เวียดนามส่งออกปลาทูน่าไปยังอิตาลี พุ่งสูงขึ้นร้อยละ 60 ในช่วงครึ่งปี 2562

จากรายงานของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีแรก 2562 เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกปลาทูน่าไปยังประเทศอิตาลี 13.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งในเดือนมีนาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา อิตาลีเป็นประเทศผู้นำเข้ารายแรกใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป ทางสมาคมฯ คาดว่ามูลค่าการส่งออกปลาทูน่าอยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปี 2561 หากจำแนกประเภทปลาทูน่า พบว่าในปี 2561 ปลาทูน่าแช่เย็นแช่แข็งของเวียดนามเป็นสินค้าส่งออกสำคัญไปยังสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ปลาทูน่ากระป๋องมีแนวโน้มลดลง โดยเวียดนามเป็นซัพพลายเออร์ในอันดับที่ 4 ของตลาดปลาทูน่ากระป๋องสหรัฐอเมริกา รองลงมาไทย เอกวาดอร์ และจีน ตามลำดับ

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7773102-tuna-exports-to-italy-shoot-up-60-in-h1.html

ยอดเก็บภาษีสรรพากรเมียนมาเพิ่ม

กรมสรรพากรเมียนมา (IRD) มีรายได้ 4.9 ล้านล้านรายจัตจากการเก็บภาษี 5 ประเภทตั้งแต่ ต.ค.561 ถึง มิ.ย. 62 สี่ในห้าของจำนวนเงินที่เก็บได้ในปีนี้มาจากภาษีรายได้ ภาษีการค้า ภาษีสินค้าพิเศษค่าธรรมเนียมศาล อากรแสตมป์รวมถึงภาษีลอตเตอรี่อองบาร์เลย์ โดยรายได้จากภาษีรายได้อยู่ที่ 243 พันล้านจัต ภาษีสินค้าพิเศษมาที่ 42 พันล้านจัต ภาษีสลากกินแบ่งมีส่วน 31 พันล้านจัตภาษีเชิงพาณิชย์ 16 พันล้านจัต ขณะที่ค่าธรรมเนียมศาลและอากรแสตมป์ 5.3 พันล้านจัตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันภาษีทุกประเภทยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลและอากรแสตมป์สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว กรมสรรพากรกล่าวว่ามีการดำเนินการกับร้านค้าที่ไม่มีอากรแสตมป์บนโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริม มีผู้ถูกดำเนินการ 98 รายที่ถูกปรับไปแล้วเป็นจำนวนเงินรวม 10.9 ล้านจัต ในขณะที่ผู้แจ้งเบาะแสทั้งสิ้น 11 ราย ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 164 ล้านจัต

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/higher-revenue-collection-reported-ird.html

การผลิตไม้ซุงลดลงมากกว่าครึ่ง

บริษัท Myanmar Timber Enterprise (MTE) จะลดการตัดไม้สักและไม้เนื้อแข็งจากพื้นที่ป่าธรรมชาติในปี พ.ศ. 62-62 ลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งผลิตได้เพียงพอสำหรับต้นทุนการผลิตไม้ซุง โดยการตัดไม้จะถูกจำกัดสำหรับต้นไม้อายุ 30 ปีขึ้นไปในมัณฑะเลย์และซากะ ซึ่งจะช่วยลดการทำลายป่าและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแจ้งว่าจะมีการปลูกต้นไม้ทดแทนป่าไม้ที่ถูกโค่นจำนวนมากถึงสามเท่าในภูมิภาคและยังให้ความช่วยเหลือแก่ควานช้างและช้างที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการตัดไม้

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/timber-production-halved.html

ธนาคาร Mandiri ของอินโดนีเซียเข้าลงทุนในกัมพูชาและสปป.ลาว

ธนาคาร Mandiri ของอินโดนีเซียซึ่งเป็นสถาบันของรัฐได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะเข้าสู่ตลาดกัมพูชาและสปป.ลาว และได้จัดตั้งกองทุนการลงทุนขนาดใหญ่ โดยจะทำการศึกษาวิธีที่ดีที่สุดในการเจาะตลาดใหม่ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 ธนาคาร Mandiri เติบโดถึง 11.1% และมีการประกาศจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชาซึ่งจะเน้นการเติบโตที่แข็งแกร่งของธนาคารในประเทศและภาคการเงินรายย่อย ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีสินเชื่อในสาขาธนาคารและสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นประมาณ 22.4%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50630496/indonesias-mandiri-bank-to-enter-cambodia-laos/

จีน สปป.ลาว ร่วมมือบังคับใช้ด้านกฎหมายด้านความมั่นคง

 สมาชิกสภาแห่งของรัฐบาลจีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการรักษาความปลอดภัยสาธารณะของ สปป.ลาว ถึงความร่วมมือระหว่างสองประเทศในการสร้างชุมชนจีน – ลาว พร้อมกับการศักราชใหม่สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงสำหรับโครงการสำคัญและโครงการทางถนนและความร่วมมือในการปกป้องความมั่นคงของชาติการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น โทรคมนาคม การคอรัปชั่น การพนันออนไลน์ และการสร้างความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีต่อไป

