รถไฟลาว-ไทย เตรียมเปิดอย่างเป็นทางการ พร้อมทดลองวิ่ง

สปป.ลาวและไทยได้เริ่มทดลองใช้บริการรถไฟข้ามพรมแดนใหม่ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะประกาศภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า ดำเนินการโดยการรถไฟแห่งชาติลาว ภายใต้กระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การทดสอบจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 14 ถึง 17 พฤษภาคม 2567 จากสถานีรถไฟท่านาเล้งถึงสถานีเวียงจันทน์ ใน สปป.ลาว หลังจากการทดลองวิ่งครั้งแรกนี้ การทดสอบจะขยายเพิ่มเติมจากสถานีรถไฟอุดรธานีและสถานีหนองคายในประเทศไทย ไปยังสถานีรถไฟท่านาเล้งและสถานีคำสะวาทของลาว ตั้งแต่วันที่ 18-20 พฤษภาคม 2567 รถไฟลาว-ไทย และรถไฟลาว-จีน เป็นองค์ประกอบสำคัญของเครือข่ายรถไฟระดับภูมิภาคที่มุ่งเชื่อมโยงจีนกับสิงคโปร์ผ่านลาว ไทย และมาเลเซีย

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/05/15/laos-thailand-railway-prepares-for-official-opening-with-trial-runs/

บริษัท สปป.ลาว-ไทย จัดตั้งบริษัทร่วมทุนด้านพลังงานสะอาด

รัฐบาล สปป.ลาว และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ Super Holding Company เพื่อบริหารจัดการธุรกิจพลังงานสะอาดขนาดกว่า 7GW สู่เป้าหมายของประเทศลาวที่ต้องการเป็น “แบตเตอรี่แห่งเอเชีย” โดยบริษัทร่วมทุนจะดำเนินการดูแลจัดการและการกระจายพลังงานสะอาดจากส่วนกลาง ส่งเสริมการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า และขับเคลื่อนความคิดริเริ่มการเติบโตที่ยั่งยืนของประเทศลาว ความร่วมมือดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้จากธุรกิจพลังงานสะอาดภายใน 3 ปี ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบ อำนวยความสะดวกในการพัฒนาโซลูชั่นการจัดเก็บพลังงาน นำเสนอโซลูชั่นยานยนต์ไฟฟ้า และลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนเพิ่มเติมเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายระดับชาติ

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_91_LaosThai_y24.php

กัมพูชา-เกาหลีใต้ ยก FTA หนุนการค้าทวิภาคีพุ่ง

กัมพูชาและเกาหลีใต้จัดการประชุมคณะกรรมการร่วมความตกลงเขตการค้าเสรีกัมพูชา-เกาหลีใต้ (CKFTA) เป็นครั้งแรกเพื่อติดตามความคืบหน้าของการค้าระหว่างสองประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า CKFTA ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกันต่อไป ด้านกัมพูชาคาดการณ์ว่าการค้าทวิภาคีกับเกาหลีใต้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่า CKFTA จะเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ สำหรับข้อมูลจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตของกัมพูชา เผยให้เห็นว่า การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.4 หรือคิดเป็นมูลค่า 256 ล้านดอลลาร์ สำหรับในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2024 เป็นการส่งออกของกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ที่มูลค่า 98.2 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าจากเกาหลีใต้มายังกัมพูชาเพิ่มขึ้นเช่นกันร้อยละ 6.7 ที่มูลค่า 158 ล้านดอลลาร์ สำหรับสินค้าส่งออกหลักของกัมพูชาไปยังเกาหลีใต้ ได้แก่ รองเท้า เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยว เครื่องดื่ม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยาง ยา และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ด้านสินค้านำเข้าหลักจากเกาหลีใต้มายังกัมพูชา ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว เครื่องดื่ม ยา และพลาสติกสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501487866/cambodia-korea-laud-fta-for-rising-bilateral-trade/

