กัมพูชาส่งออกไปยังสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเป็น 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์

ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2022 กัมพูชาส่งออกสินค้าไปยังสหัรฐฯ มูลค่ารวมกว่า 11,391 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละกว่า 42 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของสำนักสถิติสหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าของกัมพูชาจากสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 428 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้กัมพูชาเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ กว่า 10,963 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่สินค้าส่งออกสำคัญของกัมพูชา ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า จักรยาน และเฟอร์นิเจอร์ ภายใต้สิทธิพิเศษทางการค้า GSP ขณะที่การนำเข้าสินค้าสำคัญของกัมพูชาจากสหรัฐฯ ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501216028/cambodias-export-to-us-surges-to-11-billion/

กัมพูชาอนุมัติโครงการลงทุนมูลค่ารวม 16 ล้านดอลลาร์

สภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา (CDC) อนุมัติโครงการลงทุนมูลค่ารวม 16 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นมากกว่า 4,600 ตำแหน่ง โดยบริษัทที่ได้รับการอนุมัติโครงการ ได้แก่ Windara International Co., Ltd., Yue Wing Cheong Manufactory Co., Ltd. และ Xin Shun Jie (Cambodia) Leather Co., Ltd. ซึ่งบริษัท Windara วางแผนที่จะจัดตั้งโรงงานผลิตกระเป๋าเป้สะพายหลังสำหรับถุงนอน เต็นท์ เสื้อผ้า และเครื่องนอน ตั้งอยู่ในจังหวัดกำปงสปือ โดยคาดว่าจะสร้างงาน 2,714 ตำแหน่ง ด้วยเงินลงทุนประมาณ 5.4 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ บริษัท Yue Wing มีกำหนดที่จะลงทุนมูลค่า 5.4 ล้านดอลลาร์ ในโรงงานผลิตกระเป๋าประเภทต่างๆ โดยคาดว่าจะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่น 738 คน และบริษัท Xin Shun วางแผนที่จะตั้งโรงงานผลิตกระเป๋าและเสื้อผ้าด้วยเงินลงทุนราว 5.2 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสร้างงานให้กับคนในพื้นที่ประมาณ 1,133 ตำแหน่ง ซึ่งในปี 2022 กัมพูชาได้รับการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมูลค่า 4,685 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ CDC เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 7.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2021

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501216132/projects-worth-16-million-to-create-over-4-6k-jobs/

ธุรกิจ 53 แห่ง แห่ลงทุนในย่างกุ้ง สร้างตำแหน่งงานมากกว่า 35,000 ตำแหน่ง

สำนักงานของรัฐบาลเขตย่างกุ้ง เผย ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีธุรกิจทั้งจากต่างประเทศและในประเทศจำนวน 53 แห่ง ได้เข้ามาลงทุนในสู่เขตย่างกุ้งสามารถสร้างตำแหน่งงานมากกว่า 35,792 ตำแหน่ง โดยมีการลงทุนในอุตสาหกรรมบริการและการผลิต แบ่งเป็นการลงทุนจากธุรกิจในประเทศ มากกว่า 19.396 พันล้านจัต จำนวน 12 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในการผลิตกระเป๋า, ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูปแบบ CMP, ผลิตภัณฑ์พลาสติก, อาหารสำเร็จรูป, สินค้าประมง เช่น ปลาและกุ้ง เป็นต้น ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติมีการลงทุนมูลค่า 74.462 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 41 แห่ง ทั้งนี้ นอกเหนือจากการลงทุนในอุตสาหกรรม ยังมีการนำเงินมาเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของธุรกิจและจ้างแรงงานเพิ่มเติมอีกด้วย

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/53-invested-businesses-create-more-than-35000-job-opportunities-for-local-people/#article-title

รถไฟจีน-สปป.ลาว ผู้โดยสารพุ่งเกิน 9 ล้านคน

ตั้งแต่เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2564 รถไฟจีน-สปป.ลาวได้ให้บริการผู้โดยสารไปแล้วกว่า 9 ล้านเที่ยว โดยมีการซื้อตั๋วเดินทางของผู้โดยสารชาวจีนประมาณ 7.54 ล้านเที่ยว ในขณะที่การซื้อตั๋วเดินทางของผู้โดยสารชาวสปป.ลาวอยู่ที่ประมาณ 1.46 ล้านคน ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2566 มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันถึง 29,000 คน เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 ทำให้การรถไฟจีนได้เพิ่มตู้เพื่อให้รองรับผู้โดยสารเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนีั้ รถไฟจีน-ลาว ถือเป็น ทางรถไฟสายนี้สายสำคัญของระเบียงเศรษฐกิจจีน-อินโดจีน และเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt & Road Initiative — BRI) ที่เชื่อมระหว่าง 2 ประเทศ เป็นระยะทาง 1,035 กม. โดยเชื่อมต่อกับนครคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน กับเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสปป.ลาว

