กรมเจรจาฯ ลุยต่อช่วยเกษตรกร-ผู้ประกอบการ รับมือเปิดตลาดนมภายใต้ FTA

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ดำเนินโครงการ “โคนมไทยก้าวไกลขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” มาอย่างต่อเนื่อง โดยทำงานร่วมกับกรมปศุสัตว์ ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย กลุ่มเกษตรกรโคนม และผู้ประกอบการ เพื่อเตรียมความพร้อมสินค้านมโคแปรรูปและผลิตภัณฑ์นมของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดการค้าเสรี และเตรียมรับมือการเปิดตลาดนมภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยเฉพาะ FTA ไทย-ออสเตรเลีย และ FTA ไทย-นิวซีแลนด์ รวมทั้งการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศคู่ FTA โดยเฉพาะอาเซียน จีน และฮ่องกง ที่ได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมจากไทยแล้ว สำหรับแนวทางในการรับมือ กรมฯ ได้ลงพื้นที่ไปให้ความรู้ในการปรับตัว ช่วยพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าให้ได้มาตรฐานส่งออก ช่วยจับคู่ธุรกิจให้กับสหกรณ์โคนมและผู้ประกอบการนมโคและแปรรูปของไทยในการหาตลาดรองรับน้ำนมดิบอย่างยั่งยืน และช่วยหาตลาดส่งออก โดยเฉพาะประเทศที่มีการทำ FTA กับไทย ซึ่งประสบผลสำเร็จ สามารถส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2565 ไทยส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และเป็นอันดับ 7 ในตลาดโลก โดยไทยส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมสู่ตลาดโลก มูลค่า 593.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.78% และในช่วง 3 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-มี.ค.) ไทยส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมสู่ตลาดโลกมูลค่า 153.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ อาเซียน มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% จีน มีส่วนแบ่งตลาด 5% และฮ่องกง มีส่วนแบ่งตลาด 5%

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9660000049989

‘กรมเจรจาฯ’ ชวนผู้ประกอบการเตรียมใช้ประโยชน์จาก RCEP 1 ม.ค. ปีหน้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เชิญชวนผู้ประกอบการเตรียมใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP 1 ม.ค. ปีหน้า ทั้งข้อมูลกฎเกณฑ์ทางการค้า อัตราภาษี และกฎถิ่นกำเนิดสินค้า แนะศึกษาตลาด RCEP สำหรับวางแผนธุรกิจ และผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค สามารถศึกษาความตกลง RCEP ฉบับสมบูรณ์ ในรูปแบบ E-Book พร้อมติดตามข่าวสารผ่านทางเว็บไซต์ www.dtn.go.th และรับชมการสัมมนาเกี่ยวกับ RCEP ย้อนหลังได้ทาง YouTube “DTNChannel” สำหรับประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากความตกลง RCEP คือสมาชิก RCEP จะยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บกับสินค้าไทย จำนวน 39,366 รายการ โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที จำนวน 29,891 รายการ ซึ่งจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะลดและยกเลิกภาษีศุลกากรกับสินค้าที่ส่งออกจากไทย เพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่ อาทิ ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ

ที่มา : https://www.thailandplus.tv/archives/435365

พาณิชย์ เผย SEOM ทำแผนฟื้นฟูศก.หลังวิกฤตโควิด-19 เชื่อมห่วงโซ่การผลิตอาเซียน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเศรษฐกิจอาเซียน (Senior Economic Official Meeting : SEOM) ครั้งที่ 3/51 ระหว่างวันที่ 22-25 ก.ค.63 ผ่านระบบทางไกล เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานด้านต่างๆ เพื่อเตรียมรายงานความสำเร็จต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ที่กำหนดจัดขึ้นในเดือน ส.ค.นี้ สำหรับการทำงานของเสาเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 มีความคืบหน้าดังนี้ 1.พร้อมใช้ระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (ASEAN-Wide Self Certification) ในเดือน ก.ย.63 โดยผู้ส่งออกจะสามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของอาเซียนได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไปขอรับใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) จากหน่วยงานภาครัฐ 2.พร้อมลงนามข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ผลการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยานยนต์และชิ้นส่วนของอาเซียน ในช่วงการประชุม AEM ครั้งที่ 52 ในเดือน ส.ค.นี้ 3.ได้ข้อสรุปการเจรจา MRA สินค้าวัสดุก่อสร้าง และเตรียมลงนามในปีนี้เช่นกัน ซึ่ง MRA ทั้งสองฉบับจะช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจของอุตสาหกรรมยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากเมื่อผ่านการตรวจสอบมาตรฐานของหน่วยงานทดสอบมาตรฐานในประเทศอาเซียนที่ส่งออกแล้วไม่ต้องตรวจซ้ำในประเทศอาเซียนที่นำเข้า และ 4.พร้อมใช้ความตกลงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อาเซียนในปี 2563 เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยทำการค้าระหว่างเกิดโควิด-19 ทั้งนี้ การค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในปี 2562 มีมูลค่าการค้ารวม 107,674 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปอาเซียน 62,841 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าของไทยจากอาเซียน 44,833 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.infoquest.co.th/news/2020-77a1ea9aee8320ed899b2ea2d5eb7329

