ตลาดค้าปลีกเวียดนามดึงดูดผู้ประกอบการญี่ปุ่น

จากรายงานเศรษฐกิจและสังคมของสำนักงานสถิติแห่งชาติของเวียดนาม (GSO) ระบุว่าถึงแม้จะเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก แต่ว่าการส่งออกและนำเข้าของเวียดนามยังคงเติบโตไปในทิศทางเชิงบวก ในขณะที่ เดือนต.ค. ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วและร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ คุณ Tetsuyuki Nakagawa ผู้อำนวยการกลุ่มบริษัทอิออนเวียดนาม มองว่าสภาพแวดล้อมธุรกิจในอนาคตของเวียดนามอยู่ในทิศทางที่ดี ประกอบกับความพยายามของเวียดนามในการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ช่วยให้ภาคค้าปลีกกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเครือข่ายธุรกิจศูนย์การค้า

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/vietnamese-retail-market-lures-japanese-firms-816274.vov

DICA เปิดตัวแอปฯ ลงทุนออนไลน์เป็นครั้งแรกในเมียนมา

คณะกรรมการการลงทุนและการบริหาร บริษัท (DICA) ของเมียนมา จะเปิดตัวแอปพลิเคชันการลงทุนออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนเพื่อดึงดูดนักลงทุน ฟังก์ชั่นใหม่ฯ นี้ จะช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการลงทุนโดยไม่ต้องไปที่สำนักงานของ DICA จึงเชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการลงทุนมากขึ้นในช่วงเวลาที่การเดินทางเข้าประเทศยังถูกจำกัดจากการระบาดของ COVID-19 ทั้งยังลดการใช้กระดาษและลดจำนวนคนทำงานลง การเปิดตัวเกิดขึ้นหลังจาก DICA อนุญาตให้นักลงทุนและธุรกิจจดทะเบียนบริษัทผ่านระบบออนไลน์ ในปี 2561 ระบบการจดทะเบียนบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ Myanmar Companies Online (MyCO) ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนมากกว่า 68,000 แห่ง กระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจต่างประเทศ ได้อนุมัติใบอนุญาตทางออนไลน์มากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/investment-applications-go-online-myanmar.html

คลังเชื่อ ไบเดน นั่งปธน.เป็นแรงหนุนช่วยเศรษฐกิจไทย

9 พ.ย.2563 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งและได้ขึ้นเป็นว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนใหม่ ว่า ยังต้องรอติดตามนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ก่อน อย่าเพิ่งรีบวิพากษ์วิจารณ์อะไรตอนนี้ แต่เมื่อพิจารณาตามนโยบายหาเสียงของนายโจ ไบเดน ในช่วงที่ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งเน้น 2 เรื่องสำคัญ 1.นโยบายด้านภาษี และ 2. นโยบายการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ ทั้งนี้ ในส่วนของนโยบายภาษีและการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ มองว่า เป็นข้อดี ที่ไทยจะได้ประโยชน์ตรงนี้ โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะส่งผลให้นักลงทุนมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่ก็ต้องขอรอดูความชัดเจนของนโยบายของนายโจ ไบเดนอีกครั้ง

ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/83278

9.11.63

Asean Sustainable Tourism Solutions Expo กระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาค

งาน Asean Sustainable Tourism Solutions Expo ครั้งที่ 3 งานแสดงสินค้าดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและเอกลักษณ์ของสินค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผู้เข้าร่วมงานเป็นตัวแทนของหมวดหมู่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธีมของงานได้แก่ ของใช้ในโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พลาสติกทางเลือก พลังงาน นอกจากนี้ภายในงานยังได้มีการอภิปรายในสามหัวข้อได้แก่ “ อนาคตของการท่องเที่ยวในอาเซียนและลาว “ การเดินทางที่ปลอดภัย: ความสำคัญของสุขภาพและความปลอดภัยในพิธีสารการฟื้นตัวที่มีประสิทธิภาพ” และ“ การสร้างแรงงานการท่องเที่ยวที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น” หัวข้อที่นำมาอภิปรายในงานจะเน้นไปในเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพในอีกแง่งานแสดงสินค้าดังกล่าวเป็นแคมเปญหนึ่งที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดในประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Govt217.php

สปป.ลาว-เวียดนามกระชับความสัมพันธ์การค้ามากกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะมีการระบาด Covid-19

มูลค่าการส่งออกของสปป.ลาวไปยังเวียดนามเพิ่มขึ้นในปี 63 แม้ว่าจะมีการระบาด Covid-19 ก็ตาม โดยในปี 62 มูลค่าการส่งออกจากสปป.ลาวไปเวียดนามในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 757.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 758 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าลดลงจาก 458 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนของปี 62 เหลือ 410 ล้านเหรียญสหรัฐใน 9 เดือนของปี 63 ในขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มความพยายามในการส่งเสริมการค้าทวิภาคีในปี 63 โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 10-15% สินค้าหลักที่ส่งออกไปยังเวียดนาม ได้แก่ น้ำดื่ม แร่ธาตุ ผลิตภัณฑ์จากไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่นยางพารา กาแฟ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ข้าวและวัว ด้านการนำเข้า จะเน้นกลุ่มสำคัญ เช่น ปิโตรเลียม ปุ๋ย เหล็ก เครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้างและชิ้นส่วนอะไหล่ เวียดนามยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3ของสปป.ลาวและนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 3 ในสปป.ลาว รองจากไทยและจีน ธุรกิจของเวียดนามได้ลงทุนในโครงการ 413 โครงการในสปป.ลาวมูลค่ารวม 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เหมืองแร่ การขนส่ง สวนป่าอุตสาหกรรม และบริการซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของทั้งสองประเทศ รัฐบาลสปป.ลาวหวังว่าการนำเข้าและการส่งออกรวมกันของประเทศจะบรรลุเป้าหมายในแผน โดยรัฐบาลสปป.ลาวได้ตั้งเป้าหมายการค้ารวมไว้ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 63 และเนื่องจากวิกฤต Covid-19 มีการแก้ไขเป็น 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/11/07/laos-and-vietnam-strengthen-ties-more-than-us12bil-in-trade-agreements-despite-pandemi

ญี่ปุ่นวางแผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในกัมพูชา

บริษัทญี่ปุ่นได้ลงทุนบนโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะและสถานีกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในกัมพูชา โดย Mikami Masahiro เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกัมพูชาในการพบปะกับ Suy Sem รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานในพนมเปญเมื่อต้นสัปดาห์ ซึ่งเอกอัครราชทูตกล่าวว่าการระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างมากทั่วโลกและส่งผลกระทบต่อโครงการพัฒนาหลายโครงการในกัมพูชา แต่อย่างไรก็ตามความสำคัญคือกัมพูชาและญี่ปุ่นยังคงทำงานร่วมกันในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านการเจรจาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงการลงทุนระหว่างสองประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมีความยินดีกับโครงการลงทุนของญี่ปุ่นในภาคพลังงานโดยเน้นว่ากัมพูชากำลังปรับแผนการจัดหาไฟฟ้าเพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาอย่างรวดเร็วของประเทศ ซึ่งโครงการพลังงานไฟฟ้าจากขยะในกัมพูชาได้รับการเสนอโดยบริษัทหลายแห่ง แต่เนื่องจากมีต้นทุนการลงทุนที่สูงเมื่อเทียบกับโครงการพลังงานอื่นๆ จึงยังไม่มีการลงทุนอุตสาหกรรมนี้เกิดขึ้น

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50780638/japan-unveils-plan-to-build-waste-to-energy-plant-in-cambodia/

แรงงานภาคการท่องเที่ยวกัมพูชากว่า 5 หมื่นรายกำลังได้รับผลกระทบ

กระทรวงการท่องเที่ยวระบุตัวเลขจำนวนการเลิกจ้างงานเกือบ 51,000 ตำแหน่งในภาคการท่องเที่ยว จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจำนวนกว่า 2,838 ราย ในกัมพูชาที่ต้องปิดตัวลงหรือทำการปิดชั่วคราวเนื่องจากผลกระทบจาก COVID-19 โดยในการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการท่องเที่ยวในช่วงการระบาดของ COVID-19 ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเสียมราฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลวางแผนเพื่อฟื้นฟูภาคส่วนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ เช่นแผนงานในการฟื้นฟูและส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวของกัมพูชา (ปี 2020-2035) และแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยว (2021-2030) เพื่อรองรับต่อสถานการณ์ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในช่วง COVID-19 ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาได้เพิ่มมาตรการที่ 6 เพื่อจัดการผลกระทบต่อภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศต่อไป รวมถึงมาตรการภาษี มาตรการคุ้มครองแรงงาน และการยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตการท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในกัมพูชาในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2020 ลดลงกว่าร้อยละ 74.1 ตามรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยว

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50780626/51000-tourism-based-jobs-in-cambodia-vapourised-because-of-covid-10-pandemic/

เวียดนามเผยหนี้เสียพุ่ง เหตุโควิด-19

ธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ปี 63 พบว่าจำนวน 14 แห่ง มีหนี้เสีย (NPL) พุ่งร้อยละ 30 หรือมากกว่านั้น ในขณะที่ ธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนาของเวียดนาม (BIDV) มีหนี้เสียเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ด้วยมูลค่า 22.5 ล้านล้านด่อง ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาผู้ให้กู้ทั้งหมด ทั้งนี้ ผู้นำธนาคาร กล่าวว่าจำนวนหนี้คุณภาพต่ำเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อหลายธุรกิจประสบปัญหาทางการเงิน เนื่องจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและความต้องการสินค้าและบริการหดตัวลง อย่างไรก็ตาม นาย Nguyen Tri Hieu นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่าหนังสือเวียนของแบงก์ชาติเวียดนาม เดือนมี.ค. ได้อนุมัติให้ธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัส และขยายเวลาระยะคืนทุน

 ที่มา : https://vietreader.com/business/22446-non-performing-loans-surge-due-to-pandemic.html