ตระนาวศรีมีแผนส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทะเลไปยังไทย

ตามประกาศของกระทรวงเกษตรปศุสัตว์และชลประทาน แม้ว่าอุตสาหกรรมทั้งหมดในเขตตะนาวศรีจะระงับชั่วคราวในช่วงที่มีการระบาดของโควิด -19 แต่กำลังมีแผนส่งออกผลิตภัณฑ์ทางทะเลไปยังไทย สมาคมสหกรณ์สามแห่งในเมืองเกาะสอง เขตตะนาวศรี ได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงไปยังต่างประเทศ ดังนั้นพวกเขามีรายได้ 4.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการส่งออกในปีงบประมาณ 2562-2563 ปัจจุบันเมียนมามีรายได้จากการส่งออกประมงกว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 เดือนของปีงบประมาณนี้ ขณะนี้กรมประมงได้ประสานงานความร่วมมือกับผู้แปรรูปปลาและผู้ส่งออกเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ประมงเป็นไปตามกฎและข้อบังคับของประเทศผู้นำเข้ารวมถึงประเทศในยุโรป

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/taninthari-region-plans-to-export-marine-products-to-thailand

อโกด้า ชี้ เชียงใหม่ครองอันดับ 1 ที่คนอยากเที่ยวในไทย

อโกด้า ชี้ ชาวไทยมีแนวโน้มสูงที่จะเที่ยวในประเทศ เชียงใหม่ครองอันดับ 1 จุดหมายปลายทางยอดนิยม นายเออร์รอล คุก รองประธานฝ่าย Partner Services ของอโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว เปิดเผยผลการสำรวจจากแคมเปญ โกโลคอล ที่จัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของหลายประเทศทั่วโลกพบว่า นักท่องเที่ยวไทย 78% อินโดนีเซีย 76% และสหรัฐอเมริกา 74% เป็น 3 ประเทศแรกที่อยากออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากที่สุด โดย 3 จุดหมายปลายทางยอดนิยมแรกของนักท่องเที่ยวไทย คือ เชียงใหม่ ภูเก็ต และหัวหิน  ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า 3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวมีความพร้อมและอยากออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง นักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 87% อินโดนีเซีย 78% และไต้หวัน 59% เป็น 3 ชาติแรกที่อยากออกเดินทางมากที่สุด โดยรวมแล้ว ภายในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้ 65% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด อยากเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ส่วนอีก 35% อยากไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ทั้งนี้ นักเดินทางไทย 41% สะดวกเดินทางในระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวทั่วโลก 46% ตามมาด้วย 36% ที่เลือกเดินทาง 2 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงที่สุดของโลก ในส่วนของวิธีเดินทาง นักท่องเที่ยวชาวไทย 50% เลือกการเดินทางด้วยเครื่องบิน และ 41% เลือกรถยนต์ส่วนตัว ส่วนในระดับนานาชาติ นักท่องเที่ยวทั่วโลกมากกว่า 1 ใน 4 รู้สึกสะดวกใจที่จะเดินทางในระยะเวลา 2 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า ตัวเลขนี้รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวอเมริกา 14% และไต้หวัน 15% โดยนักท่องเที่ยวจากสองชาตินี้ยังอยู่ในอันดับ 1 และ 3 ของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พอใจจะเดินทางไม่เกิน 5-8 ชั่วโมง (อเมริกา 25%, ซาอุดีอาระเบีย 22% และไต้หวัน 19%) เนื่องจากพื้นที่อันกว้างใหญ่ของออสเตรเลียจึงไม่น่าแปลกใจที่นักท่องเที่ยวออสเตรเลียมีแน้วโน้มมากที่สุดที่จะเดินทางมากกว่า 8 ชั่วโมง  ส่วนวิธีการเดินทางนั้น นักท่องเที่ยวทั่วโลก 28% เลือกที่จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และ 57% เลือกที่จะเดินทางด้วยเครื่องบิน “ถึงแม้ผู้คนทั่วโลกจะต้องหยุดเดินทางท่องเที่ยวมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน แต่ความกระหายในการเดินทางนั้นไม่ได้ลดลง ที่จริงแล้วมันกลับเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้การเดินทางในประเทศเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของผู้คนในหลายภูมิภาค ซึ่งส่วนมากต้องการออกสำรวจประเทศของตนเอง พักอาศัยในชุมชนท้องถิ่น โดยใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า 4 ชั่วโมง” สำหรับเมืองต่างๆจึงต้องหาทางดึงดูดนักท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น เพื่อช่วยเติมเต็มช่องว่างของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป ในทางตรงกันข้าม จุดหมายปลายทางที่โด่งดังในระดับภูมิภาคที่ใกล้ชายหาด ธรรมชาติ หรือพื้นที่ชนบท ก็มีโอกาสได้รับประโยชน์จากเทรนด์การท่องเที่ยวนี้ อีกทั้งนักท่องเที่ยวก็มีโอกาสได้ช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบด้วย

