เมียนมาจ่อให้วีซ่าจีน-อินเดียหวังดึงนักท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ

โกลบอล นิว ไลต์ ออฟ เมียนมา สื่อท้องถิ่นเมียนมารายงานว่า รัฐบาลมีแผนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียสามารถรับการตรวจลงตราที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเดินทางมาถึงโดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวล่วงหน้า (visa on arrival) หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ยังไม่แน่ชัดว่าจะเริ่มต้นเมื่อใดแต่มีกำหนดทดลองโครงการนี้เป็นเวลา 1 ปี ผู้ได้รับวีซ่าจะได้รับอนุญาตให้เยี่ยมชมสถานที่ได้ทั้งหมด ยกเว้นพื้นที่หวงห้ามเท่านั้นด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ปัจจุบันพลเมืองของทั้ง 2 ชาติ ต้องยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์หรือที่สถานทูตเมียนมา ขณะที่เมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาสายการบินเมียนมา แอร์เวย์ส อินเตอร์เนชั่นแนล สายการบินแห่งชาติเริ่มเที่ยวบินตรงจากนครย่างกุ้งและเมืองมัณฑะเลย์ ไปยังเมืองโนโวซีบีร์สก์ เมืองใหญ่อันดับ 3 ของรัสเซีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตพลังงานนิวเคลียร์และเทคโนโลยีรายใหญ่

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2725600

‘เวียดนาม’ เผยยอดขายรถยนต์ เดือน ส.ค. ลดลง 9%

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) เปิดเผยว่าตลาดรถยนต์ของเวียดนามในเดือน ส.ค. เผชิญกับความยากลำบาก โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์เชิงพาณิชย์ หลังจากยอดขายรถยนต์ในเดือน ก.ค. เติบโตดีขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนลดลง 50%

ทั้งนี้ จากรายงานของสมาคมฯ ระบุว่ายอดขายรถยนต์ในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 22,549 คัน ลดลง 9% จากเดือนก่อน และ 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ วงในของตลาดรถยนต์ ระบุว่าสาเหตุที่ยอดขายรถยนต์ในเวียดนามลดลงมาจากหลายปัจจัย รวมถึงปัญหาทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภค อีกทั้ง ปัจจัยทางวัฒนธรรมที่อยู่ในช่วงเดือน 7 ถือเป็นเดือนแห่งผี ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของคนเวียดนามลดลง

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/1593839/automobile-sales-fall-9-per-cent-in-august-vama.html

‘LEGO’ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในเวียดนาม ช่วงครึ่งหลังปีหน้า

บริษัทผลิตของเล่นระดับโลก “LEGO” เปิดเผยว่าโรงงานของบริษัทที่ตั้งอยู่ในจังหวัดบิ่นห์เยือง (Binh Duong) เตรียมที่จะผลิตของเล่นชิ้นแรกในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ขณะที่ Preben Elnef รองประธานของ LEGO Group กล่าวว่าโรงงานแห่งนี้มีแรงงานกว่า 2 พันคน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 44 เฮกตาร์ในนิคมอุตสาหกรรมเวียดนาม-สิงคโปร์ และมีแนวโน้มว่าจำนวนคนงานจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปีนี้ นอกจากนี้ โรงงานแห่งนี้นับเป็นโรงงานแห่งที่ 6 ของบริษัท และยังเป็นโรงงานแห่งที่ 2 ในเอเชียที่เป็นโรงงานคาร์บอนแห่งแรกของบริษัท โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/companies/lego-plant-in-vietnam-to-start-launching-products-in-h2-next-year-4654152.html

‘ค้าชายแดนเมียนมา-บังกลาเทศ’ ทะลุ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วง 5 เดือน

ตามข้อมูลสถิติของกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเมียนมามียอดการค้าข้ามพรมแดนกับบังกลาเทศ อยู่ที่ 7.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านเส้นทางเมืองสำคัญอย่างมองดอว (Maungdaw) และซิตเว (Sittwe) ในช่วง 5 เดือนของปีงบประมาณ 2566-2567 ทั้งนี้ การค้าผ่านมองดอว มีมูลค่า 5.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าการค้าผ่านซิตเว อยู่ที่ประมาณ 1.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าทั้งสองประเทศมีระยะทางเพียง 70 ไมล์ทะเล แต่การขนส่งของเรือบรรทุกสินค้าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในฤดูมรสุม

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-bangladesh-border-trade-values-cross-us7-mln-over-past-five-months/#article-title

ไทย-สปป.ลาว หารือกำหนดมาตรการใหม่ หวังกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว

เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ไทย และ สปป.ลาว ได้หารือร่วมกันถึงมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยจะเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างกัน และเร่งสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ณ อำเภอปากชม จังหวัดเลย ด้านนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วย นายณรงค์ จีนอ่ำ พล.ต.ปริชญ์ สุคันธศรี ผู้บัญชาการทหารบกที่ 28 และคณะเจ้าหน้าที่ต่างๆ เข้าพบนายคำพัน สิดทิดำพา ผู้ว่าราชการจังหวัดเวียงจันทน์ ของ สปป.ลาว ณ โรงแรม S Vangvieng Boutique Hotel ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นการประชุมด้านความมั่นคงชายแดนไทย-สปป.ลาว ครั้งที่ 20 โดยได้มีการหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ภายหลังการตัดสินใจของรัฐบาลไทยในการอนุมัตินโยบายฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งสปป.ลาว วางแผนที่จะยกระดับเมืองชายแดนอย่างเวียงจันทน์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาจากประเทศไทยแล้วอาจมีการเดินทางท่องเที่ยวต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดเลยหวังเป็นอย่างมากว่าโครงการต่างๆ จะส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ ระหว่าง สปป.ลาว และไทย ต่อไปในอนาคต

