เวียดนามหันมานำเข้าถ่านหินจากสหรัฐฯ

บริษัท Vinacomin ผู้ผลิตถ่านหินหลักของเวียดนาม แถลงการณ์เมื่อวันพุธถึงปริมาณการนำเข้าถ่านหินจากแคลิฟอร์เนียไปยังจังหวัดกว่างนิญ ในเดือนนี้กว่า 21,700 ตัน ซึ่งจากข้อมูลของกรมศุลกากร ระบุว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ การนำเข้าถ่านหินของเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แตะระดับสูงสุด 31.57 ล้านตัน ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากออสเตรเลีย อินโดนีเซียและรัสเซีย เป็นต้น ถึงแม้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะลดการพึ่งพาถ่านหิน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้ สมาคมพลังงานเวียดนาม ระบุว่าในปีที่แล้ว เวียดนามผลิตกระแสไฟฟ้าร้อยละ 36.1 จากโรงงานไฟฟ้าถ่านหิน เวียดนามหันจากผู้ส่งออกถ่านหินเป็นผู้นำเข้าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินมีจำนวนเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นและอีกเหตุผลหนึ่ง คือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เวียดนามมีความต้องการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมากยิ่งขึ้น เนื่องมาจากจำเป็นที่จะต้องรักษาเสถียรภาพทางการค้าระหว่างสองประเทศ

ที่มา : https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vietnam-begins-coal-import-from-us-4131170.html

เวียดนามเผยครึ่งแรกของปี 63 ผลผลิตประมงสูงถึง 3.86 ล้านตัน

กรมประมง เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ผลผลิตประมงของเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยปริมาณ 3.86 ล้านตัน ถึงแม้ว่าจะเผชิญกับการระบาดของไวรัส COVID-19 ในทิศทางเชิงลบต่อการผลิตและการส่งออก ข้อมูลข้างต้นนั้นได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 ก.ค. โดยทำการตรวจสอบกิจกรรมทางการประมงและดำเนินงานที่สำคัญหลายด้านในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทั้งนี้ ผลผลิตที่ได้จากการใช้ประโยชน์จากแหล่งประมงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ด้วยปริมาณ 1.88 ล้านตัน ในขณะที่ ผลผลิตการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 ด้วยปริมาณ 1.97 ล้านตัน นอกจากนี้ กรมประมงจะทำการตรวจสอบสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดและจะแจ้งข้อมูลทางด้านทรัพยากรน้ำ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์จากแหล่งประมงอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/fisheries-output-reaches-386-million-tonnes-in-first-half-416124.vov

“เวียดนาม-สหรัฐฯ” เสริมความแข็งแกร่งด้านความร่วมมือของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน

กระทรวงการคลังเวียดนาม (MoF) ได้ลงนามเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ในกรอบเสริมความแข็งแกร่งด้านความร่วมมือของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินกับกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยให้เวียดนามตระหนักถึงความสำคัญของประเด็นดังกล่าว ซึ่งกระทรวบความร่วมมือจะประกอบไปด้วย 5 สาขาสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ให้มีสภาพคล่องสูงขึ้น ตามมาด้วยการสร้างเครื่องมือทางการเงินที่สามารถแก้ไขปัญหาต่อการลงทุนภาคเอกชนและโครงสร้างพื้นฐาน, ส่งเสริมนวัตกรรมและความยั่งยืนผ่านเครื่องมือทางการเงิน, การเสริมสร้างศักยภาพและโครงการช่วยเหลือเทคนิคทางการเงิน และการวิเคราะห์ภาระหนี้สินและประเด็นอื่นๆจากมุมมองของภาครัฐ ทั้งนี้ เวียดนามต้องการเงินทุนจำนวนมากในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่ ผลการศึกษาของกระทรวงวางแผนและการลงทุน ระบุว่าเวียดนามต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 195,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานในปี 2560-2563 โดยเฉพาะด้านพลังงาน การขนส่งทางถนน ทางอากาศและการบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น “การดำเนินการตามกรอบความร่วมมือกับสหรัฐฯ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือทวีภาคี”

ที่มา : http://hanoitimes.vn/vietnam-us-cooperate-to-strengthen-infrastructure-finance-300081.html

เวียดนามเผยยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ดิ่งลงไตรมาสสองของปี 2563

สมาคมผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เวียดนาม (VAMM) เปิดเผยตัวเลขยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ อยู่ที่ราว 518,000 คัน ลดลงร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และร้อยละ 30.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยฮอนด้ายังคงครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดร้อยละ 80 ถึงแม้ว่าในไตรมาสที่สองจะลดลงร้อยละ 32 จากปีที่แล้ว ทั้งนี้ ผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ของประเทศ มียอดจำหน่ายเพียง 61,700 คัน ในเดือนเม.ย. ลดลงร้อยละ 61 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว  นอกจากนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศเข้าสู่จุดอิ่มตัวเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบให้ธุรกิจและผู้ผลิตประสบปัญหามากมาย อีกทั้ง ผู้บริโภคหันมาใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าตลาดรถจักรยานยนต์เข้าสู่ยุคอิ่มตัวและแบ่งสัดส่วนการตลาดให้กับยานยนต์ประเภทอื่นๆ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือระบบขนส่งสาธารณะ

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/77601/motorbike-sales-plunge-in-q2.html

“เวียดนาม-ไทย” มุ่งมั่นกระชับความร่วมมือทางการค้า

สำนักงานส่งเสริมการค้าไทยที่นครโฮจิมินห์ เป็นเจ้าภาพในงานส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการค้า ณ วันที่ 14 กรกฎาคม เพื่อหาช่องทางแก่ผู้ประกอบการท้องถิ่นในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและโอกาสสำคัญในการยกระดับความร่วมมือระหว่างไทยกับเวียดนาม ทั้งนี้ คุณสภาพร สุขมาก ผู้อำนวยการสำนักงานการค้าในต่างประเทศที่นครโฮจิมินห์ กล่าวว่าสำนักงานฯ ได้จัดงานส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการค้าผ่านทางออนไลน์และโดยตรง เพื่อให้การสนับสนุนแก่บริษัทต่างๆ ในขณะที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ยังคงมุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ สภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจระหว่างไทยกับเวียดนาม อีกทั้ง คุณศรัณยา สกลธนารักษ์ ประธานสมาคมนักธุรกิจไทยในเวียดนาม กล่าวว่าในฐานะสมาชิกของอาเซียน ไทยและเวียดนามควรส่งเสริมความหลากหลายทางเศรษฐกิจในหลายด้านด้วยกัน เพื่อที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นและสร้างซัพพลายเชนทั่วภูมิภาค เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่จะกลายเป็นประตูสำคัญสู่อาเซียน รวมถึงปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขัน การลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และการเคลื่อนย้ายสินค้าอย่างเสรี เป็นต้น

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/vietnam-thailand-strive-to-intensify-trade-exchange-activities-416087.vov

สปป.ลาว-เวียดนามร่วมมือเพื่อช่วยธุรกิจในสปป.ลาว

สปป.ลาวและเวียดนามได้รับอนุญาตให้เริ่มต้นเส้นทางการบินใหม่ระหว่างประเทศในขณะเดียวกันได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศเวียดนามเหงียนบาหังเป็นประธานการสัมมนาชุมชนธุรกิจชาวเวียดนามที่อยู่ในลาวเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม โดยมีจุดประสงค์ในการหารือแนวทางแก้ปัญหาอุปสรรคที่ธุรกิจเผชิญจากการระบาดของโรค COVID-19 ในที่ประชุมยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน การแบ่งปันข้อมูลที่หลากหลายและประสบการณ์โดยละเอียดในหมู่ชุมชนธุรกิจในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ธุรกิจต้องเริ่มปลี่ยนวิธีการจัดการกิจกรรมทางธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 รวมถึงตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต สำหรับระยะกลางและระยะยาวที่สปป.ลาวจะมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งตามทางเดินเหนือ – ใต้และตะวันออก – ตะวันตกเสร็จสิน เพื่อเชื่อมต่อจีน สปป.ลาว เวียดนามและไทยจะเปิดโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ มากมายซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มต้นวางรากฐานที่แข็งแกร่งของภาคธุรกิจ เพื่อความสามารถด้านการแข่งขันของธุรกิจในอนาคต

ที่มา : https://english.vov.vn/economy/mutual-support-needed-to-help-vietnamese-firms-in-laos-remove-hurdles-416010.vov

นักลงทุนชาวเวียดนามในสปป.ลาวหารือถึงมาตรการรับมือกับ COVID-19

เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศเวียดนามกล่าวในการประชุมร่วมกับสมาคมธุรกิจเวียดนามเพื่อความร่วมมือและการลงทุนในประเทศสปป.ลาว (BACI) เมื่อวันอาทิตย์ที่เวียงจันทน์ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือกับการระบาดของ COVID-19 ซึ่งเศรษฐกิจสปป.ลาวชะลอตัวลงด้วยความเสี่ยงของการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและหนี้สาธารณะอันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัส อีกทั้งรัฐบาลสปป.ลาวได้ใช้มาตรการหลายอย่างเพื่อกระตุ้นการลงทุนการผลิตและธุรกิจเพื่อสนับสนุน บริษัทต่างๆ ประเทศกำลังเร่งปฏิรูปและการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนต่างประเทศธุรกิจการเงินและการธนาคาร นอกจากนี้โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญบางโครงการเกือบจะแล้วเสร็จ การปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานจะสร้างโอกาสที่สำคัญสำหรับองค์กรต่างๆกระตุ้นให้บริษัทเวียดนามเตรียมพร้อมที่จะรับโอกาสดังกล่าว อีกทั้งยังเรียกร้องให้บริษัทเวียดนามในสปป.ลาวปรับปรุงรูปแบบการจัดการองค์กรและใช้โซลูชันออนไลน์เพื่อรับมือกับการระบาดใหญ่ของ COVID-19 และพัฒนาแผนการลงทุนและการผลิตหลังการระบาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันเวียดนามมีโครงการในสปป.ลาว 413 โครงการด้วยทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 4.22 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา :  https://vietnamnews.vn/economy/749526/vietnamese-investors-in-laos-discuss-measures-to-cope-with-covid-19.html

