ผู้มาเยือนหลวงพระบางลดลงกว่า 584,380 คน ในปี 2563

เมืองหลวงพระบางมีนักท่องเที่ยวเพียง 257,647 คนในปี 63 ลดลง 68 % ในปี 62 เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งเป็นชาวต่างชาตติจำนวน 142,435 คนและเป็นชาวสปป.ลาว 133,212 คน โดยรวม 257,647 คน ลดลง 584,380 คนจาก 860,035 คนที่มาเยี่ยมชมเมืองในปี 62 ในปี 61 หลวงพระบางได้นำเสนอในหัวข้อการท่องเที่ยว“ 52 สถานที่ที่ต้องไป” ของ New York Times ซึ่งจุดประกายความสนใจของนักท่องเที่ยวในสปป.ลาวมากขึ้น และยังอยู่ในอันดับที่ 11 ในรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยว 20 อันดับแรกของ Architectural Digest ประจำปีในปี 62 ย่านเมืองเก่าของเมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2538 โดยยูเนสโก ซึ่งระบุว่าสถาปัตยกรรมของเมืองนี้มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและควรค่าแก่การคุ้มครองโดยองค์การสหประชาชาติ เมืองหลวงพระบางมีโรงแรมและรีสอร์ท 97 แห่งเกสต์เฮาส์ 394 แห่งร้านอาหาร 421 แห่งและ บริษัท ทัวร์ 97 แห่ง มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการกำหนดอย่างเป็นทางการมากมายรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ 111 แห่งสถานที่น่าสนใจทางวัฒนธรรม 78 แห่งและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ 39 แห่ง ทั้งนี้จำนวนนักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ในหลวงพระบางเท่านั้น แต่ยังลดลงทั่วประเทศเนื่องจากข้อ จำกัด การเดินทางทั่วโลกซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาด

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Visitors5.php

กระทรวงพาณิชย์กัมพูชาลงนาม MoU ในการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจการเกษตร

กระทรวงพาณิชย์ และ บริษัท Yamato Green ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการผลิตผักปลอดสารพิษจากญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในการร่วมพัฒนาภาคการเกษตรเมื่อวานนี้เพื่อพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าสำหรับการผลิตสินค้าภาคธุรกิจเกษตรในกัมพูชา โดยเชื่อว่าการลงนามฉบับนี้จะสร้างความร่วมมือที่ดีในการรับมือกับความท้าทายในห่วงโซ่คุณค่าเพื่อเสริมสร้างผลผลิตให้มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ทั้งเชื่อว่าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงชุมชนเกษตรกรจะสามารถสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในด้านการเจาะตลาดและกระจายตลาดไปยังต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50801454/commerce-ministry-signs-agri-business-value-chain-development-mou/

สมาคมผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา (GMAC) กล่าวถึงการสิ้นสุดของ GSP จากสหรัฐฯ

                สมาคมผู้ผลิตเครื่องนุ่งห่มกัมพูชา (GMAC) ได้ตอบสนองต่อการยุติสิทธิพิเศษทางภาษี (GSP) จากทางสหรัฐฯ โดย GSP ดังกล่าวสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่สามารถต่ออายุได้ก่อนที่จะมีการปิดเซสชันของรัฐสภาสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้รับการลงมติและรับรองของการสิ้นสุดลงของสิทธิพิเศษทางภาษีที่มีผลต่อประเทศผู้รับผลประโยชน์ทั้ง 119 ประเทศ ซึ่งถ้อยแถลงของ GMAC หวังว่าสหรัฐฯจะอนุมัติสิทธิพิเศษทางภาษีอีกครั้งแก่กัมพูชา โดยในปี 2016 สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐได้ประกาศการขยายสิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับการค้าที่ส่งผลให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่ออุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในกัมพูชา ซึ่งการขยายตัวของ GSP ช่วยให้สามารถเข้าถึงตลาดนำเข้าสินค้าด้านการท่องเที่ยวมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในสหรัฐฯได้ดี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50801455/gmac-reacts-to-expiration-of-us-trade-programme/

