สปป.ลาว ผ่อนปรนข้อจำกัดด้านวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับช่วงที่เหลือของปี 67

รัฐบาล สปป.ลาว อนุมัติให้นักท่องเที่ยวจากบางประเทศสามารถเข้าประเทศลาวได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า และยังได้เพิ่มจำนวนวันที่นักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้สามารถอยู่ในลาวได้มากขึ้นอีกด้วย การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีท่องเที่ยวลาว 2024 โดยกฎระเบียบใหม่นี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมถึง 31 ธันวาคม 2567 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน รวมทั้งผู้ถือหนังสือเดินทางที่ออกฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน และที่เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจทัวร์ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าประเทศลาวโดยใช้บัตรผ่านแดนหรือบัตรผ่านแดนชั่วคราว และสามารถอยู่ในประเทศลาวได้นานถึง 10 วัน จากปกติ 3 วัน และสามารถเดินทางไปยัง 3 จังหวัดที่อยู่ติดกัน โดยต้องออกจากประเทศลาว ณ ทางเข้าประเทศ และต้องใช้บริการของบริษัททัวร์ลาวที่จดทะเบียนกับกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวด้วยเงื่อนไขเดียวกันนี้ใช้กับชาวเวียดนามที่เข้าประเทศลาวด้วยบัตรผ่านแดนหรือบัตรผ่านแดนชั่วคราวตามข้อตกลงทวิภาคี 15 วัน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_124_govteases_y24.php

สปป. ลาว เผยไตรมาสแรกปี 67 มียอดนักท่องเที่ยวแล้ว 1 ล้านคน

กระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว เผยจำนวนนักท่องเที่ยวช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 1 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวไทยมีจำนวนมากที่สุดกว่า 337,689 คน รองลงมาคือชาวเวียดนาม จำนวน 263,160 คน ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวจากจีน เกาหลีใต้ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ รัฐบาล สปป.ลาว ตั้งเป้าที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 4.6 ล้านคนในปี 2567 และคาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและความมุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สปป.ลาว จึงพร้อมที่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/02/laos-welcomes-over-1-million-tourists-in-first-quarter-of-2024/

นายกฯ ฮุน มาเนต เสนอ 9 ข้อ ยกระดับภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ได้เสนอแนะแนวทางทั้ง 9 ข้อ เพื่อยกระดับภาคการท่องเที่ยวกัมพูชา โดยได้กล่าวถึงในระหว่างการเปิดงานเทศกาลน้ำ ครั้งที่ 8 ในจังหวัดเสียมราฐ ซึ่งแนวทางทั้ง 9 ข้อ 1.รักษาสันติภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการพัฒนา 2.การรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินนโยบายหมู่บ้าน-ตำบล 3.ร่วมมือกันพัฒนามาตรการต่างๆอ ภายใต้แนวคิด Dynamics of Stakeholder System เพื่อบรรลุเป้าหมายของโครงการพิเศษ 4.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำ โดยเฉพาะจังหวัดรอบแม่น้ำโขงและทะเลสาบ Tonle Sap เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว เสริมสร้างการเชื่อมโยง และปรับปรุงระบบขนส่ง 5.ส่งเสริมการผลิตสินค้าการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว 6.ปรับปรุง “วนอุทยานพนมกุเลน” ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 7.เรียกร้องให้กระทรวงและสถาบันที่เกี่ยวข้องทั้งหมดวางยุทธศาสตร์ส่งเสริมการจัดงานต่างๆ 8.กระทรวงต่างๆ ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อให้การเดินทางสะดวกและสะบาย และ 9. เรียกร้องให้กระทรวง สถาบัน หน่วยงานทุกระดับ รวมถึงภาคประชาชน ร่วมกันผลักดันโครงการต่างๆ ให้ประสำความสำเร็จ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501457623/pm-shares-nine-recommendations-to-enhance-tourism-sector/

นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามายังเสียมราฐกัมพูชามากกว่า 5,000 คนต่อวัน

จำนวนนักท่องเที่ยวที่ผู้มาเยือนเสียมราฐเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ต้นปี 2024 โดยเพิ่มขึ้นไปแตะระหว่าง 4,000-5,000 คนต่อวัน ตลอดช่วงเดือนมกราคม ตามรายงานล่าสุดของกรมการท่องเที่ยวจังหวัดเสียมราฐ ซึ่งในช่วงเดือนมกราคมทางการให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 124,000-155,000 คน ขณะที่ปริมาณการขายตั๋วเข้าชมอุทยานโบราณคดีนครวัดอยู่ที่จำนวน 115,532 ใบ ตามการรายงานของ Angkor Enterprise (AE) ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้จัดการการขายตั๋วที่อุทยานอังกอร์และหมู่บ้านลอยน้ำ Chong Khneas ในจังหวัดเสียมราฐ รวมถึงวัดเกาะเคอร์ ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในจังหวัดพระวิหารที่อยู่ใกล้เคียงกัน สำหรับในแง่ของการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวทางการได้จัดตั้งสนามบินนานาชาติเสียมราฐ-อังกอร์ (SAI) แห่งใหม่ เพื่อเป็นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามายังจังหวัดมากขึ้น โดยมีเที่ยวบินตรงราคาประหยัดที่เชื่อมโยงระหว่างเสียมราฐกับจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอื่นๆ ทั่วเอเชีย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501440076/siem-reap-sees-rush-of-tourists-over-5000-visit-daily/

