ปธ.หอค้า ชี้ 4 ประเด็นเสี่ยงจากขยายล็อกดาวน์ คาด ศก.เสียหาย 1.2 แสนล้าน ใน 30 วัน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เผยว่า จากประกาศควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพิ่มจาก 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด ภาคเอกชน มีความเห็นว่า 1.ภาคเอกชน ต้องการความชัดเจนในการจัดการ ประกาศที่ออกมาควรมีรายละเอียดเพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการมีการเตรียมความพร้อม 2.สำหรับที่มีการยกระดับเพิ่มใน 3 จังหวัด เห็นว่าเป็นจังหวัดที่มีภาคการผลิตสูงมาก ควรต้องมีมาตรการเชิงรุกในการตรวจ การคัดแยก และจัดสรรวัคซีนให้ทั่วถึง 3.จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าผลกระทบ 1 เดือน จะประมาณ 90,000-120,000 ล้านบาท 4. รัฐต้องเร่งกระจายวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ที่มีการระบาดหนักเป็นการด่วน

ที่มา: https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2836170

ไทยพาณิชย์ เผยนักลงทุนจีนมาแน่ ปักฐานลงทุนไทยเชื่อมั่นศักยภาพ ขยายตลาดสู่อาเซียน

ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยกลุ่มธุรกิจจีน ร่วมกับ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (Economic Intelligence Center: EIC) เผยแพร่รายงานส่องทิศทางการลงทุนของนักลงทุนจีนในประเทศไทยหลังโควิด-19 โดยทำการสำรวจนักธุรกิจจีนตัวจริง พบว่า นักธุรกิจจีนมองไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจเข้ามาลงทุนในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า ทั้งจากมุมมองของนักธุรกิจจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว และที่ยังไม่เข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนักธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ปรับกลยุทธ์ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อขยายตลาดท้องถิ่น เชื่อมั่นประเทศไทยเป็นตลาดศักยภาพและอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่พร้อมเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงตลาดสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนให้กับจีนในอนาคต ชี้แนวโน้มนักธุรกิจจีนกำลังปรับโครงสร้างการลงทุนในไทยจากอุตสาหกรรมที่ใช้เงินลงทุนสูง สู่การลงทุนขนาดเล็กลง มุ่งเจาะภาคอุตสาหกรรมบริการ และเทคโนโลยี ในขณะเดียวกัน แนวโน้มใหม่นี้ถือเป็นความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไทยในการเผชิญกับคู่แข่งที่มีความได้เปรียบทั้งด้านต้นทุนที่ต่ำกว่า และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า รวมถึงประสบการณ์จากตลาดที่มีการแข่งขันสูงในประเทศจีน

ที่มา : https://www.isranews.org/article/isranews-pr-news/94810-scb-118.html

ไทยพาณิชย์ยืนเป้าส่งออก-2.5%

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ หรืออีไอซี ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้เปิดเผยตัวเลขการส่งออก ก.ย. 62 ที่ยังคงติดลบ 1.4% ว่าหากหักทองคำออก จะติดลบเพิ่ม เป็น -2.8% ส่วนส่งออกรวม 9 เดือนของปีนี้ ติดลบ 3.1% หากหักทองคำออกจะหดตัวเป็น -5% แต่ถือว่าเป็นการหดตัวในอัตราที่ลดลง ผลจากปัจจัยฐานต่ำของการส่งออกรถยนต์ช่วง ก.ย. 61 ที่หดตัว -7.5% ส่งผลให้ส่งออกรถยนต์เดือนก.ย.ปีนี้พลิกกลับมาขยายตัว 5.4% และ ส่งออกทองคำขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเดือนก.ย.ที่ผ่านมา เติบโต 110.6% อย่างไรก็ตามยังไม่พบสัญญาณที่ชัดเจนของการฟื้นตัวของภาคส่งออก คาดว่าในไตรมาส 4 นี้ยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง แม้ว่าจีนและสหรัฐจะตกลงการค้าได้ในขั้นต้นก็ตาม แต่คาดว่าสงครามการค้ายังมีแนวโน้มยืดเยื้อ เป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี อีไอซีจึงคงประมาณการมูลค่าการส่งออกปีนี้เติบโต -2.5% ได้ประเมินการส่งออกปีหน้าว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทยส่วนใหญ่มีแนวโน้มขยายตัวลดลง ประกอบกับความเสี่ยงจากสงครามการค้ายังมีทิศทางยืดเยื้อ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า จึงเป็นปัจจัยกดดัน คาดว่าการส่งออกจะมีทิศทางทรงตัว ขยายตัวเพียง 0.2% เนื่องจากเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญส่วนมากมีแนวโน้มชะลอตัว จากที่ IMF คาดการณ์ล่าสุดว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะขยายตัวที่ 3.4% เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 3% อย่างไรก็ดี การเร่งตัวดังกล่าวได้รับผลจากฐานต่ำของประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางเอเชียกลาง กลุ่มแอฟริกา ซาฮารา ละตินอเมริกาและแคริบเบียนเป็นสำคัญ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนต่อการส่งออกรวมของไทยเพียง 9.5% ขณะที่เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน สหรัฐ ญี่ปุ่น อาเซียน และ CLMV มีทิศทางขยายตัวใกล้เคียงหรือชะลอลงในปีหน้าเมื่อเทียบกับปีนี้

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 24 ต.ค. 2562 (กรอบบ่าย)