“การไฟฟ้าเวียดนาม” มองข้ามผลกระทบ ของการขึ้นค่าไฟฟ้า

หนังสือพิมพ์เวียดนาม นิวส์ รายงานว่าเวียดนามปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2562 ทำให้เกิดความกังวลถึงผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังมองว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในระยะสั้น โดยการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ทำการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าขายปลีกเฉลี่ย 3% และภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ตามข้อมูลของ Mirae Asset คาดการณ์ว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า คิดเป็นประมาณ 0.105% ของดัชนี CPI ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การเพิ่มขึ้น 5% จะทำให้ดัชนี CPI สูงขึ้น 0.175% อย่างไรก็ดี ในระยะสั้น การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเพียงเล็กน้อยไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ เนื่องจากผู้ผลิตไฟฟ้าจะลงนามสัญญาระยะยาวกับการไฟฟ้า ซึ่งบางสัญญาใช้ระยะเวลานานถึง 25 ปี

ที่มา : https://english.news.cn/asiapacific/20230508/a510476ed2264890955a70542d8b3027/c.html

“เวียดนาม” เผยผลผลิตแร่แรร์เอิร์ธ พุ่ง 10 เท่า

ผลผลิตแร่แรร์เอิร์ธของเวียดนามเพิ่มขึ้น 10 เท่าในปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลของสหรัฐฯ ระบุว่าในขณะที่บริษัทระดับโลกพากันแห่ไปที่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ที่เป็นแหล่งแร่หายากที่ประเมินว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เพื่อลดการพึ่งพาจีนสำหรับโลหะอุตสาหกรรมสำคัญ ความพยายามที่ผ่านมาในการสร้างอุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธของเวียดนามต้องหยุดชะงักลงเนื่องจากราคาที่ตกต่ำลงและอุปสรรคด้านกฎระเบียบ แต่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และความพยายามของบริษัทต่างๆ ที่จะกระจายความหลากหลายของซัปพลายเออร์ได้ฟื้นความสนใจในเวียดนาม

ที่มา : https://www.thaipbsworld.com/vietnam-boosts-rare-earths-output-by-tenfold-data/

บริษัทเบียร์ต่างชาติ 3 ราย จ่ายภาษีให้รัฐบาลเมียนมา 155 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเมียนมา “Justice for Myanmar” รายงานในเดือนที่แล้วว่าผู้ผลิตเบียร์ต่างประเทศ ได้แก่ ไฮเนเก้น (Heineken), คาร์ลสเบิร์ก (Carlsberg) และไทยเบฟเวอเรจ (Thai Beverage) ที่ดำเนินกิจการในเมียนมา หลังมีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 โดยบริษัทเบียร์ต่างชาติดังกล่าวทำการจ่ายภาษี 155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การจ่ายภาษีในครั้งนี้ถือเป็นการสนับสนุนผู้ที่ก่ออาชญากรรมสงครามและยังมีส่วนร่วมโดยตรงต่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้น ดังนั้นบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ต้องตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมเป็นอาชญากรรมของสภาทหารหรือไม่ หรือจะหยุดจ่ายภาษี

ที่มา : https://www.rfa.org/english/news/myanmar/beer-05082023095704.html

ท่าเรือบกท่านาแล้งของ สปป.ลาว สร้างรายได้กว่า 200 ล้านดอลลาร์ ในปีก่อน

ท่าเรือบกท่านาแล้ง (TDP) มีแผนที่จะเปิดตัวช่องทางพิเศษเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเคลื่อนย้ายและขนส่งผลิตผลทางการเกษตรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบเอเชียและจีน ปัจจุบันท่าเรือบกแห่งนี้ ถือเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ครบวงจรแห่งแรกของ สปป.ลาว ซึ่งในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้ให้กับประเทศมากถึง 200 ล้านดอลลาร์ จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตู้สินค้า และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากการให้บริการขนส่งทางรถไฟสาย สปป.ลาว-จีน ที่เพิ่งเปิดให้บริการระหว่างประเทศ โดยท่าเรือวางแผนที่จะร่วมมือกับทางการจีนเพื่อสร้างศูนย์สุขอนามัยและสุขอนามัยพืชและสัตว์ (SPS) ณ ท่าเรือเวียงจันทน์ เพื่อรับรองสินค้าในการส่งออกไปยังจีนและคู่ค้า ด้วยการติดฉลาก SPS customs seal เพื่อเป็นการยืนยันถึงคุณภาพของสินค้า ซึ่งคาดว่าศูนย์ดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 5 เดือน