การลงทุนในกัมพูชาโตกว่า 327%

กัมพูชาอนุมัติโครงการลงทุนกว่า 128 โครงการ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 327 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 2.51 พันล้านดอลลาร์ โดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างพิธีเปิดงาน “งานแสดงสินค้าระหว่างประเทศกัมพูชา 2024” (Cambodia International Trade Fair 2024) ซึ่งจัดขึ้นโดยมีสมเด็จพระนางเจ้า Norodom Janna และ Cham Nimul รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (MoC) พร้อมด้วยนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ 2,500 คน จาก 16 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมงาน ด้าน Vongsey Vissoth รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของงานแสดงสินค้านี้ ว่าเป็นเวทีให้นักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ สร้างเครือข่าย และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความสัมพันธ์ทางการค้า ซึ่งทางการกัมพูชาหวังว่างานแสดงสินค้านี้จะดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ เทคโนโลยี และความรู้ทางธุรกิจเข้าสู่กัมพูชา รวมถึงสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501487854/cambodia-sees-327-rise-in-investments/

‘ชาวเวียดนาม’ โดนโกงออนไลน์ สูญเงินกว่า 12.24 ล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนาม (MIC) รายงานว่าคดีฉ้อโกงออนไลน์ มีจำนวนทั้งสิ้น 17,500 คดี โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวเวียดนาม มีมูลค่าการสูญเสียเงินจากการฉ้อโกงมากกว่า 300 พันล้านด่อง หรือประมาณ 12.24 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ จากการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันการฉ้อโกงและการรับมือกับอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ พบว่าการฉ้อโกงทางไซเบอร์มีความซับซ้อนในเมื่อไม่นาน ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อองค์กรและบุคคลทั่วไป จึงจำเป็นที่จะต้องหาแนวทาการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาชญากรทางไซเบอร์ได้เปลี่ยนวิธีการและยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง หันมาใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการโจมดี แทรกซึมและฉ้อโกงในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสังคม และสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655485/vietnamese-users-report-losses-of-more-than-12-24-million-due-to-online-fraud.html

‘เวียดนาม’ ยอดขายคอนโดเทล ไตรมาส 1 ต่ำสุดในรอบ 6 ปี

ตามรายงานของ DKRA Group บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าโครงการคอนโดเทล 90% ไม่มียอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่คอนโดเทลที่เปิดขายอยู่มีจำนวน 4,800 ยูนิต แต่มีเพียง 64 ยูนิตที่ขายได้ คิดเป็นสัดส่วน 1.3% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด ถึงแม้ว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเสนอโปรโมชั่น แต่ก็ไม่สามารถที่จะดึงดูดลูกค้าได้ สาเหตุสำคัญมาจากราคาขายสูง ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านด่อง (6,000 เหรียญสหรัฐ) ต่อตารางเมตร

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ไม่แน่ใจว่าจะลดราคา เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในโครงการระดับไฮเอนที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าฐานะร่ำรวย และเมื่อคาดการณ์จะพบว่าตลาดคอนโดเทลอาจต้องใช้ระยะเวลา 5-7 ปี ในการฟื้นตัว ทั้งจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1655491/condotel-sales-at-their-lowest-level-in-six-years-in-q1.html

รัฐบาล สปป.ลาว จัดให้คำปรึกษาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยคาร์บอนเครดิต

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (MoNRE) สปป.ลาว สถาบันการเติบโตสีเขียวระดับโลก (GGGI) และรัฐบาลออสเตรเลีย จัดการหารือร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยคาร์บอนเครดิตในประเทศลาว งานนี้เป็นการรวมตัวของผู้แทนพันธมิตรด้านการพัฒนา องค์กรพัฒนาเอกชน และหน่วยงานภาคเอกชนที่มีความสนใจในประโยชน์ของคาร์บอนเครดิตและตลาด เพื่อสนับสนุน สปป. ลาว ในการกำหนดการมีส่วนร่วมที่กำหนดในระดับชาติและความทะเยอทะยานด้านสภาพภูมิอากาศโลก รัฐบาล สปป.ลาว ได้ดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 เพื่อเตรียมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยคาร์บอนเครดิต ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรีในการควบคุมการจัดการและการค้าในลาว GGGI ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคแก่รัฐบาล สปป.ลาว ภายใต้โครงการสำหรับตลาดคาร์บอนแบบเปิดและยั่งยืน ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_90_Government_y24.php