ที่มา : https://www.bangkokpost.com/thailand/general/2648313

รมว.แรงงานกัมพูชา วอน JICA สนับสนุนการฝึกอาชีพ หวังดัน GDP โต 7%

Heng Sour รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมวิชาชีพ ได้ร้องขอให้หน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ในกัมพูชา ดำเนินการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในการฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษาต่อไป เพื่อเพิ่มแรงผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาเป็นถึงร้อยละ 7 โดยคำร้องขอดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุมกับ Sanui Kazumasa ประธาน JICA ณ กระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าการเสริมสร้างการฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษาเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดการลงทุนมายังกัมพูชามากขึ้น โดยเฉพาะจากนักลงทุนชาวญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญสำหรับกัมพูชาในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ถึงประมาณน้อยละ 7 ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือต่อไป เพื่อเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลญี่ปุ่นยังได้ยกระดับความสัมพันธ์เป็น “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม” ภายในปี 2023

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501361304/labour-minister-asks-jica-to-continue-vocational-technical-training-to-boost-cambodias-economic-growth-to-7/

สหพันธ์ข้าวกัมพูชา ตั้งเป้าส่งออกข้าวสารแตะ 1 ล้านตัน ภายในปี 2025

สหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) ตั้งเป้าส่งออกข้าวทะลุ 1 ล้านตัน ภายในปี 2025 โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี กัมพูชาส่งออกข้าวสารกว่า 400,000 ตัน ไปยัง 56 ประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่สำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตข้าวของกัมพูชา ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาได้แจ้งว่าอินโดนีเซียวางแผนที่จะนำเข้าข้าวจากกัมพูชาจำนวน 250,000 ตันต่อปี ซึ่งเหตุดังกล่าวนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้ปริมาณการส่งออกข้าวของกัมพูชาถึงเป้าหมายเร็วขึ้น โดยอินโดนีเซียจะเริ่มนำเข้าข้าวจากกัมพูชาภายในปี 2024 ภายใต้ข้อตกลงที่ได้ลงนามไว้ระหว่าง 2 รัฐบาล นอกจากนี้ ประเทศอื่นๆ อย่างเช่น ฟิลิปปินส์ ยังแสดงความสนใจที่จะนำเข้าข้าวจากกัมพูชาเพิ่มเติมอีกด้วย สำหรับภาครัฐและภาคเอกชนพร้อมที่จะทำการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการลงทุนในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรให้ทันสมัย และการใช้มาตรการควบคุมคุณภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตข้าวให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501361211/cambodian-rice-federation-reports-record-rice-exports-on-track-to-reach-1-million-tonnes-by-2025/

‘เวียดนาม’ เผยส่งออกไม้ โต 14.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2566

Nguyen Chanh Phuong รองประธานสมาคมหัตถกรรมและอุตสาหกรรมไม้นครโฮจิมินห์ (HAWA) กล่าวว่าการส่งออกไม้ของเวียดนามมีแนวโน้มจะทำรายได้สูงถึง 14.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากประเมินตั้งแต่ต้นปีนี้ เห็นได้ว่าการส่งออกไม้และเฟอร์นิเจอร์ทำด้วยไม้ยังคงซบเซา โดยคำสั่งซื้อของธุรกิจส่วนใหญ่มีปริมาณน้อย ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ทำรายได้เพียง 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่เดือน พ.ค. ธุรกิจเวียดนามนำเข้าวัตถุดิบไม้จำนวนมาก ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 5-10% ต่อเดือน ส่งสัญญาณว่าภาคธุรกิจได้เตรียมรับกับคำสั่งซื้อช่วงสิ้นปี

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/vietnams-wood-export-likely-to-hit-us145-billion-in-2023-post1045768.vov

‘เวียดนาม’ คาดรับอานิสงส์ส่งออกปลาทูน่าไปยังสหราชอาณาจักรดีขึ้น

สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลของเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าการส่งออกปลาทูน่าไปยังสหราชอาณาจักร (UK) ในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีมุมมองชิงบวก เนื่องจากเวียดนามมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันจากข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหราชอาณาจักร – เวียดนาม รวมถึงข้อตกลงความครอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (CPTPP) ที่สร้างโอกาสอาหารทะเลของเวียดนาม โดยเฉพาะปลาทูน่าที่สามารถเข้าถึงตลาดสหราชอาณาจักรได้ นอกจากนี้ กรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกปลาของเวียดนาม มีมูลค่าเกินกว่า 4.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnams-tuna-exports-to-uk-positive-in-coming-months-association/267929.vnp

‘เมียนมา’ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วง ม.ค.-ส.ค. ทะลุ 7 แสนคน

กระทรวงโรงแรมและการท่องเที่ยวของเมียนมา เปิดเผยว่าเมียนมาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 จำนวนกว่า 751,216 คน และนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเยือนเมียนมา ได้แก่ จีน ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และอินเดีย ซึ่งจากตัวเลขของนักท่องเที่ยวต่างชาติข้างต้น แสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นหากเทียบกับทั้งปี 2565 ทั้งนี้ เมียนมามีแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวในด้านต่างๆ อาทิเช่น จัดงานมหกรรมท่องเที่ยวครั้งแรกในเดือน ม.ค. ปีนี้ นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค เพื่อที่จะส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด

ที่มา : https://www.myanmarnews.net/news/273965411/myanmar-receives-751216-intl-tourists-in-january-august