ที่มา : http://www.xinhuanet.com/english/2019-08/06/c_138288334.htm

บริษัท เดินเรือกังวลเรื่องความหนาแน่นของท่าเรือสีหนุวิลล์

Sihanoukville Autonomous Port (PAS) ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกเพียงแห่งเดียวของกัมพูชาและเป็นหนึ่งในการเชื่อมโยงที่สำคัญที่สุดไปยังโลกภายนอกกำลังประสบปัญหาความออัดซึ่งกลายเป็นแหล่งที่มาของความกังวลสำหรับ บริษัท ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่สำคัญบางแห่ง โดยพูดถึงความแออัดอาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อกัมพูชาเนื่องจากความสำคัญของท่าเรือต่อเศรษฐกิจของประเทศมากถึงประมาณ 70% ของการนำเข้าและส่งออกของกัมพูชาผ่านทางท่าเรือ ซึ่งปัญหาอาจยังคงอยู่จนกว่าการก่อสร้างลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ใหม่จะเสร็จสมบูรณ์ โดยเฟสที่หนึ่งของการขยายตัวของพอร์ตซึ่งได้รับทุนจากญี่ปุ่นกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งเทอร์มินัลใหม่จะเพิ่มความสามารถในการจัดการคอนเทนเนอร์ของพอร์ตจากปัจจุบัน 700,000 หน่วยเทียบเท่าเท้า (TEUs) เป็น 1.29 ล้าน TEUs ภายในปี 2566

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50630492/shipping-companies-concerned-over-congestion-at-pas/

สนามบินเล็งเห็นการเติบโตของผู้โดยสารในช่วงครึ่งปีแรกของกัมพูชา

สนามบินนานาชาติทั้ง 3 แห่งของกัมพูชามีการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารในช่วงหกเดือนแรกของปีเนื่องจากมีเส้นทางบินใหม่เชื่อมต่อราชอาณาจักรไปยังจุดหมายปลายทางทั่วเอเชีย จากรายงานตัวของสนามบิน Vinci ผู้ถือหุ้นหลักในสนามบินกัมพูชารวมถึงสนามบินทั้ง 3 แห่งได้รองรับผู้โดยสารถึง 6 ล้านคนในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเพิ่มขึ้น 15.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสนามบินทั้ง 3 แห่งเป็นเที่ยวบินโดยสารพาณิชย์ทั้งหมด 56,346 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.1% ซึ่งผลการดำเนินการของสายการบินในกัมพูชาเติบโตถึง 25.1% ในไตรมาส 2 และรัฐบาลกัมพูชาคาดหวังว่าจะมีการเปิดเส้นทางใหม่ในปีหน้าเพื่อเชื่อมต่อกัมพูชาไปยังอินเดียและรัสเซียรวมถึงประเทศในตะวันออกกลาง และจุดหมายปลายทางใหม่ในประเทศจีน โดยตัวเลขการรองรับผู้โดยสารขาเข้าในปีที่แล้วอยู่ที่ 10 ล้านคน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50630544/airports-see-strong-passenger-growth-in-h1/

สถาบัน APi นำสินค้าเกษตรนวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามโชว์ที่อินเดีย

สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม (APi) นำสินค้านวัตกรรมด้านสุขภาพและความงาม ที่ผลิตจากสินค้าเกษตรนของไทย ไปจัดแสดงในงาน Health & Beauty Expo 2019 หวังเปิดตัวเจาะตลาดอินเดีย APi จะนำสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเข้าร่วมโชว์ศักยภาพในงานแสดงสินค้า Health & Beauty Expo 2019 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค.2562 ณ เมืองเจนไน อินเดีย ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยที่มีคุณภาพและมาตรฐาน สร้างโอกาสในการขยายตลาดส่งออกมายังตลาดอินเดีย โดยมั่นใจว่าสินค้าเกษตรนวัตกรรมของไทยจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ซื้อ ผู้นำเข้า และผู้เข้าชมงาน สำหรับสินค้าที่จะนำไปจัดแสดง ประกอบด้วยสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ความงามจากผลผลิตทางการเกษตรของไทยทั้งที่เป็นอาหาร (Food) และที่ไม่ใช่อาหาร (Non-food) เช่น น้ำมันรำข้าว เครื่องดื่มจากสมุนไพร น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ Energy bar แผ่นแปะสิวจากมังคุด ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมจากข้าว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากมะพร้าว และลิปสติกจากสมุนไพรและเครื่องเทศของไทย เป็นต้น ในการเข้าร่วมงานที่อินเดียครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรราว 1,300 ล้านคน ยังเป็นโอกาสในการศึกษาแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคอินเดีย ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากลมากขึ้นด้วย

ที่มา: https://mgronline.com/business/detail/9620000074493