมื่อเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรีได้ลงนามเกี่ยวกับการเข้าถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนและเจ้าของกิจการสายการบิน จากเดิมอยู่ในอัตราร้อยละ 30  แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตราร้อยละ 34 ด้วยพระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 89/2019/ND-CP แก้ไขปรับปรุงจากพระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 92/2559 ประกอบกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสายการดำเนินธุรกิจสายการบิน และกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ซึ่งการร่างพระราชกฤษฎีกาของกระทรวงคมนาคม ในหัวข้อความเป็นเจ้าของใหม่ของนักลงทุนต่างชาติ ไม่เพียงแต่จะดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลประโยชน์ของนักลงทุนในประเทศอีกด้วย โดยการลดเงื่อนไขของธุรกิจให้ง่ายขึ้นและเอื้ออำนวยแก่นักลงทุนที่เข้ามาทำธุรกิจสายการบิน ซึ่งในแง่ของการบริหารการบิน จะต้องใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 100 พันล้านด่อง ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกาจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม   พ.ศ.2563

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/foreign-investors-permitted-to-hold-34-percent-stake-at-vietnamese-airlines-406400.vov