การค้าระหว่างกัมพูชากับสหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี

การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยสถิติจากหน่วยงานของทางสหรัฐฯตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายนแสดงให้เห็นว่าการค้าทวิภาคีมีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งกัมพูชาส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังสหรัฐฯรวมมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่กัมพูชานำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯรวม 232 ล้านดอลลาร์ลดลงถึงร้อยละ 40 เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยกัมพูชาส่งออกสิ่งทอ รองเท้า สินค้าทางการเกษตรไปยังสหรัฐฯ และนำเข้ายานพาหนะ อาหารสัตว์ และเครื่องจักรเป็นหลัก ซึ่งเมื่อปีที่แล้วการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศมีมูลค่าอยู่ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับปี 2018

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50780103/cambodia-us-trade-increase-16-percent-in-the-first-nine-months/

SME bank กัมพูชาเริ่มเปิดดำเนินการอีกครั้งสำหรับภาคธุรกิจ

ธนาคารวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) แห่งกัมพูชาจะเริ่มดำเนินการด้านการธนาคารในวันนี้ ณ กรุงพนมเปญ ในฐานะธนาคารที่ดำเนินนโยบายสอดคล้องกับทางภาครัฐบนเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของรัฐบาลกัมพูชา ตามที่กำหนดไว้ภายใต้นโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมของกัมพูชา พ.ศ. 2015-2025 โดยธนาคารจะส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มากขึ้นสำหรับเอสเอ็มอีในภาคส่วนที่มีความสำคัญ เช่น การผลิตและแปรรูปอาหาร การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในท้องถิ่น การรีไซเคิลขยะ การผลิตสินค้าสำหรับภาคการท่องเที่ยว การผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ชิ้นส่วนอะไหล่หรือการประกอบชิ้นส่วน และการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลและเทคโนโลยี (IT)

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50780008/sme-bank-of-cambodia-open-for-business/

โควิดทุบลงทุน ‘เมียนมา’ คลายมนต์ขลัง

การที่เมียนมาเปิดประเทศได้กลายเป็นขุมทรัพย์ที่คอยดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลก แต่ ณ เวลานี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ถือว่ามาแรงและเร็วที่สุดในอาเซียน โดยในช่วงเพียงชั่วเวลาไม่กี่สัปดาห์ยอดจำนวนผู้ติดเชื้อ “เมียนมา” ขยับขึ้นเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ซึ่งส่งผลต่ออนาคตการเป็นแหล่งลงทุน ความเลวร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนมีการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 นี้ ยังคงเดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไปท่ามกลางอนาคตเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน ความมั่นคงทางการเงินและเสถียรภาพทางการคลังยังอยู่จุดเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

ล่าสุดธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจขยายตัวลดลงเหลือ 1% เปรียบเทียบกับกับเดือนเมษายนที่อาจจะขยายตัว 4.2% และจะฟื้นตัวในปี 2564 ที่สำคัญกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนโดยต่างจากต่างชาติ (FDI) ที่อาจต้องชะลอตัวลง ในเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนมูลค่า 134,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 99,904 ล้านบาท โครงการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรงไฟฟ้า การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และโรงงานอุตสาหกรรม แต่จากเกิดภาวะดีมานด์-ซัพพลายช็อค และการระบาดของโควิด 19 ที่ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ต้องหยุดชะงักลง

ก่อนหน้านี้ในรายงานเรื่องความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ของธนาคารโลก (WorldBank) ประจำปี 2563 ได้จัดอันดับให้เมียนมาอยู่ที่อันดับ 165 จากทั้งหมด 190 ประเทศ แสดงถึงความน่าลงทุนน้อยที่สุดในอาเซียน จากปัญหาเรื่องการคอร์รัปชั่นในระดับสูงและกฎระเบียบที่ยุ่งยาก ความตึงเครียดทั้งจากสถานการณ์โควิด 19 และแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทำให้รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งวางนโยบายเพื่อดึงดูดทุนต่างชาติที่อาจจะหันเหไปประเทศเพื่อบ้านอย่าง ประเทศเวียดนาม ไทย หรือกัมพูชา

ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนแล้ว ยังมีความได้เปรียบในการเป็นแหล่งลงทุนใหม่ สามารถเติบโตได้อีกมาก ทั้งความอุดมสมบูรณ์ด้านวัตถุดิบ ต้นทุนแรงงานต่ำ เพียงแต่สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติต้องการ คือการสร้างระบบกฎหมายที่เป็นมาตรฐาน การบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจสร้างบรรยากาศการลงทุน ทั้งเรื่องการจัดตั้งธุรกิจที่สะดวกและรวดเร็ว การจ้างงาน การหาลูกค้า และนักลงทุนต่างก็คาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมหากเข้าไปลงทุนอีกด้วย

ที่มา: https://www.bangkokbanksme.com/en/covid-affects-myanmar-investment

INFOGRAPHIC : เวียดนามดึงดูด FDI ถึง 23.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้

กระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าเวียดนามดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) 23.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้

