แกรนด์ไชน่าประกันชีวิตรวมพัฒนาภาคประกันภัยในกัมพูชา

บริษัท Grand China Life Insurance และ Chief (Cambodia) Commercial Bank Plc. ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อพัฒนาภาคประกันภัยในประเทศกัมพูชา โดยบันทึกความเข้าใจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางกฎหมายระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Chief Bank กล่าวว่าอุตสาหกรรมประกันภัยในประเทศกัมพูชามีการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยการร่วมมือกับ Grand China Life Insurance จะช่วยกระตุ้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ประชาชาติของกัมพูชาอยู่เพียง 288 เหรียญสหรัฐ ในปี 2000 แต่เพิ่มขึ้นเป็น 830 เหรียญสหรัฐ ในปี 2010 และสูงถึง 1,548 เหรียญสหรัฐ ในปี 2018 โดย Morarith กล่าวว่าด้วยกฎหมายที่มีการปรับปรุงและหน่วยงานกำกับดูแลที่รับผิดชอบตอนนี้กัมพูชามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญของการภาคประกันภัย ซึ่ง Yu Li Qun ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Grand China Life จะคอยช่วยแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมให้กับผู้ต้องการทำประกัน ทั้งนี้ Grand China Life Insurance ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังในปี 2560 และเริ่มดำเนินการในเดือนมีนาคม 2561

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50670383/grand-china-life-insurance-chief-bank-team-up-to-develop-insurance-sector/

โรงงานผลิตและแปรรูปมะม่วงในกัมพูชา 3 แห่งจะเริ่มเปิดทำการในปีหน้า

กระทรวงเกษตรระบุว่าจะมีการเปิดโรงงานแปรรูปมะม่วงอย่างน้อยสามแห่งในปี 2563 โดยโรงงานแห่งใหม่จะส่งเสริมการผลิตมะม่วงในกัมพูชาและช่วยให้เกษตรกรค้นหาตลาดใหม่สำหรับผลผลิตของพวกเขาซึ่งขณะนี้กัมพูชามีโรงงาน 8 แห่ง ที่ดำเนินการแปรรูปมะม่วง โดยสินค้าส่วนใหญ่ของการผลิตถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์จากมะม่วงยังคงส่งออกในระดับที่ต่ำ ซึ่งโรงงานแห่งใหม่นี้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนในภาคการผลิตมะม่วงภายในประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าเขาขอให้เจ้าของโรงงานทำข้อตกลงการทำสัญญากับเกษตรกรเพื่อช่วยลดความเสี่ยงระหว่างกัน นอกจากนี้กระทรวงยังได้ขอให้หน่วยงานพาณิชย์จังหวัดอำนวยความสะดวกในกระบวนการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับบริษัทที่ต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์จากโรงงานเหล่านี้ ซึ่งกัมพูชากำลังดำเนินการเพื่อเริ่มส่งมะม่วงไปยังเกาหลีใต้และจีน โดยถือว่าเป็นตลาดใหญ่สำหรับตลาดผลไม้ และจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรระบุว่าพื้นที่เพาะปลูกมะม่วงมีมากกว่า 100,000 เฮกตาร์ทั่วประเทศ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50670405/three-mango-factories-to-open-next-year-ministry/

การค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามเพิ่มขึ้น 13.8%

การค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามมีมูลค่าถึง 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 13.8% จากเดือนมกราคมถึงตุลาคม โดยการเพิ่มขึ้นของอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งทั้งสองประเทศมีเป้าหมายที่จะเพิ่มปริมาณการค้าให้ถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 โดยหอการค้าเวียดนามและหอการค้ากัมพูชาร่วมกันจัดเวทีธุรกิจในกรุงพนมเปญ ซึ่งฟอรัมในครั้งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ โดยพวกเขาได้หารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของการแลกเปลี่ยนการค้าและการปกป้องผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายขององค์กร ซึ่งเวียดนามรายงานว่าขณะนี้มีโครงการลงทุน 214 แห่ง ในกัมพูชาด้วยการลงทุนมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ สิ่งนี้ทำให้เวียดนามเป็นผู้ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในกัมพูชา ขณะเดียวกันกัมพูชามีโครงการลงทุน 21 โครงการในเวียดนามด้วยมูลค่าการลงทุนเกือบ 64 ล้านเหรียญสหรัฐติดอันดับ 54 ใน 132 ประเทศที่ลงทุนในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50669272/kingdoms-trade-with-vietnam-rises-13-8/