ไทยร่วงเบอร์ 1 ในการจัดหาผักผลไม้ไปยังเวียดนาม

สมาคมผักผลไม้แห่งเวียดนาม (Vinafruit) เปิดเผยว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 เวียดนามนำเข้าผักผลไม้รวมที่ 583 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลีย เมียนมาและไทย เป็นตลาดนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ทั้งนี้ เลขาธิการสมาคมผักผลไม้แห่งเวียดนาม กล่าวว่าการส่งออกผักและผลไม้กำลังเผชิญกับช่วงเวลาอันยากลำบาก ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องกระตุ้นการบริโภคในประเทศ จากการที่ผักมีราคาถูกกว่ามาก ด้วยเหตุนี้เอง คนเวียดนามส่วนใหญ่หันมาบริโภคในประเทศเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เวียดนามส่งออกไปยังไทยเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ร้อยละ 233 มูลค่าราว 68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามเกินดุลการค้ามากกว่า 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ จากข้อมูลข้างต้น เป็นผลมาจากความพยายามในการผลักดันขยายตลาด เพื่อชดเชยการส่งออกผักผลไม้ที่ลดลงไปจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนไทยในเวียดนาม ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัล (Central Group) ที่มีการนำเข้าผักเวียดนามไปไทยเพิ่มขึ้น

ที่มา : https://vietnamtimes.org.vn/thailand-beaten-out-of-no1-in-fruit-and-vegetable-supply-to-vietnam-22295.html

เวียดนามเปิดตัวเลขเดือนม.ค.-มิ.ย. มียอดเกินดุลการค้า 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าพิษโควิด-19

ในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. ปี 2563 เวียดนามมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศสูงถึง 240 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งออกเป็นมูลค่าการส่งออกประมาณ 122.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้าที่ 117.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เดือนมิ.ย. เวียดนามมียอดเกินดุลการค้า 1.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของเวียดนาม ได้แก่ โทรศัพท์และชิ้นส่วน คาดว่ามียอดส่งออก 18.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รองลงมาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกัน ยอดส่งออกเสื้อผ้าลดลงร้อยละ 13 สู่ระดับ 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ จีนยังคงเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 34.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เวียดนามขาดดุลการค้าที่ 15.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน

ที่มา : https://vietreader.com/business/5246-vietnams-jan-june-trade-surplus-seen-expanding-to-546bln-despite-virus.html

สมาคมยานยนต์เวียดนามเผยตลาดยานยนต์ในประเทศกลับมาฟื้นตัว

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์เวียดนาม (VAMA) ระบุว่าในเดือนมิ.ย. สมาชิกของสมาคมฯ มียอดขายยานพาหนะ 24,002 คัน ลดลง 13% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยรถยนต์ส่วนบุคคลมียอดขายมากที่สุดจำนวน 17,584 คัน เพิ่มขึ้น 35% รองลงมารถที่มีวัตถุประสงค์พิเศษจำนวน 309 คัน เพิ่มขึ้น 18% และรถเชิงพาณิชย์จำนวน 6,109 คัน เพิ่มขึ้น 5% ซึ่งทางสมาคมฯ มองว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ตลาดรถยนต์กำลังส่งสัญญาการฟื้นตัว หลังหมดโควิด ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ สมาชิกของสมาคมฯ ระบุว่ายอดขายยานพาหนะ 107,183 คัน ลดลง 31% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยยอดขายรถยนต์ทุกประเภทลดลง โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ที่มีวัตถุประสงค์พิเศษลดลงหนัก 40% อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าตัวเลขยอดขายดังกล่าวไม่ได้แสดงถึงภาพรวมของตลาดรถยนต์ในประเทศทั้งหมด เนื่องจากยังไม่ได้รวมยอดขายของแบรนด์ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ได้แก่ Audi, Jaguar Land Rover, Mercedes-Benz, Subaru, Volkswagen, Volvo และ TC Motor เป็นต้น

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/automobile-market-on-recovering-track-vama/178435.vnp