ตลาด ‘อีคอมเมิร์ซเวียดนาม’ แตะระดับมากกว่า 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566

จากข้อมูลของ GlobalData คาดการณ์ว่ามูลค่าของตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามอยู่ที่ 17.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 และปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2562 ราว 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย GlobalData เป็นบริษัทวิเคราะห์และจัดหาข้อมูล ระบุว่าอัตราการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 16.3 และมองว่าตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามเพิ่มขึ้นมาเป็น 2 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจากการใช้จ่ายออนไลน์ ด้วยมูลค่าของตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 จนมาถึงในปี 2562 อยู่ที่ 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ ผลสำรวจของบริษัท GlobalData แสดงให้เห็นว่าการชำระผ่านเงินสดยังคงเป็นช่องทางการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.6 ของการทำธุรกรรมบนอีคอมเมิรซ์ และ MoMo เป็นช่องทางการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวียดนาม รองลงมา Paypal นอกจากนี้ บริษัทระดับโลกได้ส่งเสริมการลงทุนไปยังกลุ่มบริษัทอีคอมเมิร์ซเวียดนาม ได้แก่ TiKi ได้รับเงินทุน 5.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากบริษัท VNG Corporation และอีก 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุนชาวจีน (JD.com)

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/8479702-vietnam%E2%80%99s-e-commerce-market-to-surpass-us$17-billion-in-2023.html

เวียดนามนำเข้าเนื้อสุกรพุ่งสูงขึ้น ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์

เวียดนามนำเข้าเนื้อสุกรมากกว่า 13,800 ตัน ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 150 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งแคนาดาเป็นผู้นำเข้าเนื้อสุกรรายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33.06 ของการนำเข้าจากต่างประเทศรวม ตามมาด้วยเยอรมัน (25.4%), บราซิล (16.10%), โปรแลนด์ (15.81%) และสหรัฐฯ (7.78%) ขณะเดียวกัน เวียดนามนำเข้าเนื้อวัวมากกว่า 12,450 ตัน และเนื้อกระบืออยู่ที่ 12,930 ตัน หากจำแนกรายสินค้า พบว่าเนื้อกระบือส่วนใหญ่มาจากอินเดีย และเนื้อวัวส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ ออสเตรเลียและแคนาดา ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท (MARD) ระบุว่าตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือนมีนาคม 2562 ปริมาณเนื้อสุกร 24 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 77 ของเนื้อสุกรรวม ก่อนที่จะเผชิญกับไข้หวัดหมูแอฟริกา (AFS) ในขณะเดียวกัน จำนวนสุกรในประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึงเดือนเมษายน เพื่อที่มั่นใจว่าอุปทานเนื้อสุกรจะเพียงพอในการรองรับอุปสงค์ในประเทศ

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/pork-imports-surge-in-january-february/169917.vnp

เมียนมาอนุญาติทำเหมืองแร่ 1,250 บล็อก

รัฐบาลได้อนุญาตให้ขุดบล็อกเพื่อทำเหมืองแร่ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็กจำนวน 1,250 แห่งในภูมิภาคและรัฐต่างๆ จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ตามรายงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จากจำนวนทั้งหมด 112 บล็อกในรัฐคะฉิ่น, 18 ในรัฐกะยา,  46 บล็อกในรัฐกะเหรี่ยง, 4 บล็อกในรัฐชิน, 230 บล็อกในเขตสกาย, 86 บล็อกในเขตตะนาวศรี, 3 บล็อกในเนปยีดอ, 7 บล็อกในเขตพะโคะ, 53 บล็อกในเขตมะกเว, 333 บล็อกในเขตมัณฑะเลย์, 24 บล็อกในรัฐมน, 1 บล็อกในรัฐยะไข่, 143บล็อก ในรัฐฉาน(ใต้), 95 บล็อกในรัฐฉาน (เหนือ), 92 บล็อกในรัฐฉาน (ตะวันออก) และ 3 บล็อกในภูมิภาคอิรวดี ในสามเดือนของปีงบประมาณ 2562-2563 มีการสกัดโลหะ 151.84 ตันจากบล็อกเหมืองแร่ดีบุกและทังสเตนในรัฐและภูมิภาค โดยเขตตะนาวศรีผลิตได้จำนวนมากที่สุด

ที่มา: https://elevenmyanmar.com/news/1250-mining-blocks-approved-in-regions-states-till-february