รายได้จากภาคการท่องเที่ยวกัมพูชาในปี 2023 แตะ 3 พันล้านดอลลาร์

กัมพูชามีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวในช่วงปี 2023 มูลค่ารวมกว่า 3.03 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 115 จากมูลค่า 1.41 พันล้านดอลลาร์ ที่ได้บันทึกไว้ในช่วงปี 2022 ซึ่งหากวัดเป็นปริมาณคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5.43 ล้านคน ในช่วงเวลาดังกล่าว คิดเป็นการขยายตัวถึงร้อยละ 139.5 รายงานโดยกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกัมพูชาหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ว่าการเติบโตจะยังไม่ถึงระดับที่ทำได้ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อภายในประเทศที่ดีขึ้น เป็นส่วนช่วยในการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น โดยเสริมว่ากระทรวงและภาคเอกชนกำลังเร่งทำงานร่วมกัน เพื่อปรับปรุงบริการด้านการท่องเที่ยวและสร้างผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501438735/kingdom-earns-3-billion-from-tourism-in-2023/

ไทยครองแชมป์ นักท่องเที่ยวต่างชาติมากสุดในอาเซียน

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาซียน ครั้งที่ 27 (ASEAN Tourism Forum : ATF 2024) ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายใต้หัวข้อ “การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบ: มุ่งสู่อนาคตอาเซียนที่ยั่งยืน”(Quality and Responsible Tourism – Sustaining ASEAN Future)” โดยรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน 10 ประเทศ ได้ร่วมแสดงเจตนารมณ์ ที่จะฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ รับผิดชอบ และยั่งยืน มุ่งเน้นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ผ่านการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ปี 2559-2568 ประเด็นที่น่าสนใจที่ได้จากการประชุม พบว่าในปี 2566 ตัวเลขท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียน มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 153% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า โดยแคมเปญการตลาดในปี 2566 ทั้งสองแคมเปญได้แก่ แคมเปญ imaginASEANและแคมเปญฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมมากถึง 2,500 ล้านคนทั่วโลก ด้านนางสาวสุดาวรรรณ กล่าวว่า ใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสูงสุดในปี 2566 จำนวน 28.09 ล้านคน เพิ่มขึ้น 153.94% จากปีก่อนหน้าที่มี 11.06 ล้านคน

ที่มา : https://news.trueid.net/detail/g6l3pP7orbDR

หลวงพระบางคาดมีนักท่องเที่ยว 1.7 ล้านคน ในช่วง Visit Laos Year 2024

เจ้าหน้าที่หลวงพระบางคาดว่าจะมีผู้เยือนเมืองหลวงพระบางมากกว่า 1.7 ล้านคน ในช่วงที่มีแคมเปญ Visit Laos Year 2024 และคาดว่าจะมีเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวอย่างน้อย 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปีนี้เป็นปีที่หลวงพระบาง ขึ้นทะเบียนมรดกโลกกับ UNESCO ครบรอบ 28 ปี โดยพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ถือว่าควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ซึ่งคุณค่าทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ทั้งนี้ นายบุญเหลือ มานิวงศ์ รองเจ้าแขวงหลวงพระบาง กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ทางการแขวงได้เตรียมโปรแกรมกิจกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมตลอดปีนี้ รวมถึงเทศกาลเรือไฟและวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และเป็นสัปดาห์ที่มีการมีส่วนร่วมของจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือและนครโฮจิมินห์ของเวียดนาม

