จำนวนธุรกรรมการชำระเงินผ่านมือถือภายในกัมพูชาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2023

ปริมาณการชำระเงินผ่านระบบมือถือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2023 ตามรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) โดยในรายงานระบุเสริมว่าสถาบันบริการชำระเงิน (PSI) 33 แห่ง และสถาบันการเงินและธนาคาร (BFI) 2 แห่ง ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจการชำระเงินในปีที่แล้ว โดยมีผู้ใช้บัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ลงทะเบียนแล้วทั้งหมด 19.7 ล้านราย ซึ่งจำนวนธุรกรรมการชำระเงินผ่านมือถือทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 หรือคิดเป็นจำนวน 601.3 ล้านครั้ง ในปี 2023 โดยมีมูลค่ารวม 75.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 ด้าน CheaSerey ผู้ว่าการ NBC กล่าวว่าบริการชำระเงินดิจิทัลมีส่วนช่วยยกระดับการเข้าถึงบริการทางการเงิน ส่งเสริมนวัตกรรม และมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยแก่ผู้ใช้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501432035/cambodias-mobile-payments-continue-to-rise-in-2023/

ประชาชนคนกัมพูชาฝากเงินเพิ่มขึ้น 13% ในปี 2023

การออมเงินกับธนาคารของคนกัมพูชาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยมีเงินฝากเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 สำหรับในปี 2023 ตามการรายงานของธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) ซึ่งคิดเป็นสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สู่มูลค่าสะสมรวม 57.6 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว ภายใต้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคสินเชื่อสำหรับอุตสาหกรรมโรงแรมและภัตตาคารเกือบทรงตัว โดยมีการเติบโตร้อยละ 0.6 ในขณะที่ภาคการค้าส่งปริมาณสินเชื่อเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 การจำนองเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 กิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.9 และภาคการก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.9 อย่างไรก็ตามการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมชะลอตัวลงร้อยละ 4.8 ต่ำสุดในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในภาคธนาคารและภาคการเงินรายย่อยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 และ 6.7 ตามลำดับ ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501431741/cambodians-saved-13-more-in-2023/

พีระพันธุ์ เคาะอุ้มเบนซินต่อ ดึงเงินกองทุนโปะเพิ่ม 1 บ. แทนภาษีสรรพสามิต

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เห็นชอบการใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าพยุงราคากลุ่มน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร เริ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เนื่องจากสิ้นสุดมาตรการลดการจัดเก็บภาษีกรมสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มเบนซิน 1 บาท(7 พฤศจิกายน 2566-31 มกราคม 2567) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน ประกอบกับปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีความผันผวน โดยราคาน้ำมันเบนซินระหว่างวันที่ 1-30 มกราคม 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 95.72 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยการดูแลราคาเป็นการปฏิบัติภารกิจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 2562 ในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนในสถานการณ์ที่ราคาพลังงานยังมีความผันผวน รายงานข่าวแจ้งว่า มาตรการลดราคากลุ่มน้ำมันเบนซิน ตั้งแต่ 7 พฤศจิกายน 2566-31 มกราคม 2567 ใช้กลไกลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร จากกระทรวงการคลัง ร่วมกับเงินอุดหนุนจากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ทำให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลงสูงสุด 2.50 บาทต่อลิตร ประกอบด้วย ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 1 บาทต่อลิตร ขณะที่ อี20 และ อี85 ลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร ดังนั้นเมื่อมาตรการภาษีจบลง กองทุนน้ำมันฯจะเข้าอุดหนุนส่วนต่างทั้งหมด

ที่มาภาพจาก : มติชนออนไลน์, ประชาชาติธุรกิจ

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_4403115

‘ผลสำรวจ’ ชี้ธุรกิจเวียดนาม 92.9% คาดรายได้โต ปี 67

จากการสำรวจของ Vietnam Report JSC เปิดเผยว่าแนวโน้มของการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวในปีนี้ไปในเชิงบวก โดยธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมส่วนใหญ่ 66.7% มีความเชื่อมั่นอนาคตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น และ 92.9% คาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ 85.7% มองว่ากำไรและจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ นาย หวู ดัง วิง ประธานกรรมการบริหารของบริษัท Vietnam Report กล่าวว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจนั้นสมเหตุสมผล เนื่องจากนโยบายวีซ่าใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.66 และการขยายระยะเวลาฟรีวีซ่า 45 วัน อยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/92-9-of-tourism-businesses-expect-growth-in-revenue-in-2024-2245532.html

‘อสังหาฯ เวียดนาม’ ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ (FIA) เปิดเผยว่าอสังหาริมทรัพย์เป็นภาคเศรษฐกิจที่ได้รับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากที่สุดในเดือน ม.ค. ขณะที่ชาวต่างชาติมีความต้องการอสังหาฯ ในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้จากตัวเลขสถิติของหน่วยงาน พบว่าเดือน ม.ค. การลงทุน FDI ไหลไปยังภาคอสังหาฯ มีมูลค่าสูงถึง 1.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 53.9% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และสิ่งที่น่าสนใจถึงการไหลเข้าของเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเมืองฮานอย โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่มีมูลค่าเกินกว่า 662 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ผลการสำรวจของสถาบันวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนาม (VIRES) พบว่านักลงทุนต่างชาติมีความสนใจที่จะลงทุนในอสังหาฯ ในเวียดนามอย่างมาก เนื่องมาจากราคาอสังหาฯ มีความน่าดึงดูด

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/real-estate-in-vietnam-attractive-to-fdi-foreigners/277044.vnp