กัมพูชาอาจได้รับเอกสิทธิ์ทางการค้าจากอังกฤษหลัง Brexit

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวถึงสหราชอาณาจักรได้ให้คำมั่นที่จะรักษาสิทธิพิเศษของกัมพูชาในการเข้าถึงตลาดของตนแม้จะออกจากสหภาพยุโรป โดยนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกำลังติดตามสถานการณ์ในสหราชอาณาจักรอย่างใกล้ชิดเนื่องจากประเทศเตรียมที่จะออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งสหราชอาณาจักรเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกของกัมพูชาภายในกลุ่มยุโรป โดยการค้าระหว่างกัมพูชาและสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2555 เป็นมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2561 จากตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกัมพูชาส่งออกเสื้อผ้า, รองเท้า, ข้าวสารและจักรยานไปอังกฤษเป็นหลัก โดยในระหว่างการเยือนกัมพูชาในช่วงกลางเดือนกันยายนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและเครือจักรภพอังกฤษแห่งเอเชียกล่าวว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งใน 48 ประเทศ ที่พัฒนาน้อยที่จะได้รับการรักษาสิทธิพิเศษทางการค้าในตลาดสหราชอาณาจักร ซึ่งสหราชอาณาจักรจะยังคงจัดให้มีโครงการการค้าพิเศษแก่กัมพูชาและประเทศที่พัฒนาน้อยอีกกว่า 48 ประเทศ แม้หลังออกจาก EU ในอนาคต

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50669270/cambodia-to-keep-trade-privileges-in-the-uk-after-brexit-hun-sen/

2 จังหวัดในกัมพูชาได้รับการอนุมัติให้ออกหนังสือ Form D ได้

กระทรวงพาณิชย์ประกาศว่าอีกสองจังหวัดได้เริ่มออกหนังสือ Form D หรือใบรับรองแหล่งกำเนิดของสินค้าในแต่ละพื้นที่ โดยตอนนี้จังหวัดเขาพระวิหารและจังหวัดโพธิสัตว์สามารถออกฟอร์มได้แล้ว ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ส่งออก โดยกระทรวงกำลังมอบหมายการออกแบบฟอร์ม ไปยังแผนกพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจและการส่งออกรวมถึงช่วยให้บริษัทประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งโครงการนี้มาถึง 16 จังหวัด เจ้าหน้าที่ในจังหวัดพระวิหารและจังหวัดโพธิสัตว์สามารถออกหนังสือ Form D ได้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม เป็นต้นไป โดยผู้ผลิตผู้ค้าและผู้ส่งออกในจังหวัดสามารถทำการสมัครออนไลน์เพื่อขอใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อการส่งออกโดยส่งใบสมัครผ่านทางเว็บไซต์ของแผนกการค้าจังหวัด ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของปราสาทเขาพระวิหารกล่าวว่านี่คือการพัฒนาที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ส่งออกในท้องถิ่นส่งสินค้าเกษตรไปยังตลาดเพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้น โดยผู้ส่งออกไม่ต้องเดินทางไปที่กระทรวงในพนมเปญอีกต่อไป

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50668982/two-more-provinces-get-to-issue-d-forms/

การยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของเกษตรกรในปราสาทเขาพระวิหาร

ฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกกำลังจะสิ้นสุดลง โดยผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวกำลังรวบรวมข้าวเปลือกจากเกษตรกรผ่านโครงการการทำสัญญาระหว่างเกษตรกรและผู้ซื้อ ซึ่งเกษตรกรได้รับประโยชน์มากกว่า 5,000 ครอบครัว ในจังหวัดพระวิหาร โดยผู้ส่งออกท้องถิ่นสามราย ได้แก่ Amru Rice, Signatures of Asia และ Golden Rice ได้ทำสัญญากับชุมชนกว่า 34 แห่งในจังหวัด โดยปีนี้ในชุมชนขายข้าวอินทรีย์จำนวน 22,461 ตัน ให้แก่บริษัทคู่สัญญา ซึ่งกรมวิชาการเกษตรของเขาพระวิหารกล่าวว่าการทำฟาร์มแบบสัญญามีประโยชน์กับ 5,341 ครอบครัว โดยทำการเพาะปลูกบนพื้นที่รวม 14,769 เฮกตาร์ ซึ่งปีนี้ Amru Rice ได้ซื้อข้าว 12,841 ตัน จากการทำสัญญาโดยคิดเป็นประมาณ 75% ของเป้าหมายในปี 2019 ขณะที่ Signatures of Asia ซื้อข้าวเปลือก 1,000 ตัน หรือ 70% ของเป้าหมาย และ Golden Rice ได้บรรลุเป้าหมายในปี 2562 โดยได้ซื้อข้าวเปลือก 3,129 ตัน ในสัปดาห์นี้ ซึ่งผู้ส่งออกตกลงที่จะซื้อข้าวขาว (ไม่ใช่ข้าวหอม) ในราคา 1,200 ถึง 1,300 riel ($ 0.29 ถึง $ 0.32) ต่อกิโลกรัม ราคาข้าวหอมมะลิถูกตั้งไว้ที่ 1,450 ถึง 1,650 เรียล (0.36 ถึง $ 0.4) โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคมกัมพูชาส่งออกข้าวสารจำนวน 457,940 ตัน เพิ่มขึ้น 5%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50669031/contract-farming-lifting-farmers-living-standards-in-preah-vihear/

กัมพูชากำลังมองหาเที่ยวบินตรงไปยังญี่ปุ่น

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างกัมพูชาและประเทศในเอเชียตะวันออก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวเรียกร้องให้สายการบินในประเทศเพิ่มเที่ยวบินตรงที่เชื่อมต่อเมืองต่างๆในประเทศญี่ปุ่นกับกรุงพนมเปญและเสียมราฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์โบราณคดีอังกอร์ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของประเทศ โดยกล่าวในงาน Japan Travel Fair ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นที่กรุงพนมเปญซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระชับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ซึ่งในช่วงเก้าเดือนแรกของปีกัมพูชาให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นเกือบ 150,000 คน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วตามข้อมูลของกระทรวง โดยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม พื้นที่สีเขียวและสังคมที่เป็นระเบียบ ซึ่งรัฐบาลได้ทำงานเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ในมณฑลรวมถึงเสียมราฐ, แกบ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในจังหวัดมณฑลคีรี โดยในปี 2559 ออลนิปปอนแอร์เวย์ส (ANA) ในญี่ปุ่นเปิดตัวเที่ยวบินตรงระหว่างสนามบินนานาชาตินาริตะของโตเกียวและสนามบินนานาชาติพนมเปญถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมายังกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50668681/cambodia-seeks-more-japan-direct-flights/

เขตอุตสาหกรรมปอยเปตในกัมพูชาได้เริ่มดำเนินการแล้ว

เขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปต (Poipet PPSEZ) ประกาศเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองปอยเปตในจังหวัดบันเตียเมียนเจยประมาณ 8 กิโลเมตร ติดกับประเทศไทยดำเนินการบริหารโดยพนมเปญ SEZ Plc. ซึ่งเลขาธิการสภาพัฒนากัมพูชา (CDC) กล่าวว่าการลงทุนของบริษัทหลายแห่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในรัฐบาล โดยจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในกัมพูชาอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นและเป็นไปตามนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมในปี 2558-2568 โดยผู้อำนวยการพนมเปญ SEZ Plc. กล่าวว่าด้วยทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์การเชื่อมต่อทางภูมิศาสตร์และกำลังแรงงานจำนวนมากกำลังกลายเป็นฮอตสปอตระดับภูมิภาคสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมในอาเซียนโดยเฉพาะภายใต้กลยุทธ์ “Thailand-Plus-One” ซึ่งเป้าหมายของ PPSEZ คือพัฒนาภาคการผลิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งชิ้นส่วนรถยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, เสื้อผ้า, บรรจุภัณฑ์และพลาสติก ตามรายงานของ CDC กัมพูชามีเขตเศรษฐกิจพิเศษอยู่ 23 แห่ง ซึ่งรวมกันเป็นที่ตั้งของโรงงาน 490 แห่งและมีงาน 130,000 ตำแหน่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50668493/poipet-industrial-park-begins-operations/

