จีน-เมียนมาลงทุนโครงการพลังงานที่เจาะพยู

บริษัท Kyaukphyu Electric Power ลงทุน 172 ล้านเหรียญสหรัฐในโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าในเจาะพยู รัฐยะไข่ จากรายงานของคณะกรรมการลงทุนของเมียนมา (MIC) The Kyaukphyu Electric Power Co ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง Supreme Group ของเมียนมาและ บริษัท Power China Enterprise จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซซึ่งสามารถผลิตพลังงานได้ทั้งหมด 135 เมกะวัตต์ บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานในพ.ย. 62 เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ต่อปี จึงประกาศสำหรับโครงการระยะยาวสี่โครงการในม.ค. 61 ซึ่งรวมถึงโครงการในเจาะพยู คาดใช้เวลาอย่างน้อยสามปีจึงจะแล้วเสร็จ ในระยะสั้นโครงการพลังงานเจ็ดแห่งที่มีกำลังการผลิตรวม 1,166 เมกะวัตต์กำลังดำเนินการอยู่ โครงการอื่น ๆ จะดำเนินการเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานของประเทศที่ 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2564

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/china-myanmar-invest-power-project-kyaukphyu.html

สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาวเสริมสร้างความสัมพันธ์สภาธุรกิจจีน – อาเซียน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว (LNCCI) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับสภาธุรกิจจีน – อาเซียน (CABC) ในการบันทึกความเข้าใจนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างทั้ง2ฝ่ายทั้งด้านการลงทุน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและความร่วมมือเพื่อประโยชน์ในอนาคตปัจจุบันนักลงทุนจีนกำลังให้ความสนใจกับภูมิภาคอาเซียนรวมถึงสปป.ลาว โดยจีนเป็นกลุ่มนักลงทุนหลักของสปป.ลาว ธุรกิจที่ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากในสปป.ลาว ได้แก่ ไฟฟ้าพลังน้ำ การเกษตร การก่อสร้างการท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ การลงทุนไม่เพียงแค่เข้าสู่ตลาดสปป.ลาว แต่ยังรวมถึงตลาดอาเซียนซึ่งมีมากกว่า 600 ล้านคน ทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นผลดีแก่สปป.ลาวที่จะเกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดรวมถึงพัฒนาการด้านเศรษฐกิจที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/lao-national-chamber-commerce-and-industry-strengthens-ties-china-asean-business-council

สปป.ลาวคาดส่งออกไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 20,000 MW ภายในปี 2573

ไฟฟ้าถือเป็นรายได้ที่สำคัญสำหรับสปป.ลาว โดยในเดือนม.ค.-ต.ค. 62 มีมูลค่าการส่งออกไฟฟ้าประมาณ 1พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดที่สำคัญของสปป.ลาวคือประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียน โดยมีการคาดการว่าสปป.ลาวจะส่งออกไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 20,000 MW ระหว่างปี 63-72 ปัจจุบันนอกจากความต้องการจากต่างประเทศมีมากแล้ว ความต้องการใช้ไฟฟ้าในสปป.ลาวพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและจำนวนโรงงานในปี 62 โดยการบริโภคภายในประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1,800 เมกะวัตต์ในอีก 5 ปีข้างหน้า จากปริมาณความต้องการที่สูงขึ้นในพลังงานไฟฟ้า ทำให้รัฐบาลสปป.ลาววางแผนที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นและรองรับการเกิดโรงงานต่างๆในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะเพิ่มปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอีก เป็นผลให้ในปัจจุบันมีการเกิดขึ้นของโรงงานพลังงานไฟฟ้าจากทั้งภาครัฐและเอกชนจากทั้งในและนอกประเทศ ส่งเสริมทั้งการลงทุนและเกิดการจ้างงานที่มากขึ้นเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป

ที่มา :http://annx.asianews.network/content/laos-export-20000-mw-electricity-2030-112058

กัมพูชาเพิ่มการลงทุนในโครงการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน

การลงทุนเกี่ยวกับการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานในประเทศกัมพูชาได้รับการส่งเสริมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการขยะในเมืองช่วยให้ประเทศสะอาดและสร้างพลังงานสำหรับกริดแห่งชาติได้ โดยมีการหารือระหว่างกระทรวงโดยส่วนใหญ่นำโดยกระทรวงเศรษฐกิจและกระทรวงสิ่งแวดล้อม โดยมีการหารือนโยบายกับผู้เข้าร่วมซึ่งรวมถึงหัวหน้ากระทรวงระหว่างกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินกระทรวงสิ่งแวดล้อมและศาลาว่าการกรุงพนมเปญ จากรายงานของกระทรวงสิ่งแวดล้อมพบว่ามีการรวบรวมและส่งขยะมูลฝอยกว่า 1.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งขยะมูลฝอยคิดเป็น 51% ของขยะทั้งหมดในปี 2561 โดยนโยบายการจัดการขยะในเมืองมีระยะเวลาตั้งแต่ 2562-2571 เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ระบุไว้คือควรมีการลงทุนเพื่อเปลี่ยนพลังงานจากขยะในเมืองซึ่งเป็นการพัฒนาใหม่สำหรับประเทศกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลได้ส่งเสริมให้ภาคเอกชนเพิ่มการลงทุนในการแปลงขยะเป็นพลังงานในการอภิปรายระหว่างบริษัทเชิงพาณิชย์กับกระทรวงและสถาบันของรัฐบาล โดยอัตราค่าไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอยู่ที่ประมาณ 0.14 – 0.15 เหรียญสหรัฐ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงที่ขายให้กับ EDC

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50679839/investment-on-waste-to-energy-boosted

กำหนดการจัดฟอรัมธุรกิจไทยในกัมพูชา

การรวมตัวกันของผู้นำธุรกิจที่พยายามกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและกัมพูชาจะจัดขึ้นในกรุงพนมเปญ โดยฟอรัมไทยธุรกิจกัมพูชา 2020 จะจัดขึ้นในวันที่ 16 มกราคมที่โรงแรม Rosewood ตามประกาศอย่างเป็นทางการของสมาคมธุรกิจกัมพูชาและแฟรนไชส์ ​​(CamBFA) ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงาน โดย CamBFA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้วเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งพยายามที่จะส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และการเป็นผู้ประกอบการผ่านแฟรนไชส์และการจับคู่แฟรนไชส์กับแฟรนไชส์ กลุ่มมีสมาชิกมากกว่า 80 ราย โดยในงานสัมมนาจะนำเสนอเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจในประเทศกัมพูชาและประเทศไทย คาดว่าจะมีตัวแทนจากนักธุรกิจไทยและกัมพูชาเข้าร่วม ซึ่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ WS Asia Pacific กล่าวว่าการรวมตัวกันนั้นดีสำหรับทั้งสองประเทศโดยจะเป็นการเชื่อมโยงผู้ประกอบการ SMEs บริษัท ใหญ่และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆในภาคการค้า สภาธุรกิจไทยแห่งกัมพูชารายงานว่าการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศมีมูลค่าสูงถึง 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ทั้งสองประเทศมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปี 2563

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50679838/thailand-cambodia-business-forum-slated