ผลการสำรวจค่าจ้างเมียนมาเพิ่มมากกว่าครึ่งของแรงงานในอุตสาหกรรม

จากผลการสำรวจของหอการค้าและอุตสาหกรรมฝรั่งเศส – เมียนมา (CCI) พบว่าจาก 500 บริษัทใน 10 อุตสาหกรรมมีการเพิ่มต่าแรงตั้งแต่ 1 – 5% มากกว่า 54% จากบริษัททั้งหมด พบว่าแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 11 – 15% อุตสาหกรรมการเงินเพิ่ม 1 – 5% ด้านสุขภาพ 1 – 10% ส่วนแรงงาน 42% ของแรงงานสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มถึง 6 – 10% ซึ่ง CCI เทียบกับการสำรวจของปีที่แล้วการสำรวจในปีนี้ได้ปรับปรุงการคำนวณ ค่ามัธยฐานและฐานเงินเดือนโดยเฉลี่ยทำให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำมากขึ้น และ CCI เผยด้วยว่าการสำรวจเงินเดือนเฉพาะอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่น การสำรวจเงินเดือนของอุตสาหกรรมโรงแรมของปี 2562

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/wage-survey-showed-more-half-workers-received-increments.html

รัฐคะยาเตรียมสร้างโรงหลอมเหล็ก

เมียนมาและจีนร่วมมือสร้างโรงหลอมโลหะมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในหลอยก่อเมืองหลวงของรัฐกะยาทางตะวันออกของเมียนมา ผอ.ฝ่ายการลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) กล่าวว่า บริษัท ร่วมทุน Global Global Industrial Company (GSIC) ได้รับอนุญาตให้สร้างโรงหลอมโลหะในเขตอุตสาหกรรมหลอยก่อ สามารถสร้างงานได้ถึง 500 ตำแหน่ง ในโรงหลอมซึ่งจะใช้ในการหล่อ ดีบุก ทังสเตน และวุลแฟรม คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าให้กับการทำเหมืองในรัฐเนื่องจากโลหะมีค่ามากขึ้นและราคาที่สูงขึ้นของวัตถุดิบ อีกทั้งรัฐบาลยังให้การสนับสนุนโครงการนี้ นับเป็นครั้งที่สองในรัฐคะยาภายหลังจากที่ บริษัท เมียนมาร์โกลเด้นโบนันซ่า ได้รับอนุญาตให้สร้างโรงหล่อ โดยร่วมมือกับ 5 บริษัทในเหมืองแห่งที่ 2 ของรัฐคะยาซึ่งมีรัฐเป็นเจ้าของโดยมี GSIC ร่วมอยู่ด้วย กำลังผลิตทั้งหมดได้ 400 ตัน ตั้งแต่ ต.ค. 61 – มิ.ย. 62 สำหรับการลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กนั้นส่วนใหญ่เป็นเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/kayah-state-get-us50-million-metal-refinery.html

สปป.ลาว คาดความต้องการลิฟต์และบันไดเลื่อนเพิ่มขึ้น

Mitsubishi Electric Corporation ยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นได้ตั้งบริษัท ย่อย ใน สปป.ลาว โดยผ่านการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนท้องถิ่นคือ บริษัท Souvanny Home Center Public ตั้งแต่ปี 56 จากข้อมูลพบว่าความต้องการลิฟต์และบันไดเลื่อนต่อปีจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 180 หน่วยในปีงบประมาณสิ้นสุดในมี.ค. 62 เป็นประมาณ 290 ยูนิตในปี 67 ยอดขายจะเพิ่มขึ้นสูงเป็น 3.82 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่พบว่าสปป.ลาวยังคงเป็นตลาดเล็กเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียนซึ่งไทยเป็นผู้นำในด้านรายได้และส่วนแบ่งการตลาด จากรายงานยังระบุว่าการพัฒนาอาคารอัจฉริยะและเมืองสีเขียวสามารถเพิ่มความต้องการลิฟต์ให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งเวียงจันทน์ประกาศแผนที่จะพัฒนาเมืองตามวัตถุประสงค์หกประการหรือ“ ฮกสอ” ซึ่งรวมถึงการพัฒนาเพื่อความปลอดภัย ความสะอาด พื้นที่สีเขียว แสงสว่างและความทันสมัย การเติบโตของเมืองขนาดใหญ่ในอาเซียนเป็นแนวโน้มทางการตลาดที่สำคัญ เนื่องจากมีความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ลิฟต์เพิ่มตามไปด้วย

ที่มา: https://laotiantimes.com/2019/07/17/laos-expects-rising-demand-for-elevators-and-escalators/

