Ezbuylao.com พัฒนาศักยภาพ E-Commerce ในสปป.ลาว

ในโลกปัจจุบันการค้าปลีกออนไลน์หรือที่เรารู้จักในชื่ออีคอมเมิร์ซ กำลังเฟื่องฟูในหลายประเทศทั่วโลกเช่นเดียวกับสปป.ลาวที่พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ในประเทศหันมาซื้อขายออนไลน์กันมากถึงและด้วยการส่งเสริมของภาครัฐทำให้อีคอมเมิร์ซในสปป.ลาวเติบโตได้อย่างดี จุดนี้เองทำให้บริษัท ซีเคซีโกลบอล จำกัดบริษัทจากเวียดนามที่ประกอบธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซโดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเป็นรากฐานที่มั่นคงของบริษัท เห็นโอกาสที่จะพัฒนาการค้าออนไลน์ในสปป.ลาว ปัจจุบัน บริษัท ซีเคซีโกลบอล ได้ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า  ‘Ezbuylao.com’ เป็นแพลตฟอร์มด้านการค้าปลีกออนไลน์ในสปป.ลาวมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพของบริษัทและพฤติกรรมการจับจ่ายออนไลน์ที่มีมากขึ้น การเข้ามาของ Ezbuylao.com จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการ มีช่องทางจัดจำหน่ายได้มากขึ้นและยังช่วยประหยัดงบการประชาสัมพันธ์ของธุรกิจได้อีกด้วยในด้านของผู้บริโภคจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการจับจ่ายและการชำระเงินที่ง่ายขึ้นผ่านกระเป๋าเงินออนไลน์ ‘EZ’ เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสดซึ่งรับประกันความปลอดภัยสำหรับลูกค้า เมื่อทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทานมีการขยายตัวขนาดของเศรษฐกิจสปป.ลาวก็จะมีการขยายตัวตาม

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Ezbuylao.php

Shell แต่งตั้งบริษัท เคพี จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องและอุตสาหกรรมในสปป.ลาว

“Shell” บริษัทผู้มีชื่อเสียงในด้านผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงและสมรรถนะสูงได้แต่งตั้งบริษัท เคพี จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องและอุตสาหกรรมในสปป.ลาว ในปัจจุบันเศรษฐกิจสปป.ลาวมีการเติบโต รายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงขึ้นผู้มีรายได้ระดับกลางมีมากขึ้นทำให้มีการใช้ยานยนต์มากขึ้นรวมถึงระบบการขนส่งที่กำลังพัฒนาในขนาดนี้ ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะทำให้ ธุรกิจน้ำมันในเชิงพาณิชย์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับรถมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี จุดนี้ทำให้บริษัท เคพี เห็นโอกาสในการเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายของ Shell ที่เป็นแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งนายเจอรัลด์ฟูผู้จัดการทั่วไปของผู้แทนจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นเชลล์เอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า “ Shell Lubricants และ KP จะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเติบโตของสปป.ลาวในด้านเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องของเราให้มีการเติบโตไปพร้อมกับเรา”

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/Business_KP_58.php

ธนาคารช่วยเหลือลูกค้าจากผลกระทบของโควิด-19

รองผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนาม (State Bank of Vietnam) เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จากตัวแทนของธนาคารพาณิชย์ของเวียดนาม อาทิ Agribank, VietinBank, Vietcombank และ BIDV ให้พิจารณาถึงสถานการณ์ของตนเองในอีกอนาคตข้างหน้า เพื่อที่จะรองรับกับไวรัสต่อไป ซึ่งภาคธนาคารทั้งหมดจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกับธุรกิจเพื่อที่จะผ่านความยากลำบาก และทางผู้ว่าฯ มอบหมายธนาคารพาณิชย์ทั้ง 4 แห่ง ได้แสดงบทบาทในการผลักดันตลาดและการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้และขยายเวลา ขณะที่ การประเมินความสูญเสียจากการแพร่ระบาดไปยังลูกค้านั้น ธุรกิจควรจะให้ความสนใจถึงสภาพแวดล้อมและจัดลำดับความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก การผลิตและการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าจำเป็นและสวัสดิการสังคม ทั้งนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อของธนาคารกลาง ได้ชี้ให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของไวรัส ส่งผลกระทบต่อการหยุดชะงักของกิจกรรมการดำเนินงานในธุรกิจและการเก็บหนี้ รวมถึงธนาคารทุกแห่งจำเป็นที่จะต้องดูแลการดำเนินงานขององค์กร บริษัทและลูกค้าอื่นๆ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/banks-support-customers-affected-by-covid19-411673.vov