HSBC เผยเวียดนามก้าวเป็น 1 ในประเทศที่มีการเติบโตสูงที่สุดในปี 64

ตามรายงาน “Asia Economics Quarterly” ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น (HSBC) เปิดเผยว่าถึงแม้จะเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั้น แต่เวียดนามก็ข้ามอุปสรรคจากการระบาดของโควิด-19 มาได้ ด้วยจำนวนประชากรกว่า 95 ล้านคน และการรับมือกับสถานการณ์โควิดได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ราว 1,400 คน ทั้งนี้ การเติบโตของตัวเลข GDP ในปี 2563 อยู่ที่ 2.91% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่าประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่และดีที่สุดในโลก เมื่ออยู่ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อปรับตัวชะลอลงจาก 3.9% ในช่วงสามไตรมาสแรก อยู่ถึง 1.5% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาน้ำมันที่ลดลง นอกจากนี้ HSBC ระบุว่าภาคการท่องเที่ยวยังเผชิญกับอุปสรรคหลายอย่างด้วยกัน แต่ว่าความเลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปหลังจากไตรมาสที่ 2 อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ที่พักและการขนส่งยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จากข้อจำกัดในการเดินทางข้ามพรมแดน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-to-be-among-top-growth-performers-again-in-2021-hsbc/194315.vnp

เวียดนามส่งออกเครื่องหนัง รองเท้า ปี 63 ดิ่งลง 10% ด้วยมูลค่า 16.5 พันดอลลาร์สหรัฐ

สมาคมรองเท้าและเครื่องหนังเวียดนาม (Lefaso) ระบุว่าในปี 2563 การส่งออกเครื่องหนังและรองเท้าของเวียดนาม คาดว่าจะลดลง 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี ด้วยมูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้าในท้องถิ่น ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนโยบายภาครัฐบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการส่งออกไว้ที่ 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 ทั้งนี้ อุตสาหกรรมเครื่องหนังของเวียดนาม ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการหยุดชะงักของการนำเข้าวัตถุดิบจากจีน ในขณะที่ ตลาดสหรัฐฯและยุโรปที่มีสัดส่วนรวมกันร้อยละ 70 ของยอดส่งออกเครื่องหนังของเวียดนาม ก็ถูกสั่งปิดจากการระบาดของโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตเครื่องหนังหลายรายของเวียดนาม ตกอยู่ภายใต้สถานกาณณ์ยากลำบากที่ไม่ได้รับคำสั่งซื้อใหม่ รวมถึงความล่าช้าของคำสั่งซื้อที่มีอยู่ อีกทั้ง ปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือธุรกิจขาดเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งต้องได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-exports-of-leather-footwear-down-10-to-us165-billion-in-2020-315749.html

การส่งออกทางทะเลไปจีนของเมียนมาหวั่นพบอุปสรรค

อุตสาหกรรมอาหารทะเลของเมียนมาต้องใช้เส้นทางอื่นสำหรับการส่งออกไปยังประเทศจีนเนื่องจากความยากลำบากในการขนส่ง นาย U Tine Kyaw เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการค้าปลาไหลแของเมียนมากล่าวว่าการบริหารงานในจังหวัดต่างๆ ในจีนส่งผลให้ต้องใช้เส้นทางด่านมูเซเป็นเวลาสามเดือนแทนที่จะใช้เส้นทางชินฉ่วยฮ่อ สินค้าทางทะเลไม่สามารถส่งออกได้ ดังนั้นจึงใช้เส้นทาง Muse-Kyin San Kyawt แทน ซึ่งบางรายการต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งนี้การค้าขายจะหยุดหากประตูด่าน Kyin San Kyawt ถูกปิดลง

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-marine-exporters-face-roadblocks-china.html

การก่อสร้างสะพานแห่งที่ 5 ที่เชื่อมระหว่างสปป.ลาวและไทย

การก่อสร้างสะพานแห่งที่ 5 ที่เชื่อมระหว่างสปป.ลาวและไทยข้ามแม่น้ำโขงได้เริ่มขึ้นหลังจากมีการลงนามในข้อตกลงในเดือนธ.ค. จะใช้เวลาสร้าง 36 เดือนจะเชื่อมแขวงบอลิคำไซในสปป.ลาวกับจังหวัดบึงกาฬของไทย ขณะนี้งานมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณที่จะสร้างสะพานและสถานที่ตรวจคนเข้าเมือง กำลังเคลียร์ที่ดินบนพื้นที่ 50 เฮกเตอร์ก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างและตอนนี้งานนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว 80% ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 130.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสปป.ลาวจะต้องรับผิดชอบบางส่วน 46.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้นทุนการก่อสร้างของสปป.ลาวจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านของไทยผ่านการจัดหาเงินกู้ เมื่อสะพานสร้างเสร็จในปี 66 จะช่วยให้แขวงบอลิคำไซกลายเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคอีกแห่งและเป็นเส้นทางขนส่งสำหรับสปป.ลาว ไทยและเวียดนามในระยะทางเพียง 150 กม. สะพานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง ระหว่างสปป.ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ เวียดนามและไทย จะทำให้สปป.ลาวได้รับประโยชน์จากบริการขนส่งสาธารณะรวมทั้งดึงดูดการค้าและการลงทุนมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยว แต่ทางการจำเป็นต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมและปรับปรุงบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มาเยือน

