สิงคโปร์แซงหน้าจีน ด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในกัมพูชา

ในปี 2021 สิงคโปร์ได้เข้ามาแทนที่จีนในฐานะประเทศผู้ลงทุนรายสำคัญของกัมพูชา ด้วย 6 โครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งประเทศจีนครองตำแหน่งผู้ลงทุนรายสำคัญในปี 2019 และ 2020 ตกลงมาเป็นอันดับ 2 ร่วมกับสหรัฐฯ ตามรายงานของ Investment Monitor ในเรื่อง “Cambodia punches above its weight in attracting FDI” โดยกัมพูชาถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ดึงดูดนักลงทุนอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก รองจากสิงคโปร์และนิวซีแลนด์ อ้างอิงจากฐานข้อมูลโครงการการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของ GlobalData ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าว การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในกัมพูชาพุ่งสูงสุดในปี 2019 ด้วยโครงการลงทุนกว่า 43 โครงการ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 15.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2018 หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 3.7 พันล้านดอลลาร์ ที่เคยได้รายงานไว้ใน World Investment Report 2020

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501178069/singapore-replaces-china-as-cambodias-top-fdi-source/

นายกฯ ฮุนเซน กล่าวถึงการเปิดประเทศก่อนกำหนด ทำให้ประเทศกลับมาเติบโตอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีฮุนเซน กล่าวในระหว่างพิธีสำเร็จการศึกษาของ Royal University of Law and Economics ว่าการที่รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจเปิดประเทศไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2021 ที่ผ่านมา เนื่องจากสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไว้ได้ ส่งผลทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยในปีนี้ทางการคาดว่าเศรษฐกิจกัมพูชาจะขยายตัวร้อยละ 5.4 และจะขยายตัวถึงร้อยละ 6.6 ในปี 2023 จากอุปสงค์ภายนอกและกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่กลับมาสู่ภาวะปกติ ด้าน Lim Heng รองประธานหอการค้ากัมพูชา กล่าวเสริมว่า การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ เป็นผลมาจากการควบคุมโรคระบาดที่ประสบความสำเร็จภายใต้การรณรงค์ฉีดวัคซีนของรัฐบาล รวมถึงทางการยังได้ออกกฎหมายเพื่อการลงทุนฉบับใหม่ อีกทั้งกัมพูชายังได้ทำการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับจีนและเกาหลีใต้ และหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาในระยะถัดไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501178071/pm-says-early-reopening-put-country-back-on-growth-trajectory/

“ทิพานัน” ชี้อุตสาหกรรมส่งออกขยายตัว ดันดัชนีเอ็มพีไอเดือน ก.ย. ทะลุถึง 3.36% ใกล้เคียงปี 62 ชี้สัญญาณดีภาคอุตสาหกรรมกลับมาเติบโต-แข็งแกร่ง

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือนกันยายน 2565 ขยายตัว 3.36% ขณะที่ไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน) ขยายตัว 8.06% ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2565 เอ็มพีไอขยายตัว 2.83% โดยพบว่าการขยายตัวของเดือนกันยายน ใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์วิกฤติการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเกิดจากปัจจัยที่ตลาดส่งออกขยายตัวได้ดี ทั้งในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและอาเซียน ภาคท่องเที่ยวขยาย ส่งผลต่อสินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ที่สำคัญคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น เราเที่ยวด้วยกัน ช็อปดีมีคืนและคนละครึ่ง

ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9650000104982

สศอ.ชี้อุตสาหกรรมไทยกลับมาฟื้นตัวใกล้ปีก่อนเกิดโควิดแล้ว

นางวรวรรณ ชิตอรุณ รักษาราชการผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือนก.ย. ขยายตัว 3.36% ส่วนภาพรวมไตรมาส 3/2565 (ก.ค.-ก.ย.2565) ขยายตัว 8.06% ส่งผลให้ 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.2565) ขยายตัว 2.83% ทำให้ทั้งปีเชื่อว่า เอ็มพีไอจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.5-2.5% ซึ่งเดือนพ.ย.จะปรับตัวเลขอีกครั้ง และเชื่อว่าปี 2566 จะสูงกว่าปีนี้แน่นอน เนื่องจากตลาดส่งออกหลัก ทั้งสหรัฐ อาเซียน และสหภาพยุโรป (อียู) ยังขยายตัวได้ ภาคการท่องเที่ยว ขยายตัวดี ส่งผลต่อสินค้าที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวขยายตัวดีเช่นกัน รวมถึงกิจกรรมกระตุ้นทางเศรษฐกิจของภาครัฐ

ที่มา : https://www.thaipost.net/economy-news/253726/

“เศรษฐกิจดิจิทัล” เวียดนามโตเร็วสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตามข้อมูลจาก กูเกิล (Google) ร่วมกับ เทมาเส็ก (Temasek) และ เบน แอนด์ คอมพานี (Bain & Company) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามจะเติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคาดว่ามูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามแตะ 23 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพิ่มขึ้น 28% แรงผลักดันที่ทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามเติบโตสูงขึ้นมาจาก ‘อีคอมเมิร์ซ’ ที่มีอัตราการขยายตัว 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากการสำรวจพบว่าผู้บริโภคดิจิทัลส่วนใหญ่ราว 90% ต้องการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยให้ความสำคัญกับการบริการจัดส่งอาหาร (60%) และการส่งของออนไลน์ (54%)

นอกจากนี้ ตามรายงานยังระบุว่าผู้บริโภคมีนิสัยในการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ และ 8 ใน 10 คนยังคงซื้อของออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพราะว่ามีความสะดวก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/vietnam-has-highest-digital-economy-growth-in-southeast-asia-2075889.html

“ฟิทช์” คงเรตติ้งเวียดนามที่ BB สะท้อนเชิงบวก

ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือ คาดการณ์เศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 7.4% ในปี 2565 เป็นผลสืบเนื่องจากภาคอุตสาหกรรม การก่อสร้างและการบริการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามายังประเทศเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังมีความเสี่ยงด้านลบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ดังนั้นทางหน่วยงานฟิทช์ เรทติ้งส์ จึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจที่ 6.2% ในปี 2566 ด้วยเหตุนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของเวียดนามไว้ที่ ‘BB’ ด้วยแนวโน้มเป็นบวก

ที่มา : https://vietnamnet.vn/en/fitch-ratings-affirms-vietnam-at-bb-with-positive-outlook-2075843.html

ไทยเล็งดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่านรถไฟจีน-ลาว ปีหน้า

สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าประเทศประมาณ 3 ล้านคนที่เดินทางผ่านทางรถไฟสายเวียงจันทร์-บ่อเต็น รวมระยะทาง 423 กม. ในขณะที่ ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวว่าสปป.ลาวอาจไม่มีขีดความสามารถที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ ทั้งด้านสิ่งอำนวยความสะดวกหรือบริการที่พัก โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวข้างต้นจะสูงถึง 4-5 ล้านคนในปีหน้า และส่วนใหญ่จะเดินทางผ่านทางรถไฟลาว-จีนที่เชื่อมระหว่างคุนหมิง-เวียงจันทร์ หากทางการจีนจะเปิดให้กลับมาเดินทางอีกครั้ง นอกจากนี้ สปป.ลาว มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนในช่วงต้นปีจนถึงเดือน ก.ย. เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 644,756 คน รัฐบาลคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างน้อย 9 แสนคนในปี 2565 และทำรายได้กว่า 218 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2022/11/01/thailand-eyes-for-tourists-from-china-via-laos-china-railway-next-year/