สปป.ลาวจะเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังประเทศจีน

รัฐบาลสปป.ลาวได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ และผู้ประกอบการในการปรับปรุงคุณภาพของสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มการส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งกระทรวงเกษตรและป่าไม้สปป.ลาวรายงานว่าประเทศมีรายรับ 560 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 62 จากการส่งออกสินค้าเกษตรโดย 80% ของสินค้าถูกขายไปยังประเทศจีน ซึ่งได้รับประโยชน์จากโควต้าข้าว 50,000 ตันและวัว 500,000 ตัวต่อปี นอกจากนี้กระทรวงได้เจรจาต่อรองโอกาสทางการตลาดและควบคุมสภาวะสุขอนามัยสำหรับพืชส่งออกและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องไปยังประเทศจีน ขณะนี้กระทรวงกำลังประสานงานกับกรมศุลกากรของจีนเพื่อร่างเงื่อนไขและข้อกำหนดสำหรับการส่งออกใบยาสูบแห้ง เสาวรสและส้ม ทั้งสองฝ่ายยังเตรียมเอกสารเกี่ยวกับการเปิดตลาดสำหรับทุเรียน ลำไย แก้วมังกร ขนุนและลูกเดือย ขณะนี้ 3 บริษัทดำเนินการเสร็จสิ้นไปกว่า 90 % ของศูนย์กักกันปศุสัตว์ที่สามารถประมวลผลสัตว์ 228,000 ตัวต่อปีเพื่อการส่งออกและรอทีมเทคนิคจากจีนเพื่อตรวจสอบและยืนยันสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งานอย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้า จะประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติและผู้ประกอบการเพื่อร่วมมือกับจีนในการเจรจารายการสินค้าเกษตร และกระทรวงจะร่วมมือกับจีนในการตรวจสอบด่านชายแดนระหว่างประเทศและระดับท้องถิ่นระหว่างสองประเทศ เพื่อให้แน่ใจในการส่งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งผัก ผลไม้สด

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2020-07/15/c_139214642.htm

นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวให้คำแนะนำแก่รัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวให้แนะนำให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ภายใต้สโลแกน  ‘Leaving No One Behind’ เพื่อยกระดับประเทศออกจากรายชื่อประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาได้มีการหารือในที่ประชุมของคณะกรรมการระดับชาติเพื่อดำเนินงานด้าน SDGs ตั้งแต่ปี 60-63  ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี 73 และร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาที่ท้าทายในปัจจุบันตั้งเป้าหมาย SDGs 17 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยื่น SDGs 18  ชีวิตปลอดภัยจาก UXO ที่ประชุมจะพิจารณาและหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าและประเด็นในการดำเนินงาน SDGs ระหว่างปี 60-63 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่งในระหว่างการประชุมได้มีการเปิดตัว SDGs Mobile Application ใหม่ซึ่งอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลและรวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนของสังคมที่ทำงานเพื่อ SDGsในสปป.ลาว

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_PM136.php

เอฟทีเอดันยอดส่งออกมะม่วงเข้าตลาดอาเซียน 5 เดือนแรก 2563 ทะลุ 143%

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า มะม่วงสดของไทยเป็นหนึ่งในสินค้าดาวเด่นมาแรง ทำยอดส่งออกขยายตัวได้ดี แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 โดยในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค. – พ.ค. 2563) ไทยส่งออกมะม่วงสดปริมาณกว่า 5.7 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่า 41 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2562 โดยส่งออกไปตลาดอาเซียนขยายตัวโดดเด่นสุด มีสัดส่วนอยู่ที่ 37.5% ของการส่งออกทั้งหมด มูลค่า 15.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 143% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ตลาดส่งออกหลัก เช่น มาเลเซีย เวียดนาม และ สปป.ลาว เป็นต้น และยังมีจีนที่นิยมมะม่วงสดจากไทยเพิ่มขึ้น มีมูลค่าส่งออกถึง 5.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 71% และฮ่องกง ขยายตัวถึง 196% ทั้งนี้ ไทยเป็นแหล่งปลูกมะม่วงพันธุ์ดี มีคุณภาพ และรสชาติดี จึงเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศ ประกอบกับแนวโน้มความต้องการมะม่วงสดมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจะขยายตลาดการส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (15 ประเทศ) นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานสินค้าและพัฒนาคุณภาพการผลิตอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การเพาะปลูก การบรรจุหีบห่อ การมีใบรับรองสุขอนามัยพืช รวมทั้งระมัดระวังการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศเข้มงวดและผู้บริโภคนิยมผลไม้ปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-491759