‘เวียดนาม’ เผยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ปี 66 แตะ 37% ต่อ GDP

กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าหนี้สาธารณะของเวียดนามในปี 2566 มีมูลค่า 3.8 พันล้านล้านด่อง หรือคิดเป็น 37% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งตัวเลขหนี้สาธารณะดังกล่าวอยู่ในระดับไม่เกินเพดาน 60% ตามที่รัฐสภากำหนดไว้ และยังต่ำกว่าประมาณการณ์ของกระทรวงฯ

ทั้งนี้ นายโฮ ดึก ฟอก  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าถึงแม้เวียดนามจะเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลก แต่นโยบายการคลังของเวียดนามในปีที่แล้ว สามารถบรรลุความสำเร็จมาได้ อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินปี 2567 กระทรวงการคลังประมาณการณ์ถึงปัจจัยและความท้าทายต่างๆ และมองว่าการจัดเก็บงบประมาณของรัฐ คาดว่าจะอยู่ที่ 1.7 พันล้านล้านด่อง ในขณะที่การใช้จ่ายงบประมาณที่ 2.1 พันล้านล้านด่อง

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-2023-public-debt-at-37-of-gdp-post1069195.vov

ไทยเตรียมต้อนรับ 9 สายการบินใหม่ ในปี 2567

รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคนในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 27 ล้านคนในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากการเปิดตัวสายการบินใหม่ 9 สายการบิน โดยสายการบินใหม่ที่จะเริ่มดำเนินการ ได้แก่ Asian Aerospace Service, Siam Seaplane, Really Cool Air, Avanti Air Sarter, Landarch Airlines, Bangkok Helicopter Services, พัทยาแอร์เวย์, Asia Atlantic Airlines และ P80 Air แม้ว่าบางเที่ยวบินจะมุ่งเน้นไปที่เที่ยวบินระดับภูมิภาคและภายในประเทศ
แต่บางเที่ยวบินก็คาดว่าจะเพิ่มขีดความสามารถให้กับตลาดการบินของไทย ซึ่งอาจรวมถึงเส้นทางระหว่างประเทศด้วยสายการบินเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 ท่าอากาศยานไทยมีผู้โดยสารประมาณ 100 ล้านคน และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกเป็น 130 ล้านคนในปีงบประมาณ 2567 การคาดการณ์นี้บ่งชี้ถึงการกลับมาสู่ระดับผู้โดยสารที่ใกล้ก่อนการแพร่ระบาดในปี 2562 ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวในปี 2567 สอดคล้องกับการคาดการณ์โดยรวมว่าอุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวได้เกือบเทียบเท่าก่อนสถานการณ์โควิด การพัฒนานี้มีแนวโน้มที่จะมีส่วนสำคัญต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีหน้า

ที่มา: https://thainews.prd.go.th/en/news/detail/TCATG240102112437386

เส้นทางเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจลาว ปี 67 มุ่งเน้นการท่องเที่ยว ยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐาน

ปี 2566 ที่ผ่านมา สปป.ลาว เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ทั้งปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และการขาดดุลการค้าที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาของประเทศ รัฐบาล สปป.ลาว ได้ริเริ่มแคมเปญ Visit Lao Year 2024 โดยหันมาใช้การท่องเที่ยวเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเอาชนะปัญหาทางเศรษฐกิจ และวางรากฐานสำหรับการเป็นประธานอาเซียนในปี 2567 โดยมีมาตรการปรับปรุงการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ เน้นที่การลดความซับซ้อนของการขายตั๋วสำหรับรถไฟลาว-จีน แผนดังกล่าวยังรวมถึงการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จสิ้น เช่น ถนนและสนามบิน การฟื้นฟูทางหลวงที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการบริการ โดยความพยายามเหล่านี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้สภาพถนนที่ไม่ดีส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในช่วงปีเยือนลาวปี 2567

ที่มา: https://laotiantimes.com/2023/12/27/laos-charts-course-for-growth-in-2024-with-tourism-focus-infrastructure-overhaul-amidst-economic-challenges/

