อุตสาหกรรม ICT ของเวียดนาม ทำรายได้ราว 126 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (MIC) เปิดเผยว่าจำนวนธุรกิจเวียดนามที่อยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology : ICT) มีทั้งสิ้น 45,500 ราย รวมถึงบริษัทลงทุนจากต่างชาติ ที่ทำรายได้รวมประมาณ 126 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เวียดนามติด 1 ใน 20 ประเทศที่ใช้ถึงอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในโลก ประมาณ 68.17 ล้านคน (70% ของประชากรรวม) ชาวเวียดนามส่วนใหญ่ร้อยละ 94 ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ ใช้งานเฉลี่ยสูงสุด 6 ชั่วโมงต่อวัน ประกอบกับอินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่จำเป็นกับทุกคนและชาวเวียดนามมองเห็นประโยชน์ในการใช้อินเทอร์เน็ต เนื่องจากอินเทอร์จะก้าวข้ามเข้าสู่ระบบนิเวศเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติจัดอันดับดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (EGDI) ของเวียดนามอยู่ที่ 86 ดีขึ้น 2 อันดับ และได้คะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียและโลก ขณะที่ ปัจจุบัน ผลการจัดอันดับการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนามในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อยู่อันดับที่ 6 รองจากฟิลิปปินส์ บรูไน ไทย มาเลเซียและสิงคโปร์

ที่มา : https://vietreader.com/business/finance/27149-vietnam-ict-industry-reaches-estimated-us126-billion-revenue-in-2020.html

เวียดนามเผยยอดขายรถยนต์เดือนพ.ย. บรรลุเป้าหมายการขายของปี

ตามข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) ระบุว่ายอดขายรถยนต์เดือนพ.ย. มีทั้งสิ้น 36,359 คัน นับว่าสูงที่สุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาในปีนี้ ถึงแม้จะเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม โดยตัวเลขยอดขายข้างต้นนั้น สูงกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน ร้อยละ 22 ส่งผลให้เดือนพ.ย. เป็นเดือนที่ 3 ที่ทำให้บรรลุเป้าหมายการขายในปีนี้ หลังจากเดือนก.พ. และต.ค. อย่างไรก็ตาม การระบาดของไวรัส ส่งผลให้ยอดขายดิ่งลงในเดือนอื่นๆ ทั้งนี้ รถยนต์ส่วนบุคคลมีสัดส่วนร้อยละ 79 ของยอดขายทั้งหมด ในขณะที่ รถยนต์เชิงพาณิชย์มีสัดส่วนราวร้อยละ 20 และรถที่มีวัตถุประสงค์พิเศษสำหรับส่วนที่เหลือ นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากในเดือนเม.ย. และสิ.ค. ได้รับความเสียหายจากการระบาดครั้งใหญ่

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/data-speaks/november-auto-sales-achieve-year-record-4207319.html

ธุรกิจเวียดนามและจีน ลงนามสัญญาราว 760 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ธุรกิจเวียดนามลงนามสัญญา 18 ฉบับกับทางผู้ประกอบการจีน ด้วยมูลค่า 758.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในงานแสดงสินค้าชายแดนเวียดนาม-จีน ครั้งที่ 20 เกี่ยวกับธุรกรรมการส่งออก-นำเข้าแร่โลหะ, สารเคมี, สินค้าทางการเกษตร ป่าไม้และประมง และปุ๋ย เป็นต้น โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นับว่าเป็นครั้งแรกที่จัดงานในลักษณะ Virtual Platform เนื่องจากอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของงานนี้ เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวระดับทวิภาคีระหว่างเมืองลาวไค (Lao Cai) – มฑฉลยูนนาน (Yunnan) มีส่วนทำให้ส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-china-firms-sign-contracts-worth-nearly-us760-million-at-trade-fair-315354.html

