ภาครัฐบาลและภาคเอกชนกัมพูชาเร่งปรับปรุงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ชายแดนระหว่างประเทศต้องปิดตัวลง การท่องเที่ยวภายในประเทศจึงเป็นทางเลือกเดียวสำหรับทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติในกัมพูชา โดยในการตอบสนองหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนได้รับการผลักดันเพื่อปรับปรุงคุณภาพของการให้บริการด้านการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับการปฏิบัติด้านสุขอนามัยเพื่อสนับสนุนการเดินทางมายังกัมพูชาของนักท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงภาครัฐฯและภาคเอกชนมองว่าแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศทั่วประเทศกำลังจะกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นหลายแห่ง โดยกำลังขอให้รัฐบาลเพิ่มโอกาสด้วยการสร้างแพ็คเกจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มากขึ้น ผ่านการลงทุนโดยภาคเอกชนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50742181/public-and-private-sector-needed-to-improve-eco-tourism-development/

กัมพูชาอนุมัติเงินลงทุน 3.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรก

ตามรายงานของกระทรวงการจัดการที่ดินการวางผังเมืองและการก่อสร้าง ระบุว่ามีโครงการก่อสร้างที่ได้รับอนุมัติราว 2,522 โครงการ กำลังดำเนินการอยู่ทั่วประเทศรวมเป็นเงินลงทุน 3.842 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงหกเดือนแรกของปี โดยมูลค่าของโครงการก่อสร้างที่ได้รับอนุมัติเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.26 เมื่อเถียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งข้อมูลที่เผยแพร่จากกระทรวงการจัดการที่ดินกล่าวว่าประมาณ 2,097 โครงการ เป็นโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ในขณะที่มีโครงการก่อสร้างโรงงานและคลังสินค้า 45 โครงการ โดยภาคการก่อสร้างสร้างงานได้ 170,059 ตำแหน่งทั่วประเทศ ซึ่งประธานสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและตัวแทนภาคอสังหาริมทรัพย์กัมพูชา (CVEA) กล่าวว่าสถานการณ์และกิจกรรมของภาคอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามภาคการก่อสร้างคาดหวังว่าจะยังคงเติบโตเหมือนปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50742206/3-8-bln-in-capital-investment-approved-during-the-first-six-months-of-the-year/

ผู้นำสปป.ลาวและเวียดนามหารือถึงความร่วมมือหลังเกิดโรคระบาด Covid-19

นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเดินทางไปยังดานัง ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 5-6 ก.ค โดยนายกรัฐมนตรีทั้งสองกล่าวชื่นชมมิตรภาพพิเศษที่ยาวนานความเป็นปึกแผ่นและความไว้วางใจระหว่างสองประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสปป.ลาวกล่าวความยินดีที่ได้เดินทางไปเยือนเวียดนามอีกครั้งหลังจากที่ประเทศประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของ Covid-19 และแสดงความยินดีกับเวียดนามที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 36 และสนับสนุนบทบาทของตนในฐานะประธานอาเซียน อีกทั้งนายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวแสดงความยินดีกับสปป.ลาวในความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของ Covid-19 และแสดงความมั่นใจว่าอีกไม่นานสปป.ลาวจะฟื้นตัวจากผลของการระบาดใหญ่ และทั้งสองกล่าวถึงความร่วมมือในอนาคตอันใกล้ในด้านการค้า การบริการและการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน ร่วมถึงการวางแผนที่จะเปิดเส้นทางการบินใหม่โดยเร็วที่สุด ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งดำเนินการตามข้อตกลงที่มีการลงนามและเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีในด้านการป้องกันความมั่นคง สิ่งแวดล้อม การค้าการลงทุนและการเงิน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาระหว่างประเทศและภูมิภาคที่มีความสำคัญร่วมกันและตกลงที่จะประสานงานอย่างใกล้ชิดต่อไปภายใต้กรอบของเวทีต่าง ๆ

ที่มา : https://laotiantimes.com/2020/07/07/lao-and-vietnamese-leaders-discuss-post-pandemic-cooperation/

