เวียดนามมีความพร้อมทางด้านอีคอมเมิร์ซ

ตามรายงานการจัดอันดับดัชนีอีคอมเมิร์ซแบบธุรกิจ B2C เผยเวียดนามมีค่าดัชนี 61.6 คะแนน (เต็ม 100 คะแนน) อยู่ในระดับที่ดีกว่าอินโดนีเซีย (อันดับที่ 83) ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ (96), สปป.ลาว (101), กัมพูชา (117) และพม่า (130) การจัดอันดับดัชนีดังกล่าว พิจารณาตาม 4 ตัวชี้วัด ได้แก่ 1) ความสัมพันธ์ของการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่อยู่ในระดับสูง 2) ความน่าเชื่อถือของการจัดส่งพัสดุ 3) จำนวนประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ต และ 4) จำนวนประชากรที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ที่มีบัญชีกับสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์ ทั้งนี้ มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของทั่วโลก คาดว่าประมาณ 4.4 ล้านล้านด่องในปี 2561 เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม โควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซของเวียดนาม ขยายตัว 18% ในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 11.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีตัวเลขเติบโตในอัตราเลขสองหลักในภาคธุรกิจนี้ ท่ามกลางโควิด-19 ระบาด

  ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-moves-up-in-e-commerce-readiness-28362.html

การใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวเวียดนามเริ่มฟื้นตัวในปี 64

ตามข้อมูลของศูนย์วิจัย Fitch Solutions เปิดเผยว่าอัตราการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของเวียดนามในปี 2564 คาดว่าจะเติบโต 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของการใช้จ่ายผู้บริโภคเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2558-2562 ขยายตัวเฉลี่ย 6.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งหากแบ่งประเภทของการใช้จ่าย พบว่าคนเวียดนามส่วนใหญ่จะใช้จ่ายไปกับอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ คาดว่าในปี 2564 การใช้จ่ายในหมวดนี้จะเติบโต 6.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ค่าใช้จ่ายหมวดอื่น คาดว่าจะเติบโตลดลง เนื่องจากภาคครัวเรือนลดการใช้จ่ายในสินค้าที่ไม่จำเป็น รวมถึงธุรกิจปิดตัวลง ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยดังกล่าวเสนอให้รัฐใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคชาวเวียดนามและเศรษฐกิจในประเทศ ถึงแม้ว่าตัวเลขการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 2.5% ในปี 2563 นอกจากนี้ ธนาคารกลางเวียดนาม ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25-1% ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนมากขึ้น

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-consumer-spending-recovery-getting-underway-in-2021-316196.html

เวียดนามเผย ม.ค. ทำรายได้จากการส่งออกเครื่องนุ่งห่ม 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MoIT) ระบุว่าในเดือนมกราคม 2564 เวียดนามส่งออกเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ดัชนีผลผลิตเครื่องนุ่งห่มและดัชนีผลผลิตเสื้อผ้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.6% และ 9.9% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ นาย Vu Duc Gian ประธานสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนาม กล่าวว่าวิกฤตโควิด-19 จะยังคงสร้างผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 อย่างไรก็ตาม หากได้รับวัคซีนโควิด-19 ในไตรมาสแรกและไตรมาสสองของปี 2564 คาดว่าจะควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดดังกล่าวได้ และส่งผลให้ตลาดเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอกลับมาฟื้นตัวในที่สุด อีกทั้ง อุตฯ เครื่องนุ่งห่มจำเป็นต้องสร้างห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะประเทศที่ได้ร่วมลงนามการค้าเสรีกับเวียดนามและอาเซียน นอกจากนี้ ในปีที่แล้ว เวียดนามทำรายได้จากการส่งออกเครื่องนุ่งห่มประมาณ 35 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลมาจากการระบาดของเชื้อไวรัส และความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงเหตุการณ์อังกฤษแยกตัวออกจาก EU (Brexit)

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-earns-26-billion-usd-from-garment-exports-in-january/196399.vnp

แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกของเวียดนามอยู่ในทิศทางสดใส

ตามผลการสำรวจ ชี้ให้เห็นว่าบริษัทค้าปลีกเวียดนาม 47% ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างรุนแรง ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไรนัก และธุรกิจ 8% ได้รับผลกระทบเล็กน้อย ผู้คนส่วนใหญ่ปรับลดค่าใช้จ่ายหลังจากถูกเลิกจ้างหรือปรับลดเงินเดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ในขณะเดียวกัน ธุรกิจค้าปลีกเผชิญกับปัญหาขาดแคลนเงินทุนและภาวะหยุดชะงักด้านซัพพลายเชน อย่างไรก็ตาม นาย Vu Dang Vinh ผู้อำนวยการของ Vietnam Report กล่าวว่านักเศรษฐศาสตร์และคนวงในยังคงเชื่อมั่นต่อภาคค้าปลีกอยู่ในทิศทางที่ดี ตลอดจนความสะดวกในการซื้อของออนไลน์ ทั้งนี้ ‘ล็อตเต้มาร์ท’ ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เผยยอดขายออนไลน์เติบโต 100-200% โดยเฉพาะเมืองฮานอยและโฮจิมินห์

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/outlook-positive-for-vietnams-retail-market/196355.vnp

เวียดนามเผยยอดผู้โดยสารเดินทางช่วงเทศกาลเต็ด ลดลง 64.8%

ตามรายงานของคณะกรรมการความปลอดภัยการจราจรแห่งชาติ (NTSC) แสดงให้เห็นว่าความต้องการในการเดินทางลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเทศกาลเต็ด ผู้โดยสารชาวเวียดนามมีจำนวน 408,000 คน และปริมาณการขนส่งสินค้า 2,000 ตัน ลดลง 64.8% และ 54.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารและสินค้าที่ทำการขนส่งทางรถไฟต่างก็ลดลงเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันที่ 9 – 13 ก.พ. มีผู้โดยสารจำนวน 12,792 คน และปริมาณการขนส่งสินค้า 6,035 ตัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 33.56% ของจำนวนผู้โดยสารรวม และ 65.56% ของปริมาณการขนส่งเมื่อเทียบกับเทศกาลเต็ดปีก่อน อย่างไรก็ตาม การขนส่งทางน้ำยังคงราบรื่น ตลอดจนดำเนินการขนถ่ายสินค้า

  ที่มา : http://dtinews.vn/en/news/018/72532/tet-flight-passenger-numbers-plunge-by-64-8-.html

เวียดนามเผย ม.ค. นำเข้ารถยนต์ 212 ล้านเหรียญสหรัฐ

ตามข้อมูลของกรมศุลกากร ระบุว่าในเดือนมกราคม เวียดนามนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นราว 85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เป็นรถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ (CBU) จำนวน 8,343 คัน คิดเป็นมูลค่ารวม 212.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่จะนำเข้ารถยนต์จากไทยและอินโดนีเซีย จำนวน 4,341 คัน (84.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ 1,437 คัน (19.2 ล้านเหรียญสหรัฐ) ตามลำดับ ทั้งนี้ ในปี 2563 เวียดนามนำเข้ารถยนต์ทุกประเภทที่ผลิตในต่างประเทศ จำนวน 100,000 คัน ด้วยมูลค่ารวม 2.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 24.5% ในแง่ของปริมาณ และ 25.6% เมื่อเทียบกับปี 2561 อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นตลาดนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม จำนวน 52,647 คัน รองลงมาอินโดนีเซีย จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/vietnam-spends-over-us-212-million-importing-cars-in-january-28233.html

เศรษฐกิจเวียดนามโต 5.8% หากควบคุมพิษโควิด-19 ระบาดได้

สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจและนโยบายเวียดนาม (VEPR) คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัว 5.8% ในปีนี้ หากไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเขตชุมชน และส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศจะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจจะต่ำกว่าที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 6.5% อย่างไรก็ตาม สถาบันฯ ได้ทำการประเมินอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไว้ที่ 1.8% หากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและขัดขวางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เวียดนามมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 679 ราย นับตั้งแต่มีการระบาดในพื้นที่ชุมชน