เอฟทีเอดันยอดส่งออกมะม่วงเข้าตลาดอาเซียน 5 เดือนแรก 2563 ทะลุ 143%

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า มะม่วงสดของไทยเป็นหนึ่งในสินค้าดาวเด่นมาแรง ทำยอดส่งออกขยายตัวได้ดี แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 โดยในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค. – พ.ค. 2563) ไทยส่งออกมะม่วงสดปริมาณกว่า 5.7 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่า 41 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2562 โดยส่งออกไปตลาดอาเซียนขยายตัวโดดเด่นสุด มีสัดส่วนอยู่ที่ 37.5% ของการส่งออกทั้งหมด มูลค่า 15.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 143% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ตลาดส่งออกหลัก เช่น มาเลเซีย เวียดนาม และ สปป.ลาว เป็นต้น และยังมีจีนที่นิยมมะม่วงสดจากไทยเพิ่มขึ้น มีมูลค่าส่งออกถึง 5.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 71% และฮ่องกง ขยายตัวถึง 196% ทั้งนี้ ไทยเป็นแหล่งปลูกมะม่วงพันธุ์ดี มีคุณภาพ และรสชาติดี จึงเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศ ประกอบกับแนวโน้มความต้องการมะม่วงสดมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจะขยายตลาดการส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (15 ประเทศ) นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานสินค้าและพัฒนาคุณภาพการผลิตอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การเพาะปลูก การบรรจุหีบห่อ การมีใบรับรองสุขอนามัยพืช รวมทั้งระมัดระวังการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศเข้มงวดและผู้บริโภคนิยมผลไม้ปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-491759

กรมเจรจาการค้าฯ ดันไทยฮับผลิต-ส่งออกนมในอาเซียน โควิดันส่งออก 4 เดือนโตได้ 13%

อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเตรียมเปิดตัวโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” ซึ่งร่วมกับกรมปศุสัตว์ ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยเป้าหมายผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งขยายตลาดส่งออกโดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งที่ผ่านมากรมได้จัดอบรมเทคนิคการทำธุรกิจ การตลาด การเตรียมความพร้อมมาตรฐานส่งออกให้กับเกษตรกร สหกรณ์ และผู้ประกอบการโคนมของไทย รวมทั้งพาไปสำรวจตลาดและจับคู่ธุรกิจในจีน และสิงคโปร์ โดยประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยอธิบดีกรมเจรจาฯกล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมโคนมไทยได้รับการพัฒนา และมีกระบวนการผลิตนมที่มีคุณภาพ รวมถึงยังใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่อยอดการผลิต นอกจากนี้ ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ยังมีส่วนช่วยขยายการส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมได้มากขึ้น ส่งผลให้ในปี 2562 มียอดส่งออกเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ถึง 12.4% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวม 536.1 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะอาเซียนเป็นตลาดส่งออกสำคัญ ซึ่งมีมูลค่า 443.2 ล้านดอลลาร์ และจีน มูลค่า 28.7 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_311473

ออเดอร์ถุงมือยางพุ่ง ช่วงโควิด-19 ส่งออก4 เดือนแรก โต 16%

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการถุงมือยางเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งปฏิบัติงานใกล้ชิดผู้ป่วย นอกจากนี้ ถุงมือยางยังเป็นสินค้าจำเป็นในยุคความปกติใหม่ (New Normal)เพราะประชาชนตื่นตัวเรื่องสุขอนามัยและหันมาใช้ถุงมือยางเพื่อป้องกันเชื้อโรคมากขึ้น ทำให้ความต้องการถุงมือยางในตลาดสูงขึ้นหลายเท่าตัว สำหรับตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัว เช่น จีน ขยายตัว 129.5% มูลค่าส่งออก 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ออสเตรเลีย ขยายตัว 79% มูลค่าส่งออก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาเซียน ขยายตัว 77% มูลค่าส่งออก 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ สหรัฐอเมริกา ขยายตัว 9% มีมูลค่าส่งออก 194 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น อย่างไรก็ตามในปี 2562 ไทยผลิตถุงมือยางได้กว่า 2 หมื่นล้านชิ้น มีสัดส่วนการส่งออกถึง 89% ของการจำหน่ายถุงมือยางทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 1,203 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/news/624459