โดยเงินลงทุนจากโครงการใหม่จำนวน 2,100 โครงการรวมมูลค่า 11.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, จำนวน 907 โครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนมูลค่าน้อยกว่า 5.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจำนวน 5,451 โครงการที่มีการซื้อหุ้นกิจการจากนักลงทุนต่างประเทศ มูลค่า 6.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สิงค์โปร์เป็นประเทศที่มีการลงทุนมากที่สุด ด้วยมูลค่าการลงทุน 7.51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31.9 ของเงินทุนรวมจากต่างประเทศ รองลงมาเกาหลีใต้ มีมูลค่า 3.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 14.6, จีน มีมูลค่า 2.17 คิดเป็นร้อยละ 9.2 และประเทศอื่นๆ มีมูลค่า 10.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 44.3

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-attracts-2348-billion-usd-in-fdi-in-ten-months/189661.vnp

อีคอมเมิร์ซเป็นเครื่องมือที่ธุรกิจเวียดนามจะขาดไม่ได้

รองผู้อำนวยการอุตสาหกรรมและการค้าของเมืองโฮจิมินห์ กล่าวว่าท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปยังทั่วโลก อีคอมเมิร์ซถือเป้นเครื่องมือหนึ่งที่ธุรกิจในท้องถิ่นขาดไม่ได้ในการขยายการดำเนินงานและกิจกรรมทางการค้า โดยอเมซอน (Amazon) เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในฐานะตัวเลือกการจับจ่ายสินค้าที่สะดวกและมีความปลอดภัยแก่ผู้ค้าเวียดนาม ทั้งนี้ จากข้อมูลขององค์การค้าโลก (WTO) ระบุว่าสถานการณ์การแพร่ะระบาดของไวรัส ส่งผลให้อีคอมเมิร์ซเป็นทางออกของผู้บริโภคในช่วงวิกฤตดังกล่าวและยังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงผลักดันธุรกิจขนาดย่อมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม รองผู้อำนวยการแผนกอีคอมเมิร์ซและเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่าในช่วงเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอยในปีนี้ แต่ว่าเศรษฐกิจเวียดนามยังอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก ถึงแม้อัตราการเติบโตจะอยู่ในระดับต่ำที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการดำเนินงานทั้งการควบคุมการระบาดและการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้ อีคอมเมิร์ซจึงเป็นกลไกที่สำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 14 ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

ที่มา : http://hanoitimes.vn/e-commerce-to-become-indispensable-instrument-for-vietnam-enterprises-314716.html

เศรษฐกิจดิจิทัลเวียดนามในปี 68 คาดพุ่ง 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

งานสัมมนาในหัวข้อ “การพัฒนาอีคอมเมิร์ซเวียดนามในยุคดิจิทัล” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ณ กรุงฮานอย เผยว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามและอินโดนีเซียมีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 38 ต่อปี ในขณะที่ ประเทศอื่นๆ ในอาเซียน มีอัตราการเติบโตร้อยละ 20-30 ต่อปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจที่รวดเร็วในปัจจุบัน สาเหตุส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการแพร่ะบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เป็นแรงผลักดันให้ลูกค้าเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ ด้วยเหตุนี้ เศรษฐกิจดิจิทัลในปี 2562 มีมูลค่าแตะ 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะสูงถึง 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 รวมถึงบริการเดินทางออนไลน์ สื่อออนไลน์และยานพาหนะอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ทั้งนี้ รองผู้อำนวยการกระทรวงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่ามิติที่ 749 ของนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกเกี่ยวกับการกำหนดวิสัยทัศน์ในปี 2568 ซึ่งเศรษฐกิจดิจิทัล คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของ GDP และได้ตั้งเป้ามูลค่าของอีคอมเมิร์ซค้าปลีกและบริการ อยู่ที่ 35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568

ที่มา : https://vietreader.com/business/finance/22025-vietnamese-digital-economy-expected-to-jump-to-us43-billion-by-2025.html

ปี 65 เมียนมาเดินหน้าสร้างทางด่วน พะโค-ไจ้โต

จากข้อมูลของกรมทางหลวง กระทรวงการก่อสร้างเผย การก่อสร้างทางด่วนที่เชื่อมระหว่างเมืองพะโคและเมืองไจ้โตในรัฐมอญคาดว่าจะเริ่มได้ในปีงบประมาณ 2565-2566 โดยจะได้รับเงินกู้ยืม 483.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB)  เพื่อสร้างทางด่วนระยะทาง 64 กม. โครงการนี้ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2571-2572 โดยจะมีสะพานข้ามแม่น้ำสีตึ้งยาว 2.3 กม. และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) จะเป็นผู้จัดหาเงินทุนสำหรับก่อสร้างสะพาน New Sittaung ด้วยเงินกู้ 27.8 พันล้านเยน ซึ่งโครงการนี้อยู่ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ทั้งนี้ทางหลวงจากพะโคถึงไจ้โตจะช่วยให้เข้าถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาและไปใกล้ย่างกุ้งได้ง่ายขึ้น อีกทั้ง EWEC ยังเชื่อมต่อไทยกับเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาและต่อไปยังพะสิมในเขตอิรวดี

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/construction-bago-kyaik-hto-expressway-commence-2022.html