ที่มา : https://www.straitstimes.com/asia/construction-of-fifth-lao-thai-bridge-begins

สปป.ลาวจะเริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 แก่กลุ่มเป้าหมายถัดไปในสัปดาห์หน้า

หลังจากที่สปป.ลาวได้เริ่มฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 100 คนและไม่มีผลข้างเคียงทำให้สปป.ลาวมีแผนที่จะเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเป้าหมายถัดไปคือกลุ่มเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อสูง รองศาสตราจารย์ ดร. ภูธร เมืองปัก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (5 ม.ค. ) “ผู้คนต้องการวัคซีนสองปริมาณเพื่อพัฒนาภูมิคุ้มกันต่อ COVID-19  เจ้าหน้าที่แนวหน้ากลุ่มแรกรวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะได้รับการฉีดวัคซีนครั้งแรกในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนและครั้งที่สองในวันที่ 22 ธันวาคม”  โครงการฉีดวัคซีนดังกล่าวเปิดตัวหลังจากประเทศจีนจัดหาวัคซีนให้แก่สปป.ลาว 2,000 โดสที่พัฒนาโดย Sinopharm (China National Pharmaceutical Group Co. , Ltd. ) และจากรัสเซียจำนวน 500 โดสซึ่งเป็นวัคซีน Covid-19 ที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัย Gamaleya ของรัสเซีย กระทรวงสาธารณสุขคาดว่าปีนี้ประชากรสปป.ลาวประมาณร้อยละ 20 หรือประมาณ 1.6 ล้านคนจะได้รับการฉีดวัคซีนและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 50 ของประชากรภายในปี 2565 ซึ่งจะใช้งบประมาณมากถึง 18 เหรียญสหรัฐฯ และหากฉีดวัคซีนประชากรทุกคนจะใช้งบประมาณในการฉีดวัคซีนเกือบ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2021/01/06/laos-declares-covid-19-vaccinations-safe-more-to-be-inoculated-next-week

กัมพูชาส่งออกยางพาราเป็นมูลค่ากว่า 459 ล้านดอลลาร์ในปี 2020

กัมพูชาส่งออกยางพาราถึง 340,000 ตัน ในปี 2020 สร้างรายได้จากการส่งออกกว่า 459 ล้านดอลลาร์ให้กับประเทศ รายงานโดยกระทรวงเกษตรป่าไม้และประมง ซึ่งกัมพูชามีพื้นที่สำหรับทำสวนยางพารารวม 401,914 เฮกตาร์ โดย 240,811 เฮกตาร์หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ถือเป็นการทำสวนยางพาราในรูปแบบอุตสาหกรรม และ 161,103 เฮกตาร์ หรือคิดเป็นร้อยละ 40 เป็นการทำสวนยางพาราในครัวเรือน โดยกัมพูชามีการส่งออกยางพาราอยู่ที่ 282,071 ตัน ในปี 2019 เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จาก 217,501 ตันในปี 2018 ซึ่งตลาดส่งออกยางพาราที่สำคัญของกัมพูชาคือมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีนเป็นหลัก

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50800901/cambodias-rubber-export-reach-459-million-in-2020/

รัฐบาลกัมพูชามอบเงินเยียวยาแก่แรงงานอันเนื่องมาจากโควิด-19

รัฐบาลกัมพูชามอบเงินจำนวน 23 ล้านดอลลาร์กระจายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอันเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยกระทรวงแรงงานคาดว่าจะจัดสรรเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่คนงานอีกจำนวน 8,000 ราย แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนเงินเยียวยารอบใหม่ออกมา ซึ่งการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตเสื้อผ้ากว่า 129 แห่ง ที่จำเป็นต้องปิดกิจการลง โดยในวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมากระทรวงได้ประกาศเปิดรับผู้ที่ต้องการได้รับเบี้ยเลี้ยงจากผลกระทบข้างต้นครั้งที่ 45 ซึ่งมีผู้ยื่นความประสงค์กว่า 8,400 ราย เฉพาะในแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและการท่องเที่ยว โดยกระทรวงกล่าวว่ารัฐบาลจะยังคงจ่ายเบี้ยเลี้ยงเป็นจำนวน 40 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับคนงานในภาคสิ่งทอและผลิตภัณฑ์การเดินทางต่อไปอีกสามเดือนตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2564 ในขณะที่เจ้าของโรงงานในภาคเหล่านี้ต้องจ่ายเพิ่มอีก 30 ดอลลาร์ต่อคนงานจนครบกำหนด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50800806/govt-gives-23mil-to-workers-who-lost-jobs-over-pandemic/