สถิติการลาออกจากโรงเรียนของเด็กในแขวงบ่อแก้วมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ

มีเด็กมากกว่า 5,000 คนในแขวงบ่อแก้ว ลาออกจากโรงเรียนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ในช่วงปีการศึกษา 2566-2567 ตามรายงานของกรมการศึกษาและการกีฬาประจำแขวงบ่อแก้ว โดยระบุว่าอัตราการลาออกจากโรงเรียนกลางคันที่น่าตกใจนี้ เกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงระยะห่างของโรงเรียนจากบ้านเด็ก การไม่มีหอพักนักเรียน ปัญหาทางการเงินที่หลายครอบครัวต้องเผชิญ ส่งผลให้เด็กๆ ต้องหางานทำ และความเชื่อที่ว่าการศึกษาต่อไม่มีคุณค่า ซึ่งได้ขัดขวางไม่ให้เด็กจำนวนมากก้าวเข้าสู่การศึกษาในระดับอุดมศึกษา ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาของลาวระบุว่า ในปี 2566 มีเด็ก 2,772 คน ยุติการศึกษาก่อนกำหนดในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย และในปี 2567 มีเด็กที่ต้องลาออกจากโรงเรียนกลางคันอีก 3,009 คน รวมเป็นเด็ก 5,781 คน นอกจากนี้ การขาดแคลนครูก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในเขตเมืองและชนบทของประเทศ ส่งผลให้สมาชิกรัฐสภาจำนวนมากเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อรับมือความท้าทายเหล่านี้

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/20/bokeo-province-sheds-lights-on-student-drop-out-trend/

สปป.ลาว แสดงวิสัยทัศน์บนเวทีสหประชาชาติในฐานะประธานอาเซียน

เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวร สปป.ลาว ในฐานะประธานอาเซียนประจำสหประชาชาติ ได้กล่าวในที่ประชุมสหประชาชาติ โดยเน้นย้ำให้ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในการจัดการกับความท้าทายระดับโลก ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ และส่งเสริมการเจรจาระหว่างประเทศ ในฐานะภูมิภาคอาเซียนยึดมั่นในหลักการพหุภาคี อาเซียนเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการประชุมสมัชชาใหญ่ที่ได้รับการฟื้นฟู ซึ่งสะท้อนถึงภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป และรับประกันว่าเสียงของทุกชาติจะถูกรับฟัง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_38_Asean_y24.php

สปป.ลาว-รัสเซีย ตกลงขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน

ผู้นำรัฐบาลสปป.ลาว-รัสเซีย เห็นพ้องที่จะยกระดับความร่วมมือในด้านการเงินและการธนาคาร การท่องเที่ยว ผลประโยชน์ทางวัฒนธรรม การศึกษา สุขภาพ และความมั่นคงด้านข้อมูลระหว่างประเทศ ตลอดจนการสนับสนุนซึ่งกันและกันในเวทีระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เช่น เวทีสหประชาชาติและอาเซียน แผนความร่วมมือดังกล่าวนี้ได้รับการเห็นชอบร่วมกันระหว่างนาย Andrey Rudenko รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียและคณะผู้แทนรัฐบาลรัสเซีย กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ สปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_37_LaosRussia_y24.php

กระทรวงการคลัง สปป.ลาว ออกกฎระเบียบภาษีใหม่สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

กระทรวงการคลัง สปป.ลาว ได้ประกาศกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการชำระภาษีภาคบังคับสำหรับแพลตฟอร์มช้อปปิ้งดิจิทัลทั้งหมด กฎระเบียบดังกล่าวแบ่งประเภทเว็บไซต์ช้อปปิ้งแพลตฟอร์มดิจิทัลออกเป็นสามกลุ่ม ได้แก่ องค์กรที่จดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) องค์กรขนาดเล็กและบุคคลธรรมดา นิติบุคคลและองค์กรขนาดใหญ่ โดยองค์กรที่จดทะเบียนกับระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องระบุหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีและใบรับรองภาษีมูลค่าเพิ่มในโฆษณาสำหรับการขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ พวกเขายังต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบทุกครั้งที่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจขนาดย่อมไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อเก็บภาษี แต่ต้องแสดงหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีในการโฆษณา ทั้งนี้ เฉพาะองค์กรที่จดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เท่านั้น ที่ต้องเชื่อมต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับระบบการจัดการข้อมูลรายได้ภาษี (TaxRIS)

