PPSP ภายในกัมพูชายังคงไม่ดำเนินการซื้อหุ้นคืนหลังจากราคาหดตัว

ราคาหุ้นของเขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ (PPSP) แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์โดยราคาปิดที่ 1,850 เรียลต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทระบุว่ายังคงดำเนินการเกี่ยวกับแผนการซื้อคืนหุ้นที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนที่แล้ว โดยราคาหุ้น PPSP มีแนวโน้มลดลงนับตั้งแต่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,650 เรียลต่อหุ้นเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2019 เพิ่มขึ้นจากเดิม 2,890 เรียลเมื่อจดทะเบียนครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2016 ซึ่งบริษัทได้ประกาศจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลในปีนี้และจะทำการซื้อหุ้นคืนแทนส่งผลทำให้ราคาหุ้นตกลงมาอย่างมาก โดยการซื้อหุ้นคืนบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของ PPSP ที่จะรักษาราคาหุ้นให้อยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งเห็นแนวโน้มการลดลงของราคาหุ้นของ PPSP มาตั้งแต่ในช่วงปีงบประมาณที่แล้ว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50780979/ppsp-yet-to-implement-buyback-as-share-price-hits-record-low-level/

เวียดนามเผยยอดการลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษในนครโฮจิมินห์ พุ่ง 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาย Hua Quoc Hung ผู้อำนวยการของหน่วยงานบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (HEPZA) กล่าวว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ การจดทะเบียนธุรกิจรายใหม่รวมและการปรับเพิ่มเงินทุน มีมูลค่าอยู่ที่ 592 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ เงินลงทุนจากต่างประเทศ อยู่ที่ 270.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เงินลงทุนรวมในประเทศ สำหรับเขตอุตสาหกรรมส่งออกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีมูลค่ามากกว่า 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แบ่งออกเป็นจำนวน 46 โครงการใหม่ที่ยื่นขอจดทะเบียน ด้วยมูลค่ารวมราว 251 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 และ 32 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามลำดับ นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ ที่ยังไม่ฟื้นตัวในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ความคืบหน้าของโครงการประสบปัญหาเกี่ยวกับการระดมทุน ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการจึงรับพิจารณาอนุมัติความคืบหน้า 34 โครงการ

  ที่มา : https://en.dangcongsan.vn/economics/over-321-million-usd-invested-in-izs-in-ho-chi-minh-city-564353.html

ตลาดค้าปลีกเวียดนามดึงดูดผู้ประกอบการญี่ปุ่น

จากรายงานเศรษฐกิจและสังคมของสำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม (GSO) ระบุว่าถึงแม้จะเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก แต่ว่าการส่งออกและนำเข้าของเวียดนามยังคงเติบโตไปในทิศทางเชิงบวก ในขณะที่ เดือนต.ค. ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วและร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ คุณ Tetsuyuki Nakagawa ผู้อำนวยการกลุ่มบริษัทอิออนเวียดนาม มองว่าสภาพแวดล้อมธุรกิจในอนาคตของเวียดนามอยู่ในทิศทางที่ดี ประกอบกับความพยายามของเวียดนามในการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ช่วยให้ภาคค้าปลีกกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเครือข่ายธุรกิจศูนย์การค้า

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnamese-retail-market-lures-japanese-firms-816274.vov

DICA เปิดตัวแอปฯ ลงทุนออนไลน์เป็นครั้งแรกในเมียนมา

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) ของเมียนมา จะเปิดตัวแอปพลิเคชันการลงทุนออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุน ฟังก์ชั่นใหม่ฯ นี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการลงทุนโดยไม่ต้องไปที่สำนักงานของ DICA จึงเชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการลงทุนมากขึ้นในช่วงเวลาที่การเดินทางเข้าประเทศยังถูกจำกัดจากการระบาดของ COVID-19 ทั้งยังลดการใช้กระดาษและลดจำนวนคนทำงานลง การเปิดตัวเกิดขึ้นหลังจาก DICA อนุญาตให้นักลงทุนและธุรกิจจดทะเบียนบริษัทผ่านระบบออนไลน์ ในปี 2561 ระบบการจดทะเบียนบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ Myanmar Companies Online (MyCO) ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนมากกว่า 68,000 แห่ง กระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ ได้อนุมัติใบอนุญาตทางออนไลน์มากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/investment-applications-go-online-myanmar.html

คลังเชื่อ ไบเดน นั่งปธน.เป็นแรงหนุนช่วยเศรษฐกิจไทย

9 พ.ย.2563 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งและได้ขึ้นเป็นว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนใหม่ ว่า ยังต้องรอติดตามนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ก่อน อย่าเพิ่งรีบวิพากษ์วิจารณ์อะไรตอนนี้ แต่เมื่อพิจารณาตามนโยบายหาเสียงของนายโจ ไบเดน ในช่วงที่ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งเน้น 2 เรื่องสำคัญ 1.นโยบายด้านภาษี และ 2. นโยบายการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ ทั้งนี้ ในส่วนของนโยบายภาษีและการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ มองว่า เป็นข้อดี ที่ไทยจะได้ประโยชน์ตรงนี้ โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะส่งผลให้นักลงทุนมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่ก็ต้องขอรอดูความชัดเจนของนโยบายของนายโจ ไบเดนอีกครั้ง

ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/83278

9.11.63