เวียดนาม สปป.ลาวส่งเสริมความร่วมมือในการประกันเงินฝาก

ระบบการประกันเงินฝากของเวียดนาม (DIV) และกองทุนป้องกันผู้ฝากเงินในประเทศลาว (DPF) ได้จัดให้มีการเจรจาเพื่อทบทวนความร่วมมือในปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับแผนการความร่วมมือในอนาคตรวมถึงการแก้ไขบันทึกความเข้าใจที่ลงนามแล้ว DIV แบ่งปันประสบการณ์กับ DPF ในการประสานงานและดำเนินงานร่วมกับธนาคารโลกและปรับปรุงด้านอื่น ๆ เกี่ยวกับผลลัพธ์ของการเป็นหุ้นส่วนกับธนาคารโลก ซึ่ง DPF ต้องการเรียนรู้จากประสบการณ์ของ DIV ในการจัดการเงินทุนการเก็บรวบรวมข้อมูลการจัดการและการจัดเรียงข้อมูลและระบบเครือข่ายภายในและการจัดการทรัพยากรมนุษย์ DPF เสนอให้ทั้งสองฝ่ายยังคงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการประกันเงินฝากในปี 63 โดยให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการกำกับดูแลของธนาคารสมาชิก  และ DPF ยังร่วมมือกับ DIV เพื่อจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการจัดการกองทุนคุ้มครองเงินฝากและสร้างความตระหนักของประชาชนด้วยวิทยากรจาก DIV

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-laos-foster-cooperation-in-deposit-insurance/156238.vnp

การส่งออกยางพาราเพิ่มขึ้น 24% ในครึ่งแรกของปี

กัมพูชาส่งออกยางได้ 104,261 ตันในช่วงครึ่งแรกของปีเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมิถุนายนปีนี้การส่งออกยางมีมูลค่าประมาณ 139 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการขายยางตันละประมาณ 1,339 เหรียญสหรัฐ ซึ่งการส่งออกจะได้รับการรายงานน้อยกว่าความเป็นจริงเพราะเกษตรกรขายผลผลิตใน Grey market เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี เนื่องจากการขาดแคลนแรงงานและราคาที่ลดลงในตลาดต่างประเทศเกษตรกรและนักลงทุนปฏิเสธที่จะขยายพื้นที่เพาะปลูก จำนวนเฮกตาร์ที่ใช้สำหรับการทำสวนยางยังคงเหมือนเดิมในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวน 436,357 เฮคเตอร์ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาส่งออกยางได้ 210,000 ตัน สร้างรายได้ประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50624770/rubber-exports-up-24-percent-in-first-half-of-the-year/

กระทรวงท่องเที่ยวกัมพูชาเปิดตัวแอปพลิเคชั่นการท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นมือถือที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับกัมพูชาได้อย่างรวดเร็ว แอปพลิเคชั่นนี้ถูกเรียกว่า “Kingdom of Wonder” โดยได้มีการสัมมนาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวกัมพูชาด้วยระบบดิจิทอล ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวเป็นประธานในพิธี โดยแอปจะช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับกัมพูชาที่นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องรู้เพื่อเตรียมตัวการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมถึงประวัติ ภาษา ภูมิอากาศ ศาสนา และประชากร นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำเหตุการณ์ในประเทศและเทศกาลที่พักร้านอาหารตัวเลือกการขนส่งแลกเปลี่ยนเงินตราสถานทูตและเที่ยวบิน สามารถใช้ได้สำหรับ Android และ iOS

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50625009/ministry-launches-tourism-app/

FTA เวียดนาม-อียู ความทะเยอทะยานที่สัมฤทธิ์ผล

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้วางยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนที่สำคัญกับประเทศอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ “การทำเขตการค้าเสรีเวียดนามกับสหภาพยุโรป (EU-VN FTA)” เหตุผลเพราะช่วยเปิดตลาดสหภาพยุโรป สำหรับสินค้าเวียดนามให้มีความได้เปรียบคู่แข่งมากยิ่งขึ้น และช่วยยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าว มีผลบังคับใช้ภายในปี 2562 เกี่ยวกับประเด็นการเปิดตลาดสินค้า การพัฒนาที่ยั่งยืน การลดภาษีกว่า 99% ของสินค้านำเข้าทั้งสองประเทศ เป็นต้น จะช่วยให้เวียดนามพัฒนากรอบด้านการลงทุนและการใช้กฎหมายให้มีความโปร่งใส เพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากประเทศสหภาพยุโรป อีกทั้ง เวียดนามยังใช้สิทธิ GSP จะเป็นโอกาสที่เวียดนามสามารถเข้าตลาดสหภาพยุโรปที่มีประชากรกว่า 508 ล้านคน มีมูลค่า GSP ประมาณ 18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 สินค้าสำคัญที่อียูนำเข้าจากเวียดนาม ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้า (โทรศัพท์มือถือ) รองเท้า เสื้อผ้า เป็นต้น

ที่มา : https://bangkokbanksme.com/en/fta-vietnam-eu