การส่งออกของกัมพูชาผ่าน RGPPSEZ ขยายตัวต่อเนื่องแตะ 1.6 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2023

มูลค่าการส่งออกของ Royal Group Phnom Penh Special Economic Zone (RGPPSEZ) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา นับจากปี 2016 ที่มีการส่งออกที่มูลค่า 316 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าที่มูลค่า 683 ล้านดอลลาร์ ในปี 2021 หลังจากนั้นก็เพิ่มขึ้นสองเท่าอีกครั้งในเวลาเพียงหนึ่งปีคิดเป็น 1.346 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2022 โดยในปี 2023 มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ที่มูลค่า 1,621 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 7 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของประเทศ ตามรายงานของกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชา โดยปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตกว่า 86 แห่ง จาก 14 ประเทศทั่วโลกตั้งโรงงานผลิตในโซนดังกล่าว สร้างการจ้างงานกว่า 43,800 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501429922/royal-group-phnom-penh-sezs-exports-crosses-1-6-billion-in-2023/

กัมพูชาคาดเศรษฐกิจปี 2024 โต 6.4%

Chea Serey ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติกัมพูชา (NBC) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะเติบโตร้อยละ 6.4 ในปี 2024 จากการเติบโตร้อยละ 5.5 ในปี 2023 โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการผลิตที่คาดว่าจะเติบโตได้ดี ภายใต้ความเสี่ยงนอกประเทศอย่างกระแสการค้าระหว่างประเทศที่ลดลง การลงทุน ตลอดจนความไม่แน่นอนของตลาดเงินระหว่างประเทศ ในขณะที่ความเสี่ยงภายในประเทศอาจเป็นผลมาจากการฟื้นตัวที่ช้าในส่วนของภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีการไหลเข้าของการลงทุนจากต่างประเทศที่หดตัวเป็นสำคัญ ด้าน Mey Kalyan ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาและประธานสถาบันทรัพยากรเพื่อการพัฒนากัมพูชา กล่าวเสริมว่า รัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะเชิงปฏิบัติ ซึ่งคาดว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยให้กัมพูชาได้รับประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมในระดับภูมิภาคและข้อตกลงการค้าเสรีที่เพิ่มขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501430154/cambodias-economy-expected-to-grow-6-4-pct-in-2024/

ไทยครองแชมป์ นักท่องเที่ยวต่างชาติมากสุดในอาเซียน

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาซียน ครั้งที่ 27 (ASEAN Tourism Forum : ATF 2024) ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภายใต้หัวข้อ “การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบ: มุ่งสู่อนาคตอาเซียนที่ยั่งยืน”(Quality and Responsible Tourism – Sustaining ASEAN Future)” โดยรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน 10 ประเทศ ได้ร่วมแสดงเจตนารมณ์ ที่จะฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ รับผิดชอบ และยั่งยืน มุ่งเน้นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน และการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ผ่านการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน ปี 2559-2568 ประเด็นที่น่าสนใจที่ได้จากการประชุม พบว่าในปี 2566 ตัวเลขท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียน มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 153% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า โดยแคมเปญการตลาดในปี 2566 ทั้งสองแคมเปญได้แก่ แคมเปญ imaginASEANและแคมเปญฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีผู้เข้าร่วมมากถึง 2,500 ล้านคนทั่วโลก ด้านนางสาวสุดาวรรรณ กล่าวว่า ใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าสูงสุดในปี 2566 จำนวน 28.09 ล้านคน เพิ่มขึ้น 153.94% จากปีก่อนหน้าที่มี 11.06 ล้านคน

ที่มา : https://news.trueid.net/detail/g6l3pP7orbDR

‘เวียดนาม’ เผย ม.ค. ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ระลอกใหม่ 2.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักงานการลงทุนต่างประเทศ กระทรวงวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่าในเดือน ม.ค.2567 นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในเวียดนาม มูลค่าเกินกว่า 2.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมีเงินทุนจดทะเบียนใหม่ราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 66.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ สิงคโปร์ยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ด้วยเม็ดเงินทุนจดทะเบียนรวมกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 59.5% ของเงินทุนทั้งหมด และเพิ่มขึ้น 72.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รองลงมาญี่ปุ่นและจีน ในขณะเดียวกัน เมืองฮานอยเป็นแหล่งเงินลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด มีเม็ดเงินทุนจดทะเบียนสูงถึง 867 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยเมืองโฮจิมินห์

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/vietnam-attracts-us2-36-billion-in-new-foreign-investments-in-january/

‘กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า’ เสนอปรับขึ้นค่าไฟฟ้า

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เสนอยื่นให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในปีนี้ หลังจากผลักดันให้เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อปีที่แล้ว เพื่อลดต้นทุนและช่วยเหลือการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ในการจ่ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และทางการเวียดนามได้อนุมัติให้มีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในทุกๆ 6 เดือน ในกรณีที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 3% ขึ้นไป ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของบริษัทเวียดคอมแบงก์ เซคิวริตี้ มองว่าแนวโน้มการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจะประกาศเร็วๆนี้ เนื่องมาจากผลกระทบของเอลนีโญ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในโรงไฟฟ้าพลังน้ำอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่นาย Dinh Trong Thinh นักวิเคราะห์จากสถาบัน Academy of Finance กล่าวว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในครั้งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่จะลดต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ทางการไฟฟ้าเวียดนามต้องดำเนินการให้มีความโปร่งใส

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/ministry-wants-another-electricity-price-hike-4705526.html