รัฐบาลกัมพูชายืนยันอัดฉีดเงินเข้ากองทุนข้าวจำนวน 50 ล้านเหรียญ

สหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) ร่วมกับโรงสีและผู้ส่งออกเรียกร้องให้รัฐบาลระดมทุนเพิ่มเติมอีก 50 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือภาคการผลิตข้าวและรักษาเสถียรภาพราคาพันธุ์พรีเมี่ยม โดย CRF ขอบคุณรัฐบาลผ่านกระทรวงเศรษฐกิจและการเงินสำหรับการจัดสรรเงินเพิ่มเติม 50 ล้านเหรียญสหรัฐแก่ธนาคารเพื่อการพัฒนาชนบท (RDB) เพื่อขยายสินเชื่อที่มีให้แก่ผู้ผลิตข้าวและผู้ส่งออกข้าว ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ราคาข้าวเปลือกมีเสถียรภาพและส่งออกมากขึ้น โดย CRF หวังว่าจะช่วยให้โรงสีข้าวและสมาชิกชุมชนเกษตรกรรมของ CRF เก็บรวบรวมข้าวจากเกษตรกรต่อไปโดยเฉพาะพันธุ์ Phka Rumdoul และ Phka Malis (ข้าวหอมพรีเมี่ยม) รวมทั้ง Sen Kro Ob และ Sen Pidor ซึ่งฤดูการเก็บเกี่ยวจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้จนถึงต้นปี 2563 โดยผู้ผลิตข้าวและสหกรณ์การเกษตรสามารถขอสินเชื่อโดยใช้สต็อกข้าวสารในปัจจุบันของพวกเขาเป็นหลักประกัน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนฝ่ายบริหารทั่วไปของจีนด้านการควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกัน (AQSIQ) อนุมัติการผู้ผลิตข้าวในประเทศกัมพูชาอีก 18 ราย ที่ต้องการเริ่มส่งออกไปยังประเทศจีน ขณะนี้มีผู้ผลิตข้าวท้องถิ่น 44 ราย ที่สามารถส่งออกข้าวไปยังตลาดจีนได้

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50668176/govt-adds-50-million-to-rice-fund/

การก่อสร้างทางด่วนในกัมพูชาเป็นไปตามแผนที่วางไว้

การก่อสร้างทางพิเศษแห่งแรกของกัมพูชาที่เชื่อมต่อกรุงพนมเปญและสีหนุวิลล์บนชายฝั่งแล้วเสร็จไป 7% โดยถือเป็นช่วงเริ่มต้นของกระบวนการ ซึ่งบริษัทกำลังเร่งทำงานตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน โดยการก่อสร้างทางสัญจรเป็นไปตามกำหนดเวลาตามที่กระทรวงโยธาธิการและการขนส่งกล่าวเมื่อเร็วๆนี้ ว่าทางด่วนสายนี้จะแล้วเสร็จในต้นปี 2566 ซึ่งในอีกสามเดือนข้างหน้าจะเริ่มสร้างถนนบางส่วนขึ้นจริง โดยการก่อสร้างเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคมปี 2562 ด้วยงบประมาณ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถนนถูกสร้างขึ้นโดย China Road and Bridge Corporation ผ่านทาง บริษัท ย่อยของ บริษัท PPSHV Expressway Co Ltd. ประเทศมาเลเซีย โดยวิศวกรรม Minconsult SDN BHD ให้คำแนะนำทางเทคนิค ซึ่งทางพิเศษจะเริ่มขึ้นในเขต Por Sen Chey ในกรุงพนมเปญมีสองเลนสำหรับแต่ละทิศทางความยาวอยู่ที่ 190 กิโลเมตร ซึ่งสั้นกว่าถนนในปัจจุบันที่ความยาว 240 กิโลเมตร ตามที่กระทรวงระบุไว้ โดยทางด่วนจะช่วยลดการจราจรจาก National Road 4 ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรที่มีผู้สันจรมากที่สุดในประเทศซึ่งเชื่อมต่อเมืองหลวงกับท่าเรือน้ำลึกของสีหนุวิลล์ซึ่งเป็นประตูหลักสำหรับส่งออกและนำเข้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50668279/expressway-construction-continuing-as-planned-ministry/