จีนให้ความช่วยเหลือ สปป.ลาว สร้างศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน

สปป.ลาว ได้ก่อสร้างศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานที่แขวงอุดมไซ ตั้งอยู่ห่างจากเวียงจันทน์ไปทางตอนเหนือราว 400 กม. โดยการก่อสร้างได้รับความช่วยเหลือจากจีน และได้มีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ศูนย์แห่งนี้จะเปิดโอกาสให้คนงานบริเวณภาคเหนือของประเทศลาวได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับตลาดแรงงานให้ดีขึ้น นายบุญคง ละเจียมพร เจ้าแขวงอุดมไซ กล่าวในพิธีวางศิลาฤกษ์ว่า ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานแห่งนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากจีน เป็นตัวเชื่อมในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยศูนย์แห่งนี้ประกอบด้วยห้องเรียนและสถานที่ฝึกอบรมภาคปฏิบัติ อาคารสำนักงาน โรงอาหาร และหอพักสำหรับแรงงานที่เข้ามาเรียนรู้และผู้ฝึกอบรม เพื่อจัดการฝึกอบรมระดับกลาง และเจะใช้ในการฝึกอบรมครู สร้างความร่วมมือด้านการสอน และคัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถสำหรับโครงการแลกเปลี่ยนกับประเทศจีน นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมแห่ง สปป.ลาว ยังได้กล่าวในพิธีวางศิลาฤกษ์ด้วยว่าศูนย์แห่งนี้เป็นหนึ่งในสิบศูนย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน

ที่มา: https://english.news.cn/20231229/5e045060d21043c383b72185bf56d61a/c.html

ราคาอ้างอิงขายส่งน้ำมันปาล์มของย่างกุ้ง ทรงตัวในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มกราคม

ตามการระบุของคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการนำเข้าและการจัดจำหน่ายน้ำมันบริโภค อัตราอ้างอิงการขายส่งน้ำมันปาล์มสำหรับตลาดย่างกุ้งในสัปดาห์นี้สิ้นสุดวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2566 ยังคงเดิมที่ 4,955 จ๊าดต่อ viss จากอัตราของสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับดูแลการนำเข้าและจำหน่ายน้ำมันบริโภคภายใต้กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคา FOB ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิด โดยเพิ่มค่าขนส่ง ภาษี และบริการทางธนาคาร เพื่อตัดสินใจอัตราอ้างอิงตลาดขายส่งน้ำมันบริโภครายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อขายจริงในตลาดนั้นสูงกว่าราคาอ้างอิงค่อนข้างมากเนื่องจากมีการขึ้นราคาขายเกินจริงในตลาด กรมกิจการผู้บริโภค กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับคณะกรรมการกำกับดูแลฯ กำลังพยายามร่วมกันควบคุมความผันผวนสูงของราคาน้ำมันปาล์มในตลาดค้าปลีก และเสนอราคาที่ยุติธรรมมากขึ้นแก่ผู้บริโภค โดยร่วมมือกับสมาคมผู้ค้าน้ำมันบริโภคแห่งเมียนมาร์และบริษัทนำเข้าน้ำมัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/ygn-palm-oil-wholesale-reference-price-stays-steady-for-week-ending-7-jan/