เริ่มแล้วสำหรับ EIA ท่าเรือน้ำลึกเจาะพยู

CITIC Group กลุ่มทุนใหญ่จากจีนเริ่มการประมูลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสำหรับการเป็นที่ปรึกษาสำหรับโครงการท่าเรือในใจกลางยะไข่ หลังจากผ่านการคัดกรองข้อเสนอที่ได้รับจาก CITIC Group ในเดือนกันยายน 2562 โครงการเจาะพยู หมายถึง เขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งมีท่าเรือน้ำลึก สวนอุตสาหกรรม และโครงการอื่น ๆ โครงการขนาดใหญ่ซึ่งนำโดย CITIC และประกอบด้วย บริษัทจีนอีกสี่แห่งและกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ของไทย เจาะพยูเป็นที่ตั้งของท่อส่งน้ำมันคู่ที่ผลิตและส่งออกน้ำมันไปยังประเทศจีน การมีท่าเรือในใจกลางยะไข่เป็นสิ่งสำคัญทางภูมิศาสตร์สำหรับประเทศจีนในการลดการพึ่งพาช่องแคบมะละกาผ่านระเบียงเศรษฐกิจจีน – เมียนมาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

ที่มา: https://www.mmtimes.com/news/eia-process-kyaukphyu-port-start.html

ความกลัวการระบาดของ Covid-19 ทำให้การเช่ารถลดลง

ธุรกิจจำนวนมากที่ทำงานด้านการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องในสปป.ลาว กังวลหลังจากการระบาดของ coronavirus (Covid-19) การระบาดของโรคได้ก่อให้เกิดการยกเลิกการจองโรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งกำลังขาดทุนและบริการรถเช่ากำลังสูญเสียลูกค้า โดยการจองรถเช่าลดลงอย่างมาก เนื่องจากลูกค้ายกเลิกการเดินทางไปสปป.ลาวและประเทศเพื่อนบ้าน บริษัท R W Car Rental & Cleaning Service จำกัด ในกรุงเวียงจันทน์นั้นแทบจะไม่ได้ทำธุรกิจกับลูกค้าหลายรายที่ยกเลิกการจองรถ มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญและโดยตรงกับธุรกิจรถเช่าเพราะบริการประเภทนี้พึ่งพาการจองของลูกค้าเป็นอย่างมาก หลายบริษัทให้บริการที่คล้ายกันเนื่องจากจำนวนลูกค้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันบริษัท the Phouphieng Bolaven Travel จำกัด ในแขวงจำปาศักดิ์กำลังเผชิญสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันและได้เห็นลูกค้าลดลงอย่างมาก การท่องเที่ยวหลายแห่งในสปป.ลาวก็ประสบกับการลดจำนวนผู้เยี่ยมชม นอกจากนี้รัฐบาลได้ยกเลิกกิจกรรมระดับชาติที่สำคัญหลายประการ เที่ยวบินถูกระงับชั่วคราวหรือยกเลิก แม้ว่าจะไม่มีการยืนยัน Covid-19 ในสปป.ลาว แต่เทศกาลและกิจกรรมอื่น ๆ ได้ถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปตามมาตรการป้องกันไว้ก่อน

ที่มา : http://annx.asianews.network/content/fear-covid-19-outbreak-causes-cuts-car-rentals-115470

Covid-19 ส่งผลต่อยอดขายของภาคธุรกิจในสปป.ลาว

ผู้ค้าปลีกในเวียงจันทน์กำลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งทำให้ยอดขายลดลงและยังส่งผลให้มีการเลื่อนงานแสดงสินค้าและนิทรรศการออกไปหลายงาน แม้ว่าห้างสรรพสินค้ากำลังดำเนินการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด แต่ก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มจำนวนผู้มาเที่ยวห้าง โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมายอดขายของผู้ประกอบการลดลงร้อยละ 70 ในช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ต้องมีการปรับรูปแบบช่องทางการชายไปเน้นทางการขายออนไลน์มากขึ้น ในปีนี้ภาคธุรกิจต้องรับมือกับสถานการณ์ที่อาจมีผลต่อธุรกิจ ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจทั่วโลกล้วนมีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยของคนในสปป.ลาว ภาครัฐควรมีนโยบายในการเข้ามาช่วยสนับสนุนธุรกิจในขณะนี้ทั้งนี้ในส่วนธุรกิจเองก็ควรมีการรับมือและปรับตัวให้สามารถผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้  

ที่มา  : http://annx.asianews.network/content/covid-19-vendors-unable-sell-wares-make-profit-115471

ข้อตกลงสร้างเขื่อนในกัมพูชามูลค่าโครงการ 800,000 เหรียญสหรัฐในการบำบัดน้ำ

บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ Sinohydro Kamchay ของจีนวางแผนที่จะเริ่มก่อสร้างฝายน้ำล้นมูลค่า 800,000 เหรียญสหรัฐในจังหวัดกำปอต ซึ่งการประกาศดังกล่าวได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมกับบริษัทไฟฟ้าพลังน้ำ Sinohydro Kamchay โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมกล่าวว่าการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของมิตรภาพที่แข็งแกร่งระหว่างกัมพูชาและจีน ซึ่งโครงการจะสามารถกักเก็บน้ำได้ 1,770 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีจากเขื่อนใน Preak Kampong Bai และจะไหลผ่านเขื่อนพลังน้ำใน Kamchay และจะถูกนำไปผ่านกระบวนการบำบัดที่โรงงานบำบัดน้ำที่กัมปอตโดยให้น้ำที่ผ่านการบำบัด 22 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยเขื่อนแห่งใหม่จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาแหล่งน้ำสะอาดในกัมพูชาโดยเฉพาะในจังหวัดกำปอด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50700257/800k-dam-deal-inked-to-provide-clean-water