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/economy-to-expand-5-8-pct-if-covid-19-outbreak-contained-4235863.html

การส่งออกเวียดนาม ปี 63 เติบโตได้อย่างน่าประทับใจ

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ‘เจโทร’ (JETRO) เปิดเผยว่าภาวะการส่งออกของ 6 ประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย ฟิลิปปินส์และเวียดนาม หดตัว 2.2% เมื่อเทียบกับปี 2562 ด้วยมูลค่าการส่งออกรวมที่ 1.35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เจโทรระบุว่าการส่งออกของเวียดนามไปยังญี่ปุ่น ลดลง 5.2% แต่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25.7% และจีน 18% อย่างไรก็ตาม การเกินดุลการค้าของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นกับสหรัฐฯ และการที่เวียดนามเข้ามาแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ชี้ว่านับเป็นครั้งแรกของเวียดนามที่เป็นประเทศที่มีการบิดเบือนค่าเงิน นอกจากนี้ เมื่อแยกเป็นประเทศในอาเซียน พบว่าไทยเกินดุลการค้าพุ่ง 144.5% เมื่อเทียบกับเวียดนามที่เพิ่มขึ้น 83.5%, สิงคโปร์ 43.9% และมาเลเซีย 25.6%

  ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-records-impressive-export-growth-in-2020/196297.vnp

LG ลงทุนโรงงานในเวียดนาม 750 ล้านเหรียญสหรัฐ

บริษัท LG Display ผู้ผลิตจอแสดงผลรายใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศเดินหน้าลงทุนเพิ่มอีก 750 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับโรงงานในเวียดนาม และเล็งขยายแผนการผลิตแผง OLED ต่อไป ทั้งนี้ เมืองไฮฟองได้อนุมัติแผนการลงทุนของบริษัทแอลจี ดิสเพลย์ สำหรับโรงงานที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของเวียดนาม  โดยค่าใช้จ่ายของการลงทุนในโครงการเมืองท่าของเวียดนาม อยู่ที่ 3.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตลอดจนบริษัทดังกล่าวเล็งถึงการขยายแผนการผลิตเพิ่มมากขึ้นในแผง OLED ในเดือนหน้าอย่างเร็วที่สุด และคาดว่าจะจ้างแรงงานอีกกว่า 5,000 คน นอกจากนี้ LG Display เป็นผู้ผลิตแผง OLED รายใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งโรงงานผลิตโมดูล OLED ในเวียดนามเมื่อปี 2559

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/lg-display-to-invest-another-us-750mil-for-its-vietnamese-plant-say-reports-28222.html

แขวงเซกองจะเปิดจุดผ่านแดนระหว่างประเทศแห่งแรกกับเวียดนาม

แขวงเซกองจะเปิดจุดผ่านแดนระหว่างสปป.ลาว-กับเวียดนามแห่งแรกในเดือนหน้าเพื่อบรรเทาการเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้คนระหว่างสองประเทศ นายเลอลักษณ์ ศิวิไล ผู้ว่าราชการแขวงกล่าวว่า   รัฐบาลสปป.ลาวและเวียดนามได้ตกลงที่จะยกระดับจุดผ่านแดน Dakta-ok-Nam Giang ที่มีอยู่ระหว่าง แขวงเซกองชายแดนสปป.ลาวและจังหวัด Quang Nam ชายแดนเวียดนาม จุดผ่านชายแดนดังกล่าวเป็นช่องทางที่สำคัญในการขนส่งสินค้าเพื่อทำการค้าระหว่างสองประเทศรวมถึงการเข้ามาของประชากรของทั้งสองประเทศ การยกระดับจุดผ่านแดนดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศภายใต้บริบทของสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 โครงการดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการอยู่บรรเทาการค้าของสองประเทศให้ยังคงเติบโตได้อีกครั้ง

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten_Xekong31.php