‘อุตสาหกรรมเหล็กเวียดนาม’ คว้าอันดับ 12 ด้านการผลิตเหล็กกล้าดิบของโลก

สมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) ได้ประกาศความสำเร็จของเวียดนามที่คว้าอันดับ 12 ด้านการผลิตเหล็กกล้าดิบของโลก ผลของความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมเหล็กเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการผลิตและความหลากหลายของสินค้า

ทั้งนี้ คุณ Nghiêm Xuân Da ประธานสมาคมเหล็กเวียดนาม กล่าวว่าตั้งแต่ปี 2558 อุตสาหกรรมกลายมาเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในอาเซียน ทั้งด้านการผลิตและการบริโภคเหล็กสำเร็จรูป และต่อมาในปี 2566 กำลังการผลิตเหล็กกล้าดิบของเวียดนาม อยู่ที่ 20 ล้านตัน ส่งผลให้เวียดนามก้าวมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลก

นอกจากนี้ ภาคกลางของประเทศเป็นที่ตั้งของศูนย์อุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่ง รวมถึงศูนย์กลางผลิตเหล็กและเหล็กกล้า ภายใต้ชื่อว่า ‘หวาฟัตสุงกว๊าต’ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเหล็กปิดขนาดใหญ่และมีความทันสมัยในระดับภูมิภาค

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655840/vn-s-steel-industry-ranks-12th-in-world-crude-steel-production.html

‘อุตสาหกรรมเหล็กเวียดนาม’ จะกลับมาฟื้นตัวในปี 67

สมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) เปิดเผยว่าผลผลิตเหล็กในเดือนกันยายน จำนวนรวมทั้งสิ้น 2.34 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และลดลง 4.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การบริโภคเหล็ก ปริมาณ 2.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 9.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยผลผลิตเหล็กในเดือนดังกล่าวได้รับแรงกระตุ้นมาจากนโยบายของภาครัฐฯ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาคอขวดและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย. ตลอดจนเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินลงทุนสาธารณะ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคมขนส่ง

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/steel-industry-expected-to-recover-in-2024/270051.vnp

เวียดนามเผยการบริโภคเหล็กลดลง 9.6% ในช่วง 7 เดือนแรก

สมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) เผยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ การบริโภคเหล็กของเวียดนามอยู่ที่ 12.7 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 9.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยคาดว่าตลาดเหล็กทั่วโลกจะกลับมาปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แต่ว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงระบาดอยู่จนถึงตอนนี้ ประกอบกับเวียดนามประสบปัญหาการขายเหล็กในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากหลายๆประเทศยังคงล็อกดาวน์อยู่และการหยุดชะงักของซัพพลายเชน ทั้งนี้ สมาคมฯ ระบุว่าผู้ส่งออกเหล็กชาวเวียดนามจำเป็นต้องพิจารณาเกี่ยวกับการควบคุมผลิตภัณฑ์เหล็กสำเร็จรูปที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากรายการสินค้าดังกล่าว ได้รับการแจ้งเตือนถึงมาตรการป้องกันทางการค้า นอกเหนือจากมาตรฐานด้านเทคนิคและมาตรฐานแหล่งกำเนิดสินค้าแล้ว ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับเงื่อนไขป้องกันทางการค้า เมื่อส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ และยุโรป

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/steel-consumption-down-96-in-first-seven-months-417440.vov

เวียดนามเผยส่งออกเหล็กฉุดรุนแรง รับพิษโควิด-19

สมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) คาดว่าอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศจะยังได้รับผลกระทบหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ้นสุดลงไป เนื่องจากยอดส่งออกเหล็กไปยังตลาดต่างประเทศลดลงอย่างรุนแรง ซึ่งการลดลงข้างต้น ส่วนใหญ่มาจากการผลิตอุตสาหกรรมที่หลากหลายขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์เหล็ก ได้แก่ กิจกรรมการก่อสร้าง รถยนต์ รถจักรยานยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการผลิตเหล็กสำเร็จรูปที่มีทุกประเภท ในช่วง 4 เดือนของปีนี้ มีปริมาณการผลิต 7.5 ล้านตัน ในขณะที่ การบริโภคเหล็ก 6.75 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 8.4 และ 13.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ ส่งผลให้ยอดส่งออกเหล็กดิ่งลงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นปริมาณ 1.28 ล้านตัน  ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ คาดการณ์ส่งออกกลับมาเป็นบวกในไตรมาสสอง เมื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของตลาดในประเทศได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำมาตรการ/นโยบายของภาครัฐ เพื่อส่งเสริมตลาดให้กลับมาฟื้นตัวเร็วที่สุด

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/steel-exports-suffer-severe-drops-due-to-covid19-413868.vov

ผู้ผลิตเหล็กเวียดนามได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด

สมาคมเหล็กเวียดนาม (VSA) กล่าวว่าผู้ประกอบการเผชิญปัญหาการผลิตที่ลดลงอย่างหนักและการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งบรรดาบริษัทของสมาคม มีผลผลิตเหล็ก 5.4 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 15 ในขณะเดียวกัน ปริมาณการบริโภค 4.4 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนการส่งออกเหล็กถึง 300,000 ตัน ลดลงร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ สมาคมมองว่าในปีนี้ อุตสาหกรรมเหล็กจะเผชิญกับความลำบาก รวมถึงระบบการคุ้มครองของตลาดทั่วโลกและยังไม่มีวี่แววถึงการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ซึ่งผลกระทบของโควิด-19 ส่งผลให้ราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคาเหล็กในประเทศดิ่งลงและกิจกรรมการซื้อขายในประเทศ นอกจากนี้ ผู้ผลิตเหล็กในประเทศต้องเร่งปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับการแข่งขันและมองหาตลาดส่งออกให้มากขึ้น ส่วนภาครัฐควรขยายกำหนดระยะเวลาชำระภาษีและลดภาษีแก่ผู้ผลิตเหล็ก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรอดในสถานการณ์ยากลำบาก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/steel-producers-hit-hard-by-pandemic/171598.vnp