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten86_Thanaleng_y23.php

ทางการกัมพูชาร่วมโปรโมทการท่องเที่ยว ณ กรุงโซล

กระทรวงการท่องเที่ยวพร้อมด้วยสถานทูตกัมพูชาประจำเกาหลี ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวเกาหลีนำคณะผู้แทนบริษัทเอกชนกว่า 10 แห่ง เข้าร่วมงาน International Travel Fair 2023 ครั้งที่ 38 ณ กรุงโซล ระหว่างวันที่ 4-7 พฤษภาคม สำหรับกัมพูชาคาดว่าจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีมายังกัมพูชาประมาณ 80,000 คน ภายในสิ้นปี 2023 โดยเป้าหมายหลักของกัมพูชาในการมาเยือนเกาหลีในครั้งนี้ คือการส่งเสริมแคมเปญ “Visit Cambodia Year 2023” ภายใต้คอนเซ็ป “Sport for Peace” ซึ่งปีนี้กัมพูชาเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 32, อาเซียนพาราเกมส์ครั้งที่ 12 และเอเชียนยูธเกมส์ ในปี 2029 โดยกระทรวงการท่องเที่ยว และคณะผู้แทนของบริษัทเอกชน พร้อมร่วมมือกันในการส่งเสริมให้กัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางที่อบอุ่น ปลอดภัย สะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับนักท่องเที่ยว ด้วยคำขวัญที่ว่า “Everyday is a miracle”

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501285972/kingdom-pushes-tourism-at-intl-travel-fair-in-seoul/

บริษัทสัญชาติจีน เซ็นสัญญาพัฒนาท่าเรือ กัมปอต ในกัมพูชา

บริษัท China Harbour Engineering (CHEC) ได้รับสัญญาก่อสร้างท่าเรืออเนกประสงค์กัมปอต ในจังหวัดกัมปอต หลังจากจัดเตรียมพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานในการก่อสร้างเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่ง CHEC ได้ลงนามในสัญญาร่วมกับ Kampot Logistics and Port Company Limited (KLP) ไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยมี Sun Chanthol รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง ร่วมกับตัวแทนของบริษัท ตามรายงานของกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง คาดว่าการก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส ด้วยเม็ดเงินลงทุนรวมประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในเฟสแรกคาดว่าจะมีการลงทุนประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยให้ท่าเรือกำปอตสามารถรองรับปริมาณตู้คอนเนอร์ได้ที่ 300,000 TEU ภายในปี 2025 และจะเพิ่มเป็น 600,000 TEU ภายในปี 2030 โดยในโครงการจะประกอบด้วยพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ เขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตการค้าเสรี ศูนย์โลจิสติกส์ คลังสินค้าศุลกากร โรงงานผลิตและกระจายสินค้า เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501285979/chinese-firm-bags-kampot-port-construction-contract/

เวียดนามจัดโครงสร้างแหล่งพลังงานใหม่ หวังดูดเงินลงทุนต่างชาติหลายพันล้านดอลลาร์เข้าประเทศ

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า แหล่งข่าวจากวงการพลังงานเวียดนามระบุว่า รัฐบาลเวียดนามอยู่ระหว่างพิจารณาปรับเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 2 เท่าภายในปี 2030 โดยมีแผนลดเป้าหมายสำหรับพลังงานลมนอกชายฝั่งลง และจะพึ่งพาถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักเพิ่มขึ้นเป็น 30.1 กิกะวัตต์ จากแผนเดิมปี 2020 อยู่ที่ 21.4 กิกะวัตต์ และยืนยันว่า โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นแหล่งไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งคิดเป็น 19% ของโรงไฟฟ้าทั้งหมด ส่วนไฟฟ้าพลังน้ำจะเป็นแหล่งพลังงานหลักอันดับ 2 รองลงมาคือ ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และพลังงานลม ส่วนแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการปรับปรุง โดยมีการคาดการณ์ว่า กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 158 กิกะวัตต์ในอีก 7 ปี เพิ่มขึ้นราว 2 เท่าจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะมีกำลังการผลิต 69 กิกะวัตต์ ทั้งนี้ ก็เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศที่คาดว่าจะเข้ามาหลายพันล้านดอลลาร์  อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวมีความสำคัญต่อการปลดล็อกกองทุนเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานมูลค่า 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่ให้คำมั่นไว้ในเดือนธันวาคมโดยกลุ่ม 7 ชาติและประเทศที่ร่ำรวย แต่การอนุมัติยังล่าช้าไปหลายปี ท่ามกลางความขัดแย้งภายในและการปฏิรูปที่ซับซ้อน

ที่มา : https://thestandard.co/vietnam-new-energy-resource-structure/

“เวียดนาม” เผย 4 เดือนแรก รัฐบาลจัดเก็บรายได้สูงถึง 645.4 ล้านล้านดอง

กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ สูงถึง 645.4 ล้านล้านดอง (27.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นสัดส่วน 39.8% ของเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลดังกล่าวอยู่ในระดับค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ประมาณการไว้ อย่างไรก็ดีการจัดเก็บรายเดือยมีทิศทางที่ลดลง เนื่องจากยอดสะสมในเดือน ม.ค. สูงถึง 14.7% ของประมาณการ, ก.พ. 7.7%, มี.ค. 8.9% และ เม.ย. 8.6% ทั้งนี้ การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 500.3 ล้านล้านดอง คิดเป็นสัดส่วน 24.1% ของเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการใช้จ่ายเป็นไปตามแผนงานของรัฐบาล ทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การป้องกัน การปกป้องความมั่นคง การจัดการของรัฐ การชำระหนี้และการดำเนินงานประกันสังคม

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/state-budget-revenue-reaches-6454-trillion-vnd-in-four-months/252602.vnp