บริษัทเยอรมันพิจารณาลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชา

บริษัทของเยอรมันแสดงความสนใจในภาคพลังงานสะอาดของกัมพูชาในระหว่างการประชุมเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ที่จัดขึ้น ณ กรุงพนมเปญ ด้วยเป้าหมายที่จะผลิตพลังงานจากโซล่าฟาร์มให้ถึง 20% ของภาคการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดที่รัฐบาลวางแผนไว้ โดยงานนี้จัดขึ้นโดยคณะผู้แทนจากประเทศเยอรมนีด้านอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ในประเทศเมียนมาร์ (AHK) และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และหอการค้ายุโรป (Eurocham) ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพลังงานทดแทน โดยจัดแสดงโซลูชั่นทางด้านพลังงานที่ยั่งยืนซึ่งผู้อำนวยการด้านพลังงานขอ กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ารัฐบาลยินดีต้อนรับนักลงทุนทุกคนที่ต้องการเข้ามาพัฒนาโครงการในภาคพลังงานแสงอาทิตย์ โดยกัมพูชามีจำนวนชั่วโมงแสงแดดสูงบ่งบอกถึงศักยภาพความเป็นไปได้ในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในกัมพูชา ซึ่งมีโซล่าฟาร์มเพียงสองแห่งที่เปิดดำเนินการ ซึ่งผลิตไฟฟ้าได้ 90 เมกะวัตต์ โดยภายในปี 2565 โรงงานผลิตพลังงานแสงอาทิตย์จะเปิดทำการเพิ่มอีก 7 แห่ง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657473/german-companies-consider-investing-in-local-solar-sector/

กลุ่มประเทศเตรียมทำข้อตกลงกับกลุ่มผู้นำเศรษฐกิจรัสเซีย

ในไม่ช้าสินค้าจำนวนนับพันประเภทของกัมพูชาอาจถูกส่งไปยังตลาดกลุ่มสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU) ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าเสรีขนาดใหญ่หลังจากที่กัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงกับสหภาพ โดยข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่อาจเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ได้ถูกเปิดเผยในระหว่างการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกับนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ณ งานประชุมสุดยอดอาเซียนในกรุงเทพฯ ซึ่งมีอีก 5 ประเทศในอาเซียนที่ได้แสดงความสนใจในการลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย ได้แก่ บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ไทย และฟิลิปปินส์ โดยนายลิมเฮงรองประทานหอการค้ากัมพูชากล่าวว่าสินค้ากัมพูชาราว 4,000 ถึง 5,000 ประเภทจะได้รับอนุญาตให้ยกเว้นภาษีหากมีการลงนาม FTA ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรและสิ่งทอ โดยถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกัมพูชาที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในประเทศได้มากขึ้นรวมถึงส่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปยังสหภาพ ซึ่งหอการค้ากัมพูชาและกระทรวงพาณิชย์ทำงานเพื่อให้ข้อตกลงเป็นจริง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657467/nation-set-to-ink-agreement-with-russia-led-economic-bloc/

มูลค่ารวมในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาเพิ่มขึ้นเกินกว่า 160 ล้านเหรียญสหรัฐ

เงินทุนเคลื่อนย้ายที่ตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ซึ่งเป็นตลาดหุ้นในประเทศกัมพูชา เปิดตัวในปี 2555 ปัจจุบันมีมูลค่าถึง 161 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย CEO ของ CSX กล่าวว่าการรับรู้ของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วและตั้งข้อสังเกตว่ากำลังกลายเป็นแหล่งเงินทุนที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสำหรับ บริษัท ในท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบัน CSX มีบริษัทจดทะเบียน 8 แห่ง โดย 5 แห่งทำการซื้อขายอยู่บนกระดานหลักและอีก 3 แห่งอยู่ในตลาดตราสารหนี้