เวียดนามเผยธุรกิจที่มิใช้สถาบันการเงินส่งสัญญาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 3

จากการศึกษาของ Fin Group ระบุว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ผลกำไรของภาคธุรกิจที่มิใช้สถาบันการเงินที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 347 แห่ง ขยายตัวร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวในรูปตัว V ทั้งนี้ กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ของบริษัทมหาชน 348 แห่ง ลดลงร้อยละ 12.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วในไตรมาสที่ 3 สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าการดำเนินงานของธุรกิจหลักของภาคธุรกิจที่มิใช้สถาบันการเงินทั้งหมดพัฒนาดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้แล้ว นอกจากนี้ ทาง Fin Group มองว่าความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลในทิศทางที่เป็นบวกแก่ธุรกิจค้าปลีกที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ สถาบันการเงิน รวมถึงธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัยและบริษัทรักษาความปลอดภัย มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และมีอัตราการเติบโตของกำไรร้อยละ 4.5 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของเวียดนามยังเติบโตในทิศทางที่เป็นบวก ถึงแม้จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโรคโควิด-19

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnams-listed-non-financial-firms-post-v-shaped-recovery-in-q3-314637.html

EIC CLMV Outlook Q3/2020

การประกาศมาตรการ lockdown ที่เข้มงวดส่งผลให้กลุ่มประเทศ CLMV ประสบความสำเร็จ ในการควบคุมการระบาดของ COVID-19 ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020 และสามารถผ่อนคลายมาตรการ lockdown ได้รวดเร็วกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค อย่างไรก็ดี อุปสงค์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะยังซบเซาต่อไปในระยะข้างหน้า โดยเป็นผลจากอัตราว่างงานที่สูงขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และการขยายระยะเวลาปิดพรมแดน ด้วยเหตุผลข้างต้น EIC จึงปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจ CLMV ทั้ง 4 ประเทศในปี 2020 ทั้งนี้การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอาจยิ่งเพิ่มความเปราะบางของกลุ่มประเทศ CLMV ต่อปัจจัยเสี่ยงด้านโครงสร้างและปัจจัยเสี่ยงในระยะยาว ทั้งจากฐานะทางการคลังและฐานะระหว่างประเทศที่อ่อนแอลง รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านต่ำต่อแนวโน้มและอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ (sovereign credit rating) นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงเฉพาะ รายประเทศยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตา ทั้งผลกระทบของการถอดถอนสิทธิพิเศษทางการค้า EBA บางส่วนซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม 2020 ต่อเศรษฐกิจกัมพูชา ผลกระทบจากการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือและความเสี่ยงในประเด็นความสามารถในการชำระหนี้ที่ลดลงของสปป.ลาว การเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมาในเดือนพฤศจิกายน และการระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 3 ในเวียดนาม ทั้งนี้จากความเสี่ยงเฉพาะรายประเทศ บวกกับผลกระทบและความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ COVID-19 คาดว่าเศรษฐกิจ CLMV ในระยะข้างหน้าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีระยะการฟื้นตัวช้าเร็วแตกต่างกันในแต่ละประเทศและภาคอุตสาหกรรม

  • กัมพูชา  EIC ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชาจากการหดตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก โดยประเมินว่าเศรษฐกิจจะหดดตัว -3.0% ในปี 2020F
  • สปป.ลาว EICปรับลดคาดการร์การเติบโตขอเศรษฐกิจสปป.ลาวลงเป็น 0.5% ในปี 2020F นอกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงแล้ว ข้อจำกัดด้านการคลังและเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่น่ากังวลจะยิ่งทำให้ผลกระทบจากสถานกาณ์ Covid-19 ทวีความรุ่นแรงยิ่งขึ้น
  • เมียนมา EIC ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเมียนมาลงเป็น 1.5% ในปี 2020F สะท้อนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจในเกือบทุกภาคส่วน
  • เวียดนาม จำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่กลับมาเพิ่มขึ้นในหลายเมืองหลักน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามชะลอตัวมากกว่าคาด EIC จึงปรับลดคาดการณ์การเติบโตขอเศรษฐกิจเวียดนามลงเป็น 2.3% ในปี 2020F

ที่มา : scbeic

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.scbeic.com/th/detail/product/7015