UNFPA ให้การสนับสนุนผู้หญิงและเด็กหญิงในสปป.ลาว

กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) มอบเงินช่วยเหลือซึ่งประกอบด้วยรายการด้านสุขอนามัยและสิทธิต่างๆสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในช่วงการระบาดของ Covid-19 รวมทั้งเสบียงอาหารที่จำเป็นอีกด้วย UNFPA ทำงานอย่างแข็งขันในการสนับสนุนพันธมิตรของรัฐบาลรวมถึงการขยายพันธมิตรและความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อร่วมมือในการปรับปรุงสุขภาพอนามัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง สปป.ลาวได้ร่วมมือกับ UNFPA โดยการเป็นหุ้นส่วนมุ่งเน้นไปที่ค่านิยมการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกันและการสนับสนุนในการปกป้องผู้หญิงและเด็กหญิงจากความรุนแรงรวมถึงสนับสนุนสิทธิขั้นพื้นฐานเช่นโภชนาการที่เพียงพอและการศึกษาที่เหมาะสมแก่ผู้หญิงและเด็กภายใต้กรอบสัญญาดังกล่าวนอกจากจะเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคมแล้วในอีกแง่การร่วมมือดังกล่าวจะนำซึ่งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญของสปป.ลาว

ที่มา : https://www.thestar.com.my/aseanplus/aseanplus-news/2020/06/07/unfpa-lends-support-to-women-and-girls-in-laos

ภาคการก่อสร้างเมียนมาร้องขอนโยบายผ่อนปรนการใช้เงินสด

ธุรกิจก่อสร้างกำลังเรียกร้องให้มีการผ่อนปรนกฎระเบียบและการลดหย่อนภาษีผ่านความช่วยเหลือทางการเงินจากปัญหาการระบาดของ COVID-19 สมาคมผู้ประกอบการก่อสร้างเมียนมา (MCEA) กล่าวว่ามีวิธีอื่นนอกเหนือจากการใช้เงินสดที่รัฐบาลสามารถช่วยบรรเทาภาระของผู้รับเหมาและนักพัฒนาในท้องถิ่น เช่น การลดอากรแสตมป์สำหรับชาวต่างชาติ การจำนองที่ราคาถูกและยืดหยุ่นมากขึ้น ในย่างกุ้งปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมประมาณ 15,000 ยูนิตอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 40% สามารถเปิดขายให้กับชาวต่างชาติ ได้ทั้งหมด 6,000 ยูนิต สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดคอนโดมิเนียมอาจดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติได้หากเงื่อนไขที่อนุญาตเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 โครงการก่อสร้างจำนวนมากได้หยุดชะงักจากการขาดแคลนเงินสดความต้องการที่ลดลงและความล่าช้าในการนำเข้าวัสดุก่อสร้าง  รัฐบาลจะช่วยให้ภาคการก่อสร้างเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะอนุญาตให้กลับมาทำงานได้แต่ต้องปฏิบัติตามแนวทางด้านสุขภาพและการป้องกันอย่างถูกต้อง  รัฐบาลกำลังจะเปิดตัวโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่โดยใช้กองทุนของรัฐและสินเชื่อระหว่างประเทศและอนุมัติการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับภาคเอกชน

ที่มา : https://www.mmtimes.com/news/myanmar-construction-sector-requests-policy-relief-over-cash.html

เมียนมาส่งออกไปบังคลาเทศผ่านชายแดนมังดอร์มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เดือนมิถุนายน 2563 เมียนมาส่งออกผ่านชายแดนผ่านชายแดนมังดอว์มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปยังบังคลาเทศและส่วนใหญ่เป็นสินค้าอย่างพลาสติก ซึ่งการค้าชายแดนมังดอร์ หยุดตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤษภาคมและเปิดในเดือนมิถุนายน 2563 จากการแพร่ระบาดของ COVID-19

ที่มา : https://elevenmyanmar.com/news/more-than-us-1-million-worth-products-exported-to-bangladesh-via-maungdaw-border-trade