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten06_Passenger_y23.php

จีนทวงแชมป์เที่ยวไทยอันดับ 1 สศช.ขยับเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ-รายได้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยในโอกาสนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเดินทางเข้าไทยหลังจากรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 ว่า ททท.คาดว่าตลอดปี 66 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน กลับมาเป็นชาติที่เข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 ครองสัดส่วน 20% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปีนี้ ที่คาดไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน ทั้งนี้ โดย สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย วันที่ 1-7 ม.ค. 66 มีจำนวนสะสม 419,516 คน โดยอันดับ 1 คือ รัสเซีย 46,128 คน รองลงมา คือ มาเลเซีย 45,517 คน, เกาหลีใต้ 32,977 คน, อินเดีย 22,393 คน และลาว 19,674 คน ส่วนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเป็นอันดับที่ 12 ที่จำนวน 12,308 คน ขณะที่ตลอดปี 65 นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 11,818,727 คน โดยอันดับ 1 คือ มาเลเซีย 1,951,834 คน ตามด้วยอินเดีย 965,994 คน, ลาว 844,958 คน, กัมพูชา 591,657 คน และสิงคโปร์ 589,770 คน ส่วนจีน อันดับ 14 ด้วยจำนวน 286,511 คน ด้านสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยใหม่หลังจากที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดไว้ว่าจะเป็นครึ่งปีหลังของปี 66 จากเดิมที่ คาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 23 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท โดยขอรอดูสถานการณ์ในอีก 2-3 สัปดาห์ก่อนปรับตัวเลขใหม่ คาดจะมีความชัดเจนเดือน ก.พ.นี้ ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า จากที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่อย่างไร แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนภายหลังการเปิดประเทศ

ที่มา: https://www.thairath.co.th/business/feature/2598640

เมียนมา-เซ็น MoU บังคลาเทศ ส่งออกข้าวกว่า 165,000 ตัน

กระทรวงพาณิชย์เมียนมา (MoC)  เผย เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาเมียนมาและบังกลาเทศ ได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) โดย บังคลาเทศตกลงที่จะซื้อข้าวขาว 250,000 ตันและข้าวนึ่งอีก 50,000 ตันจากเมียนมา ตั้งแต่ปี 2565-2570 ซึ่ง ณ วันที่ 2 มกราคม 2565 เมียนมาส่งออกข้าวไปบังคลาเทศแล้วกว่า 165,000 ตัน ส่วนที่เหลือจะส่งมอบภายในระยะเวลากำหนด ตามข้อตกลงพันธ์ขาวที่จะทำการส่งออก คือ ข้าวขาว (ATAP) พันธุ์ GPCT Broken STX ราคา FOB ที่ส่งออกจะอยู่ที่ 2.78856 หยวนต่อกิโลกรัม และ 2,788.56 หยวนต่อตัน ทั้งนี้ กรมอาหารของบังกลาเทศและสมาพันธ์ข้าวแห่งเมียนมา (MRF) ได้ลงนาม MoU ร่วมกัน โดยได้ส่งข้าวเป็นครั้งแรกในปี 2560 จำนวน 100,000 ตัน และในปี 2564 เป็นครั้งที่ 2

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/myanmar-ships-over-165000-tonnes-of-rice-to-bangladesh-under-g-to-g-pact/#article-title

ธ.ค.65 เงินเฟ้อสปป.ลาว พุ่งขึ้นเป็น 39.3%

เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ม.ค.2566 สำนักงานสถิติสปป.ลาว ได้เผยแพร่รายงานอัตราเงินเฟ้อของประเทศพบว่า พบว่า อัตราเงินเฟ้อในสปป.ลาวเพิ่มขึ้นเป็น 39.3%  เมื่อเทียบกับเเดือนธันวาคม 2564 และมีอัตราสูงสุดในปี 2565 โดยปัจจัยสำคัญมาจากราคาที่สูงขึ้นของหมวดการสื่อสารและการขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภค และการอ่อนค่าเงินกีบ ซึ่งจากรายงานบ่งชี้ว่าค่าใช้จ่ายในหมวดการสื่อสารและการขนส่งเพิ่มขึ้น 50.4% (YoY) ราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นขึ้น 45.9 % (YoY) ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทุกประเภททำให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อนมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่มีค่าแรงต่ำหรือมีรายได้น้อย

ที่มา: https://english.news.cn/20230108/c764a3747bfb472c9a7fb7321f81b690/c.html

 

‘เวียดนาม’ ตั้งเป้าจีดีพีต่อหัว 7,500 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2573

เวียดนามกำหนดเป้าหมายจีดีพีต่อหัวที่ 7,500 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 โดยเป้าหมายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทระดับชาติสำหรับปี 2564-2573 พร้อมวิสัยทัศน์ถึงปี 2593 ที่เสนอต่อประชุมวิสามัญครั้งที่ 2 จะเปิดขึ้นในวันที่ 5 มกราคม ภายใต้แผนดังกล่าว รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ 7% ในปี 2564-2573 และจะขยายตัว 6.5-7.5% ในปี 2574-2593 นอกจากนี้ เวียดนามยังมุ่งเน้นที่จะพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ลาวไคฮานอย-ไฮฟอง-กว่างนิง และ ม็อกไบ-นครโฮจิมินห์-หวุงเต่า ในปี 2593

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-targets-usd7-500-gdp-per-capita-by-2030-2098122.html