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_11_Luang_y24.php

แคมเปญท่องเที่ยวแขวงหัวพันเคียงข้างต้นซากุระบาน

แขวงหัวพันตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 47,000 คน ภายใต้นโยบายส่งเสริมเที่ยวลาวปี 2567 ด้วยเม็ดเงินประมาณ 5 หมื่นล้านกีบ และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้เริ่มโครงการท่องเที่ยวตามธีมเที่ยวลาว “สวรรค์แห่งวัฒนธรรมลาว ธรรมชาติ และประวัติศาสตร์” โดยในวันเปิดงานมีผู้เข้าร่วมพิธีมากกว่า 1,000 คน ซึ่งใกล้เคียงกับการจัดกิจกรรมมากมายเพื่อเปิดตัวโครงการ ซึ่งรวมถึงการประกวด Miss Peach Blossom การแสดงทางวัฒนธรรม การวิ่งมาราธอน รายการอาหารที่ปรุงโดยกลุ่มชาติพันธุ์ในท้องถิ่น นิทรรศการสินค้าที่ผลิตภายใต้โครงการหนึ่งเขตหนึ่งผลิตภัณฑ์ และงานตลาดนัด ผู้เยี่ยมชมยังสามารถถ่ายภาพดอกท้อและซากุระได้ที่สวนซากุระมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ในเขตเวียงไซ ซึ่งขณะนี้ต้นไม้บานสะพรั่งและเพิ่มสีสันให้กับภูมิทัศน์ฤดูหนาว ทั้งนี้ ดร.คำเพ็ง ไชยสมเพ็ง เจ้าแขวงหัวพัน กล่าวในพิธีเปิดว่า “หัวพันจะจัดกิจกรรมในแต่ละเดือนในช่วงปีเยือนลาวปี 2567 ซึ่งรวมถึงเทศกาลชาติพันธุ์ การเฉลิมฉลองปีใหม่ตามประเพณีของลาว เทศกาลแข่งเรือ และกิจกรรมอื่นๆ หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวลาวและชาวต่างชาติให้มาเยือนแขวงหัวพันเป็นจำนวนมาก และยังดึงดูดนักลงทุนที่มีศักยภาพที่ต้องการจัดตั้งธุรกิจในแขวงอีกด้วย”

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_10_huaphan_y24.php

ธนาคาร SME Bank กัมพูชา พร้อมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวเสียมราฐ

ธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของรัฐกัมพูชา (SME Bank) พร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ผู้ประกอบการ โดยได้เริ่มให้เงินทุนแก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวในจังหวัดเสียมราฐ ร่วมกับการให้ความร่วมมือระหว่าง SME Bank, สมาคมการท่องเที่ยวกัมพูชาในเสียมราฐ, สมาคมชมรมการท่องเที่ยวเสียมราฐ, สมาคมผู้ประกอบการ รุ่นเยาว์แห่งกัมพูชา และสมาคมผู้ประกอบการสตรีเสียมราฐ ซึ่งได้ร่วมกันจัดสัมมนา โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวกว่า 160 ราย ทั่วจังหวัดเสียมราฐเข้าร่วมงาน สำหรับวิสาหกิจในภาคการท่องเที่ยวเสียมราฐ ซึ่งให้บริการโดยตรงแก่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สามารถสมัครขอสินเชื่อได้วงเงินสูงสุดถึง 600,000 ดอลลาร์ พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.50 ต่อปี ภายใต้งบประมาณจัดสรรของรัฐบาล ที่ได้จัดสรรเงินเบื้องต้นจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการดังกล่าว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501415862/sme-bank-boosts-siem-reap-tourism/

นายกฯ เศรษฐา เผยแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อระหว่างไทย, เวียดนาม, ลาว และกัมพูชา

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เปิดเผยแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อระหว่างไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชาหลังจากพบปะผู้นำทั้งสามเมื่อวันอาทิตย์ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นนอกรอบการประชุมสุดยอดในกรุงโตเกียว เพื่อรำลึกถึงความร่วมมือ 50 ปีของญี่ปุ่นกับประเทศในกลุ่มอาเซียน นายกเศรษฐา กล่าวในการหารือกับประธานาธิบดีเวียดนาม หวอ วัน ทุ่ม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะฟื้นฟูการประชุมคณะรัฐมนตรีระหว่างทั้งสองประเทศ เวียดนามได้เสนอให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมปีหน้า นากยกฯ เศรษฐา กล่าวว่าวาระการประชุมจะรวมถึงราคาข้าวเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร โดยประธานโว เสนอว่า ไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ต้องดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างราบรื่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางระหว่างประเทศต่างๆ ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแยกกัน นายกฯ เศรษฐา กล่าวชมเชยแนวคิดนี้ว่าสร้างสรรค์และกล่าวว่าเขาจะสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล หารือเกี่ยวกับปัญหานี้และทำงานเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวทั่วทั้งสี่ประเทศ ในการหารือกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา เศรษฐากล่าวถึงประเด็นต่างๆ รวมถึงการจัดตั้งสถานกงสุลไทยในเมืองเสียมเรียบเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมนครวัดอันโด่งดัง นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังขอบคุณเศรษฐาสำหรับการดูแลคนงานชาวกัมพูชาในประเทศไทย ในการเจรจากับประธานาธิบดี Joko Widodo ของอินโดนีเซีย Srettha ยืนยันว่าอินโดนีเซียจะซื้อข้าวไทยจำนวน 2 ล้านตัน การส่งออกข้าวที่เพิ่มขึ้นไปยังอินโดนีเซียมีความโดดเด่นเนื่องจากภัยแล้งรุนแรงและฤดูฝนที่ล่าช้าซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ Joko Widodo ยังให้คำมั่นที่จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าพบนายธรรมนัส พร้อมเภา รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในต้นปีหน้า “สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มราคาและความต้องการข้าวไทย” ทั้งนี้ ประธานาธิบดียังแสดงความสนใจโครงการ Land Bridge มูลค่า 1 ล้านล้านบาทของประเทศไทย และจะมีการหารือเพิ่มเติมเร็วๆ นี้

ที่มา : https://www.nationthailand.com/thailand/economy/40033917