งาน Smart Farm Korea 2024 ต้อนรับนักธุรกิจชาวเมียนมาร์

องค์การส่งเสริมการค้าเมียนมาร์ ระบุว่า Smart Farm Korea 2024 (SFKOREA) จะจัดขึ้นที่ Changwon Convention Center (CECO) ระหว่างวันที่ 12 ถึง 14 มิถุนายน 2567 และนักธุรกิจชาวเมียนมาร์จะได้รับเชิญให้เข้าร่วม เพื่อยกระดับภาคการเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อแนะนำการทำฟาร์มอัจฉริยะ เทคโนโลยี และช่วยให้เกษตรกรชั้นนำหันมาใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการเกษตรและปศุสัตว์แห่งอนาคต อย่างไรก็ดี งานแสดงสินค้าจะประกอบด้วยบูธ 400 บูธจาก 120 บริษัท และคาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าชมได้ประมาณ 20,000 คน สิ่งของที่จัดแสดงประกอบด้วย เกษตรกรรมแห่งอนาคต (ระบบอัตโนมัติ) สิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์โรงงานอัจฉริยะ การเกษตรในเมือง การกลับสู่เกษตรกรรมหมู่บ้านในชนบท วัสดุและอุปกรณ์ปศุสัตว์เกษตร ผลิตผลทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดจำหน่าย ระบบโลจิสติกส์ และการศึกษาในด้าน ICT, การฝึกปฏิบัติภาคสนามอัจฉริยะ, การจัดการโรคพืชและสัตว์, การศึกษาข้อมูลการเกษตรและชนบท เป็นต้น นอกจากนี้ นักธุรกิจชาวเมียนมาร์ที่สนใจเทคโนโลยีฟาร์มอัจฉริยะและผลิตภัณฑ์ของเกาหลียังสามารถเข้าร่วม Business Matching ของผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเพื่อยกระดับความเป็นอัจฉริยะ ภาคเกษตรกรรมในอนาคต

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/smart-farm-korea-2024-welcomes-myanmar-businesspersons/

ธนาคาร SME Bank กัมพูชา พร้อมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวเสียมราฐ

ธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของรัฐกัมพูชา (SME Bank) พร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ผู้ประกอบการ โดยได้เริ่มให้เงินทุนแก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวในจังหวัดเสียมราฐ ร่วมกับการให้ความร่วมมือระหว่าง SME Bank, สมาคมการท่องเที่ยวกัมพูชาในเสียมราฐ, สมาคมชมรมการท่องเที่ยวเสียมราฐ, สมาคมผู้ประกอบการ รุ่นเยาว์แห่งกัมพูชา และสมาคมผู้ประกอบการสตรีเสียมราฐ ซึ่งได้ร่วมกันจัดสัมมนา โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวกว่า 160 ราย ทั่วจังหวัดเสียมราฐเข้าร่วมงาน สำหรับวิสาหกิจในภาคการท่องเที่ยวเสียมราฐ ซึ่งให้บริการโดยตรงแก่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สามารถสมัครขอสินเชื่อได้วงเงินสูงสุดถึง 600,000 ดอลลาร์ พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.50 ต่อปี ภายใต้งบประมาณจัดสรรของรัฐบาล ที่ได้จัดสรรเงินเบื้องต้นจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการดังกล่าว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501415862/sme-bank-boosts-siem-reap-tourism/

กัมพูชาส่งออกไปยังอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นกว่า 112%

การส่งออกของกัมพูชาไปยังอินโดนีเซียและอินเดียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก สำหรับในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2023 คิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 111.7 และ 55.1 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ของกัมพูชาคิดเป็นกว่าร้อยละ 39.7 ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นการปรับตัวลดลงร้อยละ 0.9 เทียบกับสัดส่วนการนำเข้าของสหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของปี 2022 ที่สัดส่วนร้อยละ 40.6 ของการส่งออกกัมพูชาในช่วงปี 2022 รายงานกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) ขณะเดียวกันการเติบโตด้านการส่งออกไปยังอินโดนีเซียและอินเดียกลับขยายตัวอย่างมาก สะท้อนจากการส่งออกของกัมพูชาไปยังอินโดนีเซียมีมูลค่าสูงถึง 70.56 ล้านดอลลาร์ และส่งออกไปยังอินเดียมีมูลค่าสูงถึง 264.5 ล้านดอลลาร์ โดยทางฟากฝั่งรัฐบาลกัมพูชาพร้อมดันภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อทางอากาศโดยตรงระหว่างอินเดียและกัมพูชา ภายในปี 2024 และการขยายทางหลวงไตรภาคี อินเดีย-เมียนมา-ไทย (IMT) ไปทางตะวันออก ด้วยความช่วยเหลือด้านเงินกู้จากอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการค้าระหว่างทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างมากในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501415859/cambodias-exports-to-indonesia-jump-112-percent/