‘NVIDIA’ ยักษ์ใหญ่ชิปรายใหญ่สหรัฐ เล็งโอกาสลงทุนเวียดนาม

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Dau Tu (Investment) เปิดเผยว่าคณะผู้แทนของบริษัทเอ็นวิเดีย คอร์ปอเรชั่น (NVIDIA Corporation) นำโดยคุณ Keith Strier รองประธานบริษัท มีกำหนดการเดินทางเยือนเวียดนาม ระหว่างวันที่ 22-26 เม.ย. เพื่อแสวงหาโอกาสทางการลงทุนในเวียดนาม และในระหว่างการเดินทางมาเยือนในครั้งนี้ ทางบริษัทเอ็นวิเดียจะร่วมกันทำงานกับตัวแทนของภาคธุรกิจและสถาบันท้องถิ่นในการจัดตั้งศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงติดตั้งซูเปอร์คอมพิวเตอร์และถ่ายโอนการผลิตหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) บางส่วนไปยังซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะออกจำหน่ายในตลาดเวียดนาม

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/us-chip-giant-nvidia-keen-to-explore-investment-opportunities-in-vietnam-post1090597.vov

ผู้ประกอบการไร่กาแฟใน สปป.ลาว ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน-เงินเฟ้อสูง

ผู้ปลูกกาแฟใน สปป.ลาว เผชิญภาวะขาดแคลนแรงงาน หลังคนงานจำนวนมากเปลี่ยนไปทำไร่มันสำปะหลังหรือเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อแสวงหารายได้ที่สูงกว่าในประเทศไทย ผู้ปลูกกาแฟรายหนึ่งกล่าวว่า เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟ เจ้าของสวนทางตอนใต้ของ สปป.ลาว ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากค่าจ้างที่ต่ำและยังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงในประเทศ โดยคนงานไร่กาแฟในเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ต่างหลีกเลี่ยงงานที่จ่ายค่าจ้างเพียง 10-13 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และหันไปหางานที่มีรายได้ดีกว่าในประเทศเพื่อนบ้านแทน ส่วนคนอื่นๆ หางานทำในไร่มันสำปะหลังซึ่งมีค่าจ้างที่ดีกว่า

ทื่มา : https://www.rfa.org/english/news/laos/coffee-growers-04192024141053.html

‘ราคาข้าวเวียดนาม’ พุ่ง

สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) รายงานว่าราคาข้าวเปลือกของเวียดนามปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเฉพาะราคาข้าวรับจากเกษตรกร เฉลี่ย 8,000 ด่องต่อกิโลกรัม และราคาข้าวรับซื้อหน้าโรงสีเฉลี่ย 9,475 ด่องต่อกิโลกรัม ในขณะที่ราคาข้าวหัก 5% อยู่ที่ 14,200 ด่องต่อกิโลกรัม ตามมาด้วยราคาข้าวหัก 15% และ 25% อยู่ที่ 13,950 ด่อง และ 13,750 ด่อง ตามลำดับ

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาราคาส่งออกข้าวของเวียดนาม พบว่าราคาข้าวหัก 5% อยู่ที่ 582 เหรียญสหรัฐต่อตัน สูงกว่าราคาข้าวไทยที่ 579 เหรียญสหรัฐต่อตัน และราคาข้าวปากีสถาน 581 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะเดียวกัน ราคาข้าวหัก 25% ของเวียดนาม อยู่ที่ 557 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับราคาข้าวไทยจะอยู่ที่ 530 เหรียญสหรัฐต่อตัน

ที่มา : https://en.nhandan.vn/vietnamese-rice-prices-on-the-hike-post135006.html

รัฐมนตรีสหภาพอุตสาหกรรมหารือเรื่องการยกระดับพืชน้ำมันเพื่อการบริโภค การผลิตฝ้าย และผลผลิตของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า

วานนี้ ดร. ชาร์ลี ธาน รัฐมนตรีสหภาพอุตสาหกรรมกล่าวว่า สภาบริหารแห่งรัฐได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจจัดการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาโรงงานน้ำมันขึ้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 โดยมีหน้าที่จัดหาเงินกู้เพื่อยกระดับและขยายโรงงานน้ำมันเพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมันบริโภคและลดการพึ่งพาการนำเข้า ทั้งนี้ การรีไซเคิลน้ำมันบริโภคบางชนิด ยกเว้นน้ำมันสกัดเย็นบริสุทธิ์และน้ำมันสกัดเย็น ผู้ประกอบการอาจสามารถเพิ่มการผลิตน้ำมันได้ และยังเน้นย้ำว่ากระบวนการผลิตจะต้องเป็นไปตาม GMP และได้รับการอนุมัติจาก อย. นอกจากนี้ ตามสถิติ สวนฝ้ายที่ตอบโจทย์การบริโภคในท้องถิ่น มีกระทรวงดำเนินการโรงงานฝ้าย 16 แห่ง และภาคเอกชนมี 191 แห่ง สำหรับโรงงานฝ้ายและตัดเย็บเสื้อผ้าโดยกระทรวงมี 14 แห่ง ซึ่ง 2 แห่งในนั้นให้เช่าโดยนักธุรกิจ ในขณะที่ภาคเอกชนดำเนินการโรงงาน 9 แห่ง รวมถึง รัฐมนตรีสหภาพฯ ยังได้สั่งการซ่อมแซมโรงปั่นฝ้ายเพื่อเพิ่มการผลิต การจำหน่ายสินค้าสำเร็จรูปเพื่อเพิ่มรายได้ การสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้ประกอบการ MSME เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของโรงงาน การจัดการการเพิ่มการผลิต การซ่อมแซมเครื่องจักรอัตโนมัติ การจัดการให้เต็มกำลังการผลิต เครื่องจักร โกดังวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป และการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับกระบวนการผลิตฝ้าย และสนับสนุนให้เปิดหลักสูตรฝึกอบรมการซ่อมเครื่องจักรในโรงงานอีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/industry-union-minister-talks-to-elevate-edible-oil-crops-cotton-production-productivity-of-garment-factories/

Royal Railway เร่งนำเข้าหัวรถจักรดีเซลจากญี่ปุ่น เสริมการให้บริการในกัมพูชา

Royal Railway Cambodia (RRC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท Royal Group กำลังเร่งนำเข้าหัวรถจักรดีเซล (DMU) จากญี่ปุ่น เสริมการให้บริการรถไฟในกัมพูชา โดย RRC ได้ทำการสั่งซื้อหัวรถจักรจำนวนทั้งสิ้น 11 คัน และเริ่มมีการขนส่งมายังกัมพูชาแล้ว ซึ่งการนำเข้าหัวรถดังกล่าวถือเป็นการปรับปรุงภาคการขนส่งทางรถไฟของกัมพูชาในแง่ของความปลอดภัย ความเร็ว และประสิทธิภาพ ภายใต้ต้นทุนด้านการขนส่งที่ต่ำลง โดยทั่วไปแล้วหัวรถจักรดีเซลมักจะใช้สำหรับการเดินทางระยะสั้นถึงปานกลาง เพราะเป็นช่วงที่ประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด อีกทั้งยังมีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหัวรถลากแบบดั้งเดิม สำหรับ RRC จัดการและดำเนินการเครือข่ายรถไฟในประเทศกัมพูชาภายใต้การลงทุนแบบสัมปทาน นับตั้งแต่ปี 2010 ด้วยการปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางรถไฟสายเดิมที่สร้างโดยราชอาณาจักรในยุคอาณานิคมฝรั่งเศส โดยทางรถไฟสายเหนือมีความยาว 386 กิโลเมตรจากพนมเปญถึงปอยเปต (ชายแดนกัมพูชา-ไทย) และทางรถไฟสายใต้มีความยาวทั้งสิ้น 264 กิโลเมตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501474759/royal-railway-buys-dmus-from-japan/

กัมพูชา-จีน ร่วมจัดนิทรรศการด้านการท่องเที่ยว ณ นครวัด

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาร่วมกับทางการมณฑลเหอหนานของจีน เตรียมความพร้อมจัดนิทรรศการด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมกัมพูชา-จีน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นทางตอนเหนือของอุทยานโบราณคดีอังกอร์กัมพูชา สำหรับเป้าหมายของการจัดงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดเสียมราฐและมณฑลเหอหนาน โดยมีการแสดงร่วมกันระหว่างเส้าหลินและโบกาตอร์ ซึ่งเป็นศิลปะด้านการต่อสู้ของทั้ง 2 ประเทศ ด้านกระทรวงฯ มั่นใจว่างานดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามายังกัมพูชามากขึ้น ควบคู่ไปกับแคมเปญ Visit Siem Reap 2024 และคาดหวังการผลักดันภาคการท่องเที่ยวด้วยโครงการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีและการท่องเที่ยวโครงการใหม่ที่มีชื่อว่า “The 2024 Cambodia-China People-to-People Exchange Year” ด้าน Sok Soken รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา ให้ข้อมูลเสริมว่าในช่วง 2023 กัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 5.4 ล้านคน ในจำนวนดังกล่าวคิดเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณ 540,000 คน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501475565/cambodia-china-cultural-tourism-exhibition-to-take-place-at-famed-angkor-complex-next-week/

BOI ไฟเขียว ‘เชอรี’ ค่ายรถระดับโลกจากจีน ตั้งฐานผลิต EV พวงมาลัยขวาในไทย

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ผลจากความพยายามในการดึงการลงทุนจาก บริษัท Chery Automobile ให้เข้ามาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้ประสบความสำเร็จตามแผนที่หารือกัน โดย Chery (เชอรี) ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของจีนและเป็นผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ที่มียอดการส่งออกรถยนต์เป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง 21 ปี โดยในปี 2566 Chery มียอดส่งออกกว่า 1.8 ล้านคัน ได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชนิดพวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยโครงการนี้ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท Chery Automobile ในประเทศไทย จะดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัท “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)” ซึ่ง OMODA และ JAECOO เป็นแบรนด์ของ Chery สำหรับทำตลาดในต่างประเทศ โดยจะตั้งโรงงานที่จังหวัดระยอง ในเฟสแรก ภายในปี 2568 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ BEV และ HEV ปีละประมาณ 50,000 คัน และในเฟสที่ 2 ภายในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิตถึงปีละ 80,000 คัน สำหรับการส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) บีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมรวมทั้งสิ้น 26 โครงการ จาก 19 บริษัท รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1123160