“พาณิชย์” เบรก 2 บริษัท ขอนำเข้าข้าวกรอบอาฟต้า

แหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการนำเข้าข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน เพื่อให้เป็นไปตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ที่ไทยจะต้องเปิดตลาดนำเข้าข้าวตั้งแต่ปี 2553 โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในปี 2563 มี 2 บริษัท ขอนำเข้าภายใต้กรอบอาฟต้า ได้แก่ บริษัท วราวุธ อุตสาหกรรม จำกัด เป็นผู้ผลิตและส่งออกแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว ทั้งชนิดโม่แห้งและโม่น้ำภายใต้เครื่องหมายการค้า “ชวนชม” (DESERT ROSE) และ “ฟลาวริช” และ บริษัท บูรพา พรอสเพอร์ จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งข้าวรายแรกในภาคตะวันออกของประเทศไทยภายใต้ตราสินค้า “หมีคู่ดาว” เพื่อขอนำเข้าข้าวเหนียว อย่างไรก็ดีในขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน จึงยังไม่อนุญาตให้นำเข้าในช่วงนี้ ทั้งนี้ ด้านนายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 คณะกรรมการโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ได้เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารการนำเข้าข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน เพื่อให้เป็นไปตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ที่ไทยจะต้องเปิดตลาดนำเข้าข้าวตั้งแต่ปี 2553 โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการฯ ได้ประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการเปิดตลาดและได้ยกร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอน หลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการนำเข้าข้าวภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/Macro_econ/441112?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=Macro_econ

เวียดนามเผยมูลค่าการเบิกจ่ายเงินลงทุนสาธารณะ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้

กระทรวงวางแผนและการลงทุน (MPI) ระบุว่าการเบิกจ่ายเงินลงทุนสาธารณะในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ราว 156 ล้านล้านด่ง (6.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) บรรลุตามเป้าที่ร้อยละ 33.1 ของแผนที่กำหนดโดยสมัชชาแห่งชาติและนากยกรัฐมนตรี ซึ่งสูงกว่าร้อยละ 28.56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ทางกระทรวงข้างต้น ยังระบุเพิ่มเติมว่ามีการเบิกจ่ายเงินลงทุนในประเทศที่ 142 ล้านล้านด่ง (32.98% ของแผนที่กำหนดไว้) รวมถึงเงินทุนจากต่างประเทศที่ 5.7 ล้านล้านด่งและมีอีกมากกว่า 7.5 ล้านล้านด่งสำหรับโครงการระดับชาติ นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 กระทรวง หน่วยงานกลางและอีก 6 หน่วยงานท้องถิ่นที่ได้ทำการเบิกจ่ายไปแล้วมากกว่าร้อยละ 50 ของยอดเงินทุนงประเทยบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน63 อย่างมาก

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/nearly-7-billion-usd-of-public-investment-disbursed-in-six-months/178138.vnp

เวียดนามขาดดุลการค้ากับอิสราเอล ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้

ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามขาดดดุลการค้ากับอิสราเอลที่ 101.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากยอดสินค้าส่งออกสำคัญลดลงและการกลับมานำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าสูง ซึ่งคุณ Le Thai Hoa ที่ปรึกษาด้านการค้าเวียดนามในอิสราเอล กล่าวว่าการค้าทวีภาคีของสองประเทศที่ 649.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 5 เดือนแรก การส่งอออกของเวียดนามหดตัวลงร้อยละ 17.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่ การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 419.3 โดยการเติบโตของการนำเข้าส่วนใหญ่มาจากเวียดนามเริ่มกลับมานำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ ในเดือนพ.ค. การค้าระหว่างเวียดนามกับอิสราเอล อยู่ที่ 136.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ไม่รวมเครื่องจักร ยานพาหนะและอุปกรณ์ป้องกัน เป็นต้น) การส่งออกของเวียดนามไปยังอิสราเอลเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ การนำเข้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อน นอกจากนี้ บริษัทอิสราเอลบางแห่งสนใจเนื้อปลาสวายแล่ อาหารกระป๋องและเสื้อผ้าจากเวียดนาม รวมถึงได้มีการหารือในการเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ประกอบการชาวเวียดนาม เพื่อยกระดับการนำเข้า

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-posts-fivemonth-trade-deficit-with-israel/178167.vnp