ที่มา : https://laotiantimes.com/2024/02/20/lao-government-rolls-out-new-tax-regulations-on-e-commerce/

สปป.ลาว จับตาการเชื่อมโยงพลังงานกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น

สปป.ลาว หวังที่จะกระชับความร่วมมือให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อเอาชนะความท้าทายในการพัฒนาพลังงานกับประเทศอาเซียนอื่นๆ โดยมีความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งจะหารือในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านพลังงานของอาเซียนในเดือนมิถุนายน 2567 นอกจากนี้ ที่ประชุมยังจะหารือถึงแนวทางในการเปลี่ยนผ่านไปสู่แหล่งพลังงานทดแทนใหม่ๆ เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ หน่วยงานด้านพลังงานของภูมิภาคจะหารือถึงความสำคัญของการบูรณาการโครงข่ายไฟฟ้าของอาเซียน เพื่อรับประกันเสถียรภาพด้านพลังงานระหว่างประเทศสมาชิก และความจำเป็นที่จะต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ หน่วยงานด้านพลังงานของลาวแจ้งให้สมาชิกอาเซียนคนอื่นๆ เกี่ยวกับแผนพลังงานที่มีลำดับความสำคัญของตนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสพิเศษด้านพลังงานของอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดหลวงพระบางเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_36_Laos_eyes_y24.php

รัฐบาล สปป.ลาว อนุมัติโครงการศึกษาสร้างท่าเทียบเรือหลวงน้ำทา

การศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างท่าเรือ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ พื้นที่การค้าและบริการ และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรในเขตเมืองลอง แขวงหลวงน้ำทา โดยจะเริ่มดำเนินการหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กระทรวงการวางแผนและการลงทุน และบริษัท นิว คอนเซ็ปต์ คอนซัลติ้ง จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ หากโครงการได้รับการอนุมัติจะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงโยธาธิการและการขนส่ง เพื่อพัฒนาแม่น้ำโขงให้เป็นทางน้ำที่ได้มาตรฐานสากลสำหรับการขนส่งเชิงพาณิชย์ในแม่น้ำโขงและล้านช้าง โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล สปป.ลาว และจะสร้างให้ได้มาตรฐานสากล สถานที่ก่อสร้างที่เสนออยู่ในเชียงกกและหมู่บ้านอื่นๆ อีก 11 หมู่บ้านในเขตเมืองลองและจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 44,260,311 ตารางเมตร

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_36_Govt_y24.php

ไทย-สปป.ลาว เตรียมผลักดันด่านชายแดนถาวรแห่งใหม่ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า

เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจากทั้งไทยและ สปป.ลาว ได้หารือเกี่ยวกับการปรับปรุงจุดตรวจเชื่อมระหว่างหมู่บ้านปักสะพาน เมืองละคอนเพ็ง แขวงสาละวัน สปป.ลาว กับบ้านปากแสง อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย จุดตรวจนี้เกิดขึ้นจากข้อจำกัดสำหรับสินค้าบางประเภทที่จำกัดการขายและการขนส่ง ณ จุดตรวจ คาดว่าการพัฒนาในครั้งนี้จะปูทางไปสู่การเปิดการค้าข้ามพรมแดนโดยสมบูรณ์ โดยมีกำหนดจะเริ่มการพัฒนาภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยประเมินมูลค่าการค้าบริเวณจุดตรวจนี้มีมูลค่าเกิน 2.8 พันล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 77.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และในอนาคตมีแผนที่จะสร้างสะพานมิตรภาพลาว-ไทยแห่งที่ 6 ที่จะย่นเส้นทางการค้าจากไทยไปยังเมืองดานัง ประเทศเวียดนามลงอย่างมาก โดยลดเหลือ 137 กิโลเมตร เพื่อส่งเสริมการค้าในระดับภูมิภาค และคาดว่าจะช่วยปรับปรุงการเคลื่อนย้ายสินค้า ผู้คน และบริการ ส่งเสริมการค้าระหว่างลาว ไทย และเวียดนามได้มากขึ้น