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/economic/790167

‘พาณิชย์’ เผยข่าวดี FTA อาเซียน-จีน ดันส่งออกทุเรียนไปจีนครึ่งปีแรกพุ่ง 140%

 ‘นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยครึ่งปีแรก ไทยส่งออกทุเรียนสดไปตลาดโลก พุ่งถึง 1,411 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะตลาดจีน ขยายตัว 140% ชี้! ผู้ประกอบการขอใช้สิทธิส่งออกด้วย FTA อาเซียน-จีน สัดส่วนเต็ม 100% ของมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดไปจีน แนะรักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้า เน้นการผลิตแบบปลอดสารพิษ ใช้ช่องทางขายออนไลน์เจาะตลาดมากขึ้น สินค้าเกษตร ซึ่งเป็นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศและรายได้หลักของเกษตรกรไทย พบข่าวดี ไทยยังคงครองแชมป์ประเทศผู้ส่งออกทุเรียนอันดับหนึ่งของโลก ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดต่างประเทศ โดยทุเรียนสดมีสัดส่วนการส่งออก 69% ของการส่งออกผลไม้สดทั้งหมดของไทย ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค. – มิ.ย. 2563) ไทยส่งออกทุเรียนสดไปตลาดโลก พุ่งถึง 1,411 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ถึง 73% โดยจีนถือเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย มีมูลค่า 1,022 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนแบ่งตลาด 73% ของการส่งออกทุเรียนสดทั้งหมด ขยายตัวกว่า 140% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ตามด้วยฮ่องกง มูลค่า 207 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนแบ่งตลาด 15% ขยายตัว 34% และอาเซียน มูลค่า 164 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนแบ่งตลาด 12% ขยายตัว 25% (เวียดนามเป็นตลาดส่งออกหลัก)

ที่มา : https://www.ryt9.com/s/beco/3150029

“ซัมซุง” ครองตำแหน่งผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนในเวียดนาม

“ซัมซุง” มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 33 ของส่วนแบ่งการตลาดรวมในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทำให้ซัมซุงเป็นแบรน์สมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่บริษัทเกาหลีมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบรนด์อย่าง Oppo และ Vivo สัญชาติจีน มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 17 และ 12 ตามลำดับ แต่ว่าเมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มของยอดขาย พบว่า Oppo มียอดขายลดลงร้อยละ 26 ขณะที่ Vivo มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 246 ทั้งนี้ VinSmart ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อปลายปี 2562 ด้วยสมาร์ทโฟน 5G ที่ร่วมมือกับทาง “Qualcomm” ผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเน้นกลุ่มตลาดระดับต่ำ-ล่าง ด้วยราคาต่ำกว่า 5 ล้านด่ง (212 ดอลลาร์สหรัฐ)

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/companies/samsung-tops-vietnamese-smartphone-market-4145958.html

เวียดนามเผยเดือน ก.ค. เกินดุลการค้าสูงถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรมศุลกากรเวียดนาม (GDVC) เปิดเผยว่าในเดือน ก.ค. เวียดนามเกินดุลการค้า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ข้อมูลตัวเลขข้างต้นนั้น เป็นผลมาจากการค้าระหว่างประเทศรวมที่ 47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในเดือน ก.ค. มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 24.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อน ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 20.10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อน ทั้งนี้ ภาพรวม ในเดือน ม.ค.-ก.ค. มูลค่าการส่งออกรวมสูงถึง 147.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมูลค่าการนำเข้ารวมอยู่ที่ 139.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เวียดนามเกินดุลการค้า 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ Bao Viet (BVSC) ระบุว่าท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสทั่วโลก ทำให้การส่งออกของกลุ่มประเทศในอาเซียนลดลงร้อยละ 20-40 ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย มาเลเซียและเวียดนามที่มีการส่งออกขยายตัวร้อยละ 1.5 ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นแรงสนับสนุนทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-posts-record-high-monthly-trade-surplus-of-us28-billion-in-july-313859.html

