IFD หนุนฟื้นเอฟทีเอไทย-อียู หวังดัน “จีดีพีไทย” โต1.63%

พาณิชย์ชง กนศ.ฟื้น FTA ไทย-อียูสุดคุ้ม ดัน GDP โต 1.63% แต่ยังต้องรอบคอบ 3 ประเด็น ระหว่างงานสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยเรื่อง “ผลกระทบจากการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป” (FTA ไทย-อียู) ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (ไอเอฟดี) จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่กรมจะนำผลการศึกษานี้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) และคณะรัฐมนตรีพิจารณาฟื้นการเจรจาเอฟทีเอ ผลศึกษาสรุปว่า หากลดภาษีนำเข้าสินค้าทุกรายการ จะส่งผลให้จีดีพีไทยขยายตัว 1.63% การส่งออกเพิ่มขึ้น 3.43% การนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.42% การลงทุนเพิ่มขึ้น 2.74% ตลอดจนตัวเลขด้านเศรษฐกิจอื่น ๆ เช่น สวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้น 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ การบริโภคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.32% ขณะที่เงินเฟ้อลดลง 0.41% และจำนวนคนจนลดลง 3.9 แสนคน โดยสินค้าที่จะได้ประโยชน์ เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ เคมีภัณฑ์ ยาง และพลาสติก เป็นต้น ส่วนสาขาอาจจะได้รับผลกระทบ เช่น น้ำตาล ผัก ผลไม้ และถั่ว เป็นต้น ประเด็นที่อียูขอให้ยืดอายุสิทธิบัตรชดเชยความล่าช้าในการขึ้นทะเบียนยา ไม่ควรเกิน 2 ปี จากอายุการคุ้มครองสิทธิบัตร 20 ปี หรือจำกัดระยะเวลาขอบเขตความล่าช้าที่เหมาะสม การให้อิสระในการกำหนดกฎหมายภายใน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนายาร่วมกัน รวมถึงการขยายระยะเวลาคุ้มครองลิขสิทธิ์หลังผู้สร้างสรรค์สิ้นชีวิตอีก 50 ปี สำหรับมาตรการเยียวควรช่วยเหลือค่ายาสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย โดยขยายระบบประกันสังคม การตั้งกองทุนเพื่อเยียวยาผลกระทบ รวมถึงการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ ส่งเสริมธุรกิจการทดสอบมาตรฐานสินค้า เป็นต้น

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-394635

รัฐมั่นใจ อีอีซี ดันไทยผงาดเอเชีย

สุริยะ เร่งเดินหน้า อีอีซี ดึงทุกภาคส่วนร่วมด้วยช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจ ให้ประเทศพ้นปัจจัยลบเศรษฐกิจโลกผันผวนย้ำ อีอีซี คือความหวังดันไทยผงาดภูมิภาคเอเชีย ขณะที่ อุตตม กล่าวถึงนักลงทุนทั้งไทย-ต่างประเทศต่างสนใจลงทุนภายในประเทศ มั่นใจเป็นโอกาสและจุดเปลี่ยนประเทศ ด้าน ณัฏฐพล เร่งแผนผลิตบุคลากรป้อน อีอีซี โดยนายสุริยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในงานสัมมนา “EEC NEXT: ทุนไทย-เทศ ปักหมุด EEC” หัวข้อ “ดึงอุตสาหกรรม เป้าหมายลงพื้นที่ EEC” ถึงสถานการณ์การแข่งขันทางการค้าและระบบเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาที่สงครามการค้าระหว่างประเทศ ยักษ์ใหญ่อย่างจีนและสหรัฐ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องส่งผลให้การส่งออกในภาพรวมของโลกชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่มั่นใจว่า อีอีซี จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสจากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่มีความได้เปรียบในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ ที่เป็นประตูสู่เชื่อมต่อไปยังประเทศเศรษฐกิจ

ที่มา : นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 พ.ย. 2562

เนื้อหมูขึ้นราคา ทำให้ต้นทุนอาหารพุ่งสูงขึ้น

ราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลจากการระบาดของโรคไข้หวัดหมูแอฟริกา ส่งผลให้แนวโน้มราคาอาหารขยับเพิ่มขึ้นในซูเปอร์มาร์เก็ตและภัตตาคาร โดยจากแหล่งสำรวจของสำนักข่าวเวียดนาม “VnExpress” เปิดเผยว่าราคาผลิตภัณฑ์เนื้อหมูซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารในนครโฮจิมินห์ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 5-25 ตัวอย่างเช่น ราคาไส้กรอกเนื้อหมูเพิ่มขึ้นจาก 120,000 ด่องต่อกิโลกรัม (5.2 ดอลลาร์สหรัฐ) ขยับมาเป็น 150,000 ด่องต่อกิโลกรัม (6.5 ดอลลาร์สหรัฐ) เป็นต้น ประกอบกับราคาข้าวและก๋วยเตี๋ยวที่มีส่วนประกอบจากเนื้อหมูก็มีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 ด่อง ซึ่งทางเจ้าของร้านอาหารในนครโฮจิมินห์ กล่าวว่าไม่สามารถขึ้นราคาได้อีกแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องสรรหาเนื้อหมูที่มีขนาดเล็กลง และหาซัพพลายเออร์ที่ราคาถูกลง ทั้งนี้ จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) ระบุว่าราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 19 ในช่วงตั้งแต่เดือนพ.ย. ปีที่แล้ว และอาจเพิ่มขึ้นอีกในสิ้นปีนี้ รวมถึงคาดว่าจะขาดแคลนเนื้อหมูกว่า 200,000 ตัน

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/pork-price-hikes-drive-up-related-food-costs-406471.vov

บริษัทอีคอมเมิร์ซ “เซนโด” ระดมทุนไปกว่า 61 ล้านเหรียญสหรัฐ

เซนโด (Sendo) เป็นผู้ให้บริการด้านไอทีใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยการมุ่งเน้นไปยังเมืองใหญ่ในระดับ “Tier 2” ประกอบกับเป็นแหล่งตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ที่มีผู้เยี่ยมชนมากที่สุดในอันดับที่ 2 ของอีคอมเมิรซ์ในเวียดนาม ด้วยการระดมแหล่งเงินทุนในระดับ “Series C” ไปกว่า 61 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจากการแถลงข่าวของบริษัทเซนโด ในวันพุธที่ผ่านมา เปิดเผยว่าการลงทุนดังกล่าว มาจากผู้ถือหุ้นรายเดิมและนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงกองทุนอินโดนีเซีย EV Growth และกลุ่มเครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำมาขยายแพลตฟอร์มแบบบูรณาการ รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 3/2562 เซนโดแซงหน้าคู่แข่งอย่าง Tiki ที่อยู่ในอันดับที่ 2 ของตลาดอีคอมเมิรซ์เวียดนามที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุด ขณะที่ ช้อปปี้ (Shopee) ยังคงขึ้นแท่นผู้นำในประเทศอยู่

https://english.vov.vn/economy/ecommerce-firm-sendo-nets-61-mln-in-latest-funding-round-406468.vovที่มา :