เวียดนามเกินดุลการค้าพุ่ง 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้

กรมศุลกากรเวียดนาม (GDVC) เปิดเผยว่าเวียดนามเกินดุลการค้า 754 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤศจิกายน และส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าสูงถึง 20.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤศจิกายน มูลค่าการส่งออก 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ในขณะที่ มูลค่าการนำเข้า 24.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญที่เพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.1 รองลงมาเครื่องนุ่งห่ม (31.9%), เครื่องจักรและส่วนประกอบ (14.1%), รองเท้า (24.6%), ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้ (29.4%) และอื่นๆ ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกรวม 254.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมูลค่าการนำเข้ารวม 234.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า มองว่าผลการดำเนินงานทางการค้าของเวียดนามนั้นอยู่ในทิศทางที่เป็นบวก เนื่องมาจากการเข้าร่วมข้อตกลงการค้าเสรีหลายฉบับ เช่น ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และความตกลงเขตการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA)

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-trade-surplus-further-expands-to-us2006-billion-in-11-months-315366.html

ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามมีทิศทางดีขึ้น หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ตามรายงานของบริษัท KIS Vietnam Securities Corporation (KIS) เปิดเผยว่าดัชนี VN ตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีแรก เป็นผลมาจากการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ไม่ได้คำนึงถึงว่าพรรคใดจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้หรือแนวโน้มตลาด ก่อนจะทราบผลการเลือกตั้งดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ผลการวิเคราะห์ตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 5 ครั้งที่ผ่านมา พบว่าการเลือกตั้งในปีนี้ ดัชนีหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มลดลงหรือเคลื่อนไหวไปด้านข้างมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งและความไม่แน่นอนของนโยบายใหม่ ทั้งนี้ เมื่อนายโจ ไบเดน ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป ส่งผลเกิดการเคลื่อนย้ายห่วงโซ่อุปทานจากจีนไปยังเวียดนาม เนื่องจาก พรรคเดโมแครตสนับสนุนนโยบายการคุ้มกัน รวมถึงตลาดหุ้นเวียดนามจะได้รับการส่งเสริมจากสหรัฐฯ จากการรับมือกับการระบาดของไวรัส ทำให้ไบเดนดำเนินขยายเงินกู้แก่ธุรกิจขนาดเล็ก การเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำและการให้เงินกับครอบครัว นอกจากนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่ดึงดูดกองทุนจากจากต่างชาติมากที่สุด อันดับที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยดัชนี VN-Index เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.46 แตะระดับ 1,045 จุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้กิจขนาดเลือกับการระบาดของไวรัส ทำให้ไบเดนดำเนินขยายเงินก

  ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vn-index-tends-to-rise-after-us-elections-report-4205772.html

เวียดนามอาจก้าวเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูงในปี 2566

ศูนย์เพื่อการวิจัยเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (Japan Center for Economic Research – JCER) คาดการณ์เศรษฐกิจในระยะกลางในภูมิภาคเอเชีย หัวข้อ “พิษโควิด-19 ในเอเชีย” ผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และส่องเศรษฐกิจในเอเชียเมื่อเทียบกับประเทศทั่วโลก ในสถานการณ์ปกตินั้น ทางศูนย์ฯ มองว่าการระบาดของไวรัสเป็นแค่เหตุการณ์ชั่วคราว ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะกลาง ภายใต้การตั้งสมมติฐานว่ามีเพียงประเทศจีน เวียดนามและไต้หวัน ที่สามารถรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในทิศทางเป็นบวกในปี 2563 ทั้งนี้ เวียดนามมีอัตราการเติบโตร้อยละ 6 ในปี 2578 เนื่องมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้จะช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนาม ทั้งในแง่ของขนาดเศรษฐกิจและผลักดันให้ก้าวเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย อีกทั้ง เวียดนามมีความพร้อมในเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบนในปี 2566 โดยมีรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 11,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนในปี 2578

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-may-become-uppermiddleincome-country-in-2023-japanese-centre/193135.vnp

เวียดนามตั้งเป้ายอดส่งออกเสื้อผ้า 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

สมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม (VITAS) เปิดเผยว่าภาคเครื่องนุ่งห่มได้ตั้งเป้ามูลค่าการส่งออก 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างแรงงานกว่า 3 ล้านคนในปี 2568 ซึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวนั้น อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มต้องใช้ประโยชน์จากผลของข้อตกลงการค้าเสรีที่เวียดนามร่วมลงนามกับประเทศพันธมิตร ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป (EVFTA),  ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก, ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ฯลฯ เป็นต้น รวมถึงทางสมาคมฯ จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงธุรกิจกับองค์กรระหว่างประเทศและลูกค้า เพื่อยกระดับตำแหน่งของเครื่องนุ่งห่มเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก นอกจากนี้ การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกกระโดดจาก 28.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2559 เป็น 38.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 อัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.55 ต่อปี และคาดว่าในปี 2563 จะมีมูลค่าส่งออกถึง 3.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/garment-sector-targets-55-billion-usd-from-exports-by-2025/193053.vnp

ด่งนายหวังดึงดูดเม็ดเงินลงทุน FDI เพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมการลงทุน

คณะกรรมการประชาชนจังหวัด ระบุว่าการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เป็นปัจจัยสำคัญของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด ในปี 2563-2568 โดยเป้าหมายดังกล่าว เพื่อให้จังหวัดเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุนต่างชาติในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และให้ความสำคัญกับโครงการที่เกี่ยวข้องด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้แรงงานน้อยและผลิตสินค้าที่สามารถแข่งขันกับเจ้าอื่นได้ อีกทั้ง ทางจังหวัดจะเร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ทักษะแรงงานและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงปฏิรูปการบริหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการลงทุน

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/dong-nai-hopes-to-attract-fdi-by-improving-investment-climate/193063.vnp

เอสแอนด์พี โกลบอล คาดเศรษฐกิจเวียดนามโตสูงที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก ปี 64 โต 10.9%

เวียดนามจะกลับมาบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปีหน้า คาดการณ์อัตราการเติบโตของ GDP ปี 2564 อยู่ที่ร้อยละ 10.9 นับว่าสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ นาย Vishrut Rana นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P) กล่าวว่าถึงว่าแม้มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัววัคซันในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ส่งผลไปในทิศทางที่เป็นบวกแก่กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก แต่เวียดนามก็ยังคงเป็นประเทศที่ขยายตัวได้ดีกว่าในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจ ด้วยสัดส่วนร้อยละ 6 ของ GDP และคาดว่าจะเผชิญกับความท้าทายในปีหน้า ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชนนั้น จะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติเร็วๆนี้ แต่การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวยังคงหดตัวลงอยู่ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตาม กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจเวียดนาม เนื่องมาจากความต้องการสินค้าเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ร้อยละ 2.5-3 ในปีนี้ และจะพุ่งขึ้นร้อยละ 6 ในปี 2564

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-gdp-to-record-highest-growth-in-asia-pacific-at-109-in-2021-sp-315173.html

ราคาส่งออกข้าวของเวียดนาม ปรับตัวพุ่งแตะ 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

หน่วยงานด้านการแปรรูปและพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวทั้งหมด 5.74 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแง่ของปริมาณ ลดลงร้อยละ 2.2 ในขณะที่ ด้านมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ตลาดส่งออกสำคัญของเวียดนามในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุด มีสัดส่วน 32.9% ของส่วนแบ่งการตลาดรวม ตามมาด้วยอินโดนีเซียและจีน อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวขาว 5% ในเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 495 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 498 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ ราคาข้าวขาว 5% ของไทย พุ่งสูงขึ้นจาก 466 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ 480 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน นอกจากนี้ ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ส่งผลให้การส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสหภาพยุโรปให้โควต้าสำหรับข้าวของเวียดนาม 80,000 ตันต่อปี ด้วยอัตราภาษีร้อยละ 0

ที่มา : https://vov.vn/en/economy/rice-export-price-soars-to-roughly-us500-per-tonne-822735.vov