รัฐบาลกัมพูชาจัดตั้งกองทุนมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

รัฐบาลกัมพูชาประกาศเตรียมกองทุนสำรองฉุกเฉิน 800-2,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของกัมพูชาหลังจากการระบาดของ COVID-19 โดยในสถานการณ์แรกได้รับงบประมาณอยู่ที่ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ หากการระบาดดำเนินการต่อเป็นระยะเวลาหกเดือน สำหรับสถานการณ์ที่สองหากการระบาดยังคงอยู่นานกว่าหนึ่งปีจะใช้เงินจากกองทุนช่วยเหลือ 2,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องในการเปลี่ยนแปลงการชะลอตัวที่เกิดขึ้นในภาคส่วนต่างๆของประเทศอันเป็นผลมาจากไวรัส โดยกองทุนช่วยเหลือจะได้รับการอำนวยความสะดวกจาก รัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) และ IMF ประกาศว่าพวกเขาพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่ง ADB กล่าวว่า COVID-19 จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจกับประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย โดยในกรณีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับกัมพูชา ABD ประมาณการว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะลดลงถึง 856.5 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3.5%  ของ GDP

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50700267/government-pledges-2billion-fund-for-economy

AIS ขึ้นสัญญาณ 5G บนมือถือรายแรก ในอาเซียน

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด กลุ่มลูกค้าทั่วไป บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า หลังจากที่ GSMA สมาคมผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมที่มีสมาชิกมากกว่า 800 รายทั่วโลก ได้ประกาศรับรองให้ เอไอเอสเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่พร้อมให้คนไทยได้ใช้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ อย่างเป็นทางการแล้ว และยังเป็นการนำชื่อเสียงประเทศไทยสู่แวดวงโทรคมนาคมโลก พร้อมปักหมุดไทยเป็นประเทศแรกที่ให้บริการ 5G บนมือถือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สำเร็จ “จากเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา เอไอเอสได้เข้าชำระเงินค่าคลื่น 2600 MHz งวดแรก เรียบร้อยแล้ว และได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 2600 MHz เพื่อให้บริการ 5G อย่างเป็นทางการ เป็นรายแรกและรายเดียวในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังร่วมกับภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม นำประโยชน์ของ 5G มาสนับสนุนการทำงาน อาทิ หุ่นยนต์ที่ช่วยภาคสาธารณสุขรับมือกับไวรัสโควิด-19, ทดสอบการใช้5G ในกิจการท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า ควบคุมเครนยกตู้สินค้าได้จากระยะไกล รวมถึงเอไอเอสยังเป็นรายแรก ที่เริ่มเปิดให้บริการ 5G International Roaming เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่เดินทางไปต่างประเทศได้ใช้งาน 5G โดยเริ่มต้นกับ Swisscom ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, Etisalat ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเร็วๆ นี้ กับ China Unicom สาธารณรัฐประชาชนจีน และ SK Telecom ประเทศเกาหลีใต้ อีกด้วย“ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเอไอเอสที่พร้อมนำ 5G มาพลิกโฉมและยกระดับประเทศไทยไปอีกขั้นผ่านการผลักดันนวัตกรรมสู่การบริหารจัดการสาธารณูปโภค, ภาคอุตสาหกรรมภาคการผลิตเพื่อเสริมขีดความสามารถอันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่คนไทยต่อไป”

ที่มา : https://www.posttoday.com/economy/news/617198

VN-Index ดิ่งสุดในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา

ดัชนี VN-Index ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ปิดที่ 835.49 จุด ณ วันที่ 9 มีนาคม ทำสถิติแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2545 โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามาจากผลกระทบเชิงลบของไวรัสโควิด-19 ในทั่วโลกและเวียดนาม ซึ่งในตลาดหุ้น HOSE นั้นมีเพียง 34 หุ้นที่สามารถเติบโต 386 หุ้นที่ลดลง และอีก 14 หุ้นยังคงทรงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นทั้งหมดในดัชนี VN30 ประกอบไปด้วยหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุดและมีสภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ซึ่งขาดทุนในวันนี้ ขณะที่ ดัชนี HNX Index ปิดที่ 106.34 จุด สำหรับนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นด้วยมูลค่า 229.61 พันล้านด่ง (9.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์และมูลค่า 2 พันล้านด่งในตลาดหลักทรัพย์ฮานอย

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vnindex-hits-rock-bottom-in-past-18-years-411121.vov