‘เวียดนาม’ ชี้ยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ม.ค. พุ่ง ส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจประเทศ
สำนักงานการจดทะเบียนธุรกิจ กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนมกราคม 2567 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจำนวน 13,536 ราย เพิ่มขึ้น 24.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดการจดทะเบียนธุรกิจใหม่และธุรกิจที่กลับมาดำเนินกิจการจำนวน 27,335 ราย เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ย 1.3 เท่า ตั้งแต่ปี 2561-2566
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นของภาคธุรกิจต่อการดำเนินนโยบายภาครัฐฯ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่มีการปิดกิจการชั่วคราวในเดือน ม.ค.67 มีจำนวนสูงถึง 43,925 ราย เพิ่มขึ้น 25.5% ส่งผลให้ธุรกิจถอนตัวออกจากตลาดมีถึง 53,888 ราย เพิ่มขึ้น 22.8%
‘เวียดนาม’ เผยตัวเลขเงินเฟ้อ ม.ค. เพิ่มขึ้น 3.37%
สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) รายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือน ม.ค. 2567 เพิ่มขึ้น 3.37% เมื่อเทียบเป็นรายปี และปรับตัวขึ้น 0.31% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 2566 ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน ม.ค.67 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากมาจากราคายาและค่าบริการด้านสุขภาพที่ 1.02% ตามมาด้วยที่อยู่อาศัยและวัสดุก่อสร้าง 0.56% ค่าบริการขนส่ง 0.41% กลุ่มสินค้าและบริการอื่นๆ 0.4% อาหารและบริการจัดเลี้ยง 0.21% ในขณะที่กลุ่มสินค้าที่มีราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ไปรษณีย์และโทรคมนาคม (0.05%) และการศึกษา (0.12%)
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือน ม.ค.67 เพิ่มขึ้น 2.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/consumer-price-index-rises-337-in-january/276934.vnp
จีน-ไทย ลงนามฟรีวีซ่า มีผลบังคับใช้ 1 มีนาคม 2567
นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวในที่พิธีลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างจีนและไทยว่า จีนและไทยจะเข้าสู่ “ยุคปลอดวีซ่า” อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกัน และกล่าวเสริมว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนในระดับทวิภาคีจะยกระดับขึ้นไปอีกอย่างแน่นอนภาพ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเยือนประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้จีนยังยินดีต้อนรับประชาชนไทย ในการสัมผัสถึงความมีชีวิตชีวาของจีน และการต้อนรับอย่างอบอุ่นในฐานะเจ้าบ้านของจีน โดยจีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน สิ่งสำคัญคือเราทั้งสองประเทศจะต้องสร้างมิตรภาพที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จีนจะสนับสนุนประเทศไทยในการทำหน้าที่เป็นประธานหมุนเวียนของความร่วมมืออนุภูมิภาคล้านช้าง-ลุ่มแม่น้ำโขง และในการพัฒนาชุมชนล้านช้าง-แม่น้ำโขงด้วยอนาคตแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
ที่มา : https://english.news.cn/20240128/d574bf62f149493c993a19078d2ca5ad/c.html
ราคาอ้างอิงขายส่งน้ำมันปาล์มของย่างกุ้ง พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดประจำสัปดาห์ที่สอง
ตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการนำเข้าและจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภคระบุว่า อัตราอ้างอิงการขายส่งน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งถูกกำหนดให้เป็นระดับสูงสุดประจำสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยอัตราอ้างอิงสำหรับสัปดาห์นี้ สิ้นสุดวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 กำหนดไว้สูงกว่าที่ 5,380 จ๊าดต่อ viss เทียบกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (22-28 มกราคม) อยู่ที่ 5,250 จ๊าดต่อ viss และ 4,955 จ๊าดต่อ viss สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 มกราคม อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดนั้นสูงกว่าราคาอ้างอิงมาก และเพื่อควบคุมการขายเกินราคา กรมคุ้มครองผู้บริโภค กระทรวงพาณิชย์ ได้แจ้งให้ผู้บริโภคร้องเรียนเรื่องการขายเกินราคาผ่านสายด่วนของศูนย์บริการตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ กรมกำลังพยายามร่วมกันควบคุมความผันผวนสูงของราคาน้ำมันปาล์มในตลาดค้าปลีก และเสนอราคาที่ยุติธรรมมากขึ้นแก่ผู้บริโภค โดยประสานงานกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันบริโภคแห่งเมียนมาและบริษัทนำเข้าน้ำมัน
ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ygn-palm-oil-wholesale-reference-price-heads-for-second-weekly-high/
การค้าชายแดนเมียนมาทะลุ 6.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 19 มกราคม
Daw Cho Thet Mu รองผู้อำนวยการกรมการค้า กระทรวงพาณิชย์เมียนมา กล่าวว่า การค้าชายแดนของเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้านมีมูลค่า 6.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 19 มกราคม 2567 ในปีงบประมาณปัจจุบัน 2566-2567 นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกมูลค่า 4.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้ามูลค่า 2.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้เมียนมาดำเนินการค้าชายแดนกับจีน ไทย อินเดีย และบังคลาเทศ โดยส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้ ประมง และสินค้าอื่นๆ เป็นหลัก ในขณะที่นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าทุน และสินค้าขั้นกลาง อย่างไรก็ดี เมียนมาร์ตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายทางการค้าที่ 32.5 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2566-2567 ซึ่งประกอบด้วยการส่งออก 16.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้า 16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/border-trade-crosses-us6-52-bln-as-of-19-january/
มูลค่าการค้า สปป.ลาว เกิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนธันวาคม 2566
ข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ Lao Trade Portal เผยมูลค่าการค้ารวมของ สปป.ลาว โดยมีการนำเข้าและส่งออกอยู่ที่ 1.235 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายงานระบุว่ามูลค่าการส่งออกในเดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ประมาณ 531 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่าประมาณ 703 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ลาวขาดดุลการค้าประมาณ 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ ทองคำแท่งและทองคำแท่งผสม ยาง แร่ทองคำ ผลิตภัณฑ์กระดาษ มันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลัง ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เยื่อไม้และเศษกระดาษ เหล็กและเสื้อผ้า โดยมีจีน เวียดนาม และไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของการส่งออกสินค้าจาก สปป.ลาว ส่วนสินค้านำเข้าหลักของประเทศ ได้แก่ เชื้อเพลิง อุปกรณ์เครื่องจักรกล ยานพาหนะทางบก เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก น้ำมันเบนซิน เครื่องดื่ม ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ โดยประเทศที่ สปป.ลาว นำเข้าสินค้าสูงสุด ได้แก่ จีน ไทย และเวียดนาม
ที่มา : https://english.news.cn/asiapacific/20240126/40fcb191787d49fb8efc44d6c379f531/c.html