MCDC เปิดประมูลใบอนุญาตประกอบธุรกิจในปี 63-64

กรมสรรพากรของคณะกรรมการพัฒนาเมืองมัณฑะเลย์ (MCDC) จะออกใบอนุญาตธุรกิจทั่วไปสำหรับปีงบประมาณ 2563-2564 สำหรับการประมูลในเร็ว ๆ เช่น ร้านขายเนื้อหมูและเนื้อแกะ บริการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับห้องอาบน้ำและห้องสุขาสาธารณะ โรงรับจำนำ บริการจัดเก็บภาษีท่าเทียบเรือ ธุรกิจเกสต์เฮาส์และบริการเก็บค่าธรรมเนียมที่จอดรถสำหรับจักรยานรถจักรยานยนต์และยานพาหนะอื่น ๆ โดยจะเริ่มเปิดประมูลตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้หรือต้นเดือนกันยายน มีการขายที่จอดมากกว่า 40 แห่งในราคาประมาณ 700 ล้านจัต สำหรับที่จอดรถและมีแผนที่จำเป็นในการเก็บค่าธรรมเนียม 100 จัตสำหรับจักรยาน 200 จัตสำหรับรถจักรยานยนต์ และ 300 จัตสำหรับรถยนต์ต่อคัน หากผู้ชนะการประมูลฝ่าฝืนกฎจะได้รับคำเตือนเป็นครั้งแรกโดยการปรับ 200,000 จัต ครั้งที่ 2 ถึงครั้งที่ 3 อยู่ที่ 500,000 จัต และจะเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถาวรหากยังคงฝ่าฝืนกฎต่อไป

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/mcdc-auction-general-business-licenses-2020-21.html

การค้าเมียนมาเพิ่มขึ้นแม้มีการระบาดของ COVID-19

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ พบว่าแม้ว่าการระบาดของ COVID-19 แต่รายรับจากการส่งออกของเมียนมากลับเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณปัจจุบัน การค้าชายแดนกับบังกลาเทศ อินเดีย ไทยและจีนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีงบประมาณที่แล้วรวมทั้งเส้นทางการเดินเรือการค้ารวมจนถึงปีนี้มีมากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 1.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้จากการส่งออกไปจีนลดลงราว 107 ล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 24 กรกฎาคมของปีงบประมาณนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันการส่งออกเมล่อนไปยังประเทศจีนลดลงประมาณร้อยละ 20 ในทางกลับกันการส่งออกข้าวโพดได้เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50 เมื่อเทียบเป็นรายปีในปีงบประมาณปัจจุบันและแนวโน้มการเติบโตดูสดใส การส่งออกข้าวโพดอยู่ที่ 2.5 ล้านตันเมื่อเทียบกับ 1.5 ล้านตันในปีที่แล้ว ขณะนี้รายได้จากการส่งออกผลไม้ของเมียนมามีมากกว่า 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งเทียบเท่ากับรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว อีกทั้งความต้องการกล้วยคุณภาพดีที่ผลิตจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อซึ่งชดเชยการส่งออกผลไม้อื่น ๆ เช่น แตงโม และแตงกวาที่ลดลง เมียนมายังเพิ่มความพยายามในการทำตลาดผลไม้อื่น ๆ เช่น อะโวคาโดพันธุ์แฮส (Hass) ตลอดจนอาหารแปรรูปและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าไปยังตลาดต่างประเทศ

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/myanmar-trade-volumes-increase-despite-covid-19.html

สปป.ลาวได้รับเงินทุนเพื่อบรรเทาด้านการศึกษาจากผลกระทบ COVID-19

Global Partnership for Education กำลังจัดสรรเงินช่วยเหลือจำนวน 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านทาง UNICEF เพื่อช่วยตอบสนองและบรรเทาผลกระทบด้านการศึกษาและสังคมในสปป.ลาวจากการระบาดของ COVID-19 UNICEF สปป.ลาวได้ลงนามข้อตกลงการให้ทุนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เงินทุนดังกล่าวที่ได้จากการระดมทุนจากหลายๆองค์กรระดับโลก จะนำมาดำเนิน กิจกรรมภายใต้การนำของกระทรวงศึกษาธิการและกีฬาโดย UNICEF จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับภาคีการพัฒนาต่างๆผ่านกลไกของคณะทำงานภาคการศึกษารวมถึงสนับสนุนกิจกรรมต่างๆที่พัฒนาศักยภาพด้านสาธารณสุขของสปป.ลาว Dr.Phouth ตัวแทน UNICEF กล่าวเพิ่มเติมว่า“ เราทุกคนต้องมั่นใจว่าภาคการศึกษาจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีอีกครั้งและจะมีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการทำให้ประชาชนสปป.ลาวมีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นโครงการที่จะช่วยสนับสนุนพัฒนาการของทุนมนุษย์”

ที่มา : http://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Laos157.php