มูลค่าผลผลิตทางการเกษตรของนครโฮจิมินห์ เพิ่มขึ้น 4.3% ในช่วงไตรมาสแรก

จากข้อมูลของกรมเกษตรและพัฒนาชนบทประจำจังหวัด เผยว่ามูลค่าผลผลิตทางการเกษตรกรรมของนครโฮจิมินห์ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นี้เป็นสัญญาในทิศทางที่เป็นบวกท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสโควิดแพร่ระบาด ด้วยเหตุนี้ ภาคเกษตรกรรมของเมืองได้เตรียมการรองรับอุปทานอาหารในท้องถิ่น ทั้งนี้ เป้าหมายของโครงการระดับประเทศที่จะส่งเสริมให้พื้นที่อาคารในชนบทได้มีการออกแบบใหม่ เพื่อที่จะเข้าสู่เฟสใหม่ โดยภายในกลางเดือนมี.ค. แต่ละชุมชนของเมืองมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 18.9 จาก 19 ของเกณฑ์การประเมินขั้นก้าวหน้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันขอปีที่แล้ว ในขณะที่ แต่ละเขตมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7.8 จาก 9 ของเกณฑ์การประเมินขั้นก้าวหน้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/hcm-citys-agricultural-production-value-up-43-percent-in-q1/170535.vnp

บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นตั้งเป้าสำรวจโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมในกัมพูชา

นักลงทุนชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งมีจุดประสงค์ในการสำรวจโอกาสทางธุรกิจเพื่อเพิ่มพอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่มีอยู่ในประเทศของตน โดยในปี 2562 ประกาศจากสภาเพื่อการพัฒนาประเทศกัมพูชา (CDC) ซึ่งขณะนี้มีโครงการลงทุนของญี่ปุ่นที่จดทะเบียนแล้ว 143 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ พบว่าธุรกิจและภาคส่วนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ได้แก่ ภาคการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ อุปกรณ์ทางเทคนิคการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมเกษตร การดูแลสุขภาพและการท่องเที่ยว โดยประธานสมาคมญี่ปุ่น-กัมพูชา (JCA) กล่าวว่าสมาคมกำลังวางแผนที่จะมอบหมายผู้แทนของ บริษัท ชั้นนำของญี่ปุ่นที่สนใจในการสำรวจความเป็นไปได้ทางธุรกิจและนโยบายการลงทุนของกัมพูชา ซึ่งมีกำหนดการมาเยือนอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยปีนี้จะเป็นครั้งที่สองที่ JCA ได้จัดกิจกรรมระหว่างตัวแทนธุรกิจชาวญี่ปุ่น ให้มีการพบกันกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพในกรุงพนมเปญ ซึ่งจัดโดยบริษัท ACLEDA Bank Plc จุดสนใจหลักของนักลงทุนญี่ปุ่นคือภาคเกษตรกรรม

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50704619/leading-japanese-firms-set-to-explore-more-business-opportunities-here/

ดูไบมองกัมพูชาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการส่งออก

กัมพูชาถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับการส่งออกของดูไบตามรายงานของหอการค้าและอุตสาหกรรมประเทศดูไบ เป็นการบ่งชี้เพิ่มเติมของตลาดในเอเชียที่กำลังขยายตัวในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีอินโดนีเซียและมาเลเซียร่วมด้วย โดยประเทศไทยและสิงคโปร์ถือเป็นประเทศมีศักยภาพมากที่สุดสำหรับการค้าทวิภาคีในอนาคตของดูไบ ภายใต้ข้อตกลงในปี 2560 กัมพูชาส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้าไปยังดูไบ ซึ่งคาดว่าจะขยายโอกาสในการดึงดูดภาคธุรกิจทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเน้นการเสริมสร้างการส่งออกสินค้าเกษตร โดยภาคธุรกิจของกัมพูชาอาจจะได้รับความสนใจมากขึ้นจากโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งได้แรงหนุนจากปัจจัยหลายด้าน เช่น เขตปลอดภาษี การถือครองกรรมสิทธิ์ในต่างประเทศได้เต็มรูปแบบและ การยกเว้นภาษีนำเข้า-ส่งออก  รวมถึงความสัมพันธ์ทางการค้าที่เพิ่มขึ้นของกัมพูชากับดูไบบ่งบอกถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่น่าประทับใจในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อคงที่อยู่ในระดับต่ำและอัตราความยากจนลดลงเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกัมพูชาและมีส่วนเพิ่มศักยภาพต่อไปในอนาคตอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50704647/dubai-eyes-trade-with-asean-members-including-cambodia/

อินเดียนำเข้าถั่วดำ 400,000 ตันจากเมียนมา

รัฐบาลอินเดียประกาศเมื่อวันที่ 19 มีนาคมว่าจะซื้อถั่วดำสีดำเพิ่มอีก 400,000 ตันซึ่งรู้จักกันในชื่อ matpe จากเมียนมาในปีงบประมาณ 2563-2564 มีแนวโน้มว่าพวกเมียนมาจะเพิ่มโควต้าการส่งออก จากยอดขาย 250,000 ตันเมื่อปลายปีที่แล้วยังเหลืออีก 40% ที่จะต้องส่งออกไปยังอินเดีย ความต้องการ matpe ยังมีอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาอยู่ที่ระหว่าง 900,000 จัต ถึง 1 ล้านจัตต่อตันในขณะที่ราคาของถั่วแระซึ่งอินเดียหยุดการนำเข้าลดลงเหลือ 700,000 จัตต่อตัน ฤดูเก็บเกี่ยวของถั่วดำ อยู่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงสิ้นเดือนเมษายน

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/india-import-400-000-tonnes-black-gram-myanmar.html