ที่มา: https://laotiantimes.com/2024/02/19/laos-thailand-to-implement-permanent-border-checkpoint-boost-trade-cooperation/

รัฐบาล สปป.ลาว ไฟเขียวโครงการพลังงานลม 1,200 เมกะวัตต์ ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน

รัฐบาล สปป.ลาว ได้ลงนามในข้อตกลงการพัฒนาโครงการพลังงานลม PDA กับบริษัท Savan Vayu Renewable Energy Co., Ltd. (SVARE) โดยเป็นโครงการพลังงานลมขนาด 1,200 เมกะวัตต์ ในพื้นที่เมืองเซปอน แขวงสะหวันนะเขต ถือเป็นการพัฒนาพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดของ สปป.ลาว ในปัจจุบัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ และมีส่วนสนับสนุนความมั่นคงด้านพลังงานของภูมิภาค โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จครั้งสำคัญของ สปป.ลาว ในการนำพาประเทศสู่การผลิตและใช้พลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่เพียงแต่สนับสนุนความต้องการพลังงานภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างสถานะของลาวในฐานะผู้ส่งออกพลังงานไฟฟ้าที่น่าเชื่อถือได้ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกไฟฟ้าไปยังเวียดนาม ซึ่งมีส่วนสนับสนุนความมั่นคงและความร่วมมือด้านพลังงานในภูมิภาค ทั้งนี้ คาดว่าโครงการพลังงานลมนี้จะเปิดดำเนินการได้ภายในต้นปี 2569 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนของลาวอย่างมีนัยสำคัญ และสนับสนุนเป้าหมายในการบรรลุเป้าหมายพลังงานหมุนเวียนภายในปี 2573

ที่มา: https://laotiantimes.com/2024/02/16/lao-government-green-lights-largest-wind-power-project-to-date/

หอการค้าฯ สปป.ลาว มองอินเดียเป็นตลาดส่งออกสินค้าขนาดใหญ่ของลาวได้

หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว ได้จัดการประชุมธุรกิจลาว-อินเดีย ในเวียงจันทน์ โดยมีผู้นำทางธุรกิจมากกว่า 170 ราย จากกว่า 100 บริษัทเข้าร่วม นายทนงสิน กัลยา รองประธานบริหารหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว กล่าวว่า “อินเดียมีศักยภาพอย่างมากในการส่งออกสินค้าจากลาวไปขาย รวมถึงการลงทุนด้านอุตสาหกรรมในประเทศลาว การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสในการหารือเกี่ยวกับรูปแบบการลงทุนที่สามารถส่งเสริมการค้าระหว่างลาวและอินเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ” หวังว่าผู้ประกอบธุรกิจชาวอินเดียและสภาธุรกิจอาเซียน-อินเดีย จะช่วยส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาในประเทศลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมมือกับบริษัทลาวในภาคส่วนต่างๆ เพื่อการพัฒนาและผลกำไรร่วมกัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของ สปป.ลาว เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าระหว่างลาวและอินเดียมีมากกว่า 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 ลดลง 15.57% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยลาวนำเข้าสินค้าจากอินเดียมูลค่า 25.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายสินค้ามูลค่า 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับอินเดีย ซึ่งถือว่าไม่มากนัก แต่มีศักยภาพที่จะขยายตัวได้ ด้านการลงทุนตั้งแต่ปี 2551-2565 บริษัทอินเดียได้จดทะเบียนเงินลงทุนประมาณ 314 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้จัดตั้งธุรกิจ 311 แห่ง ใน สปป.ลาว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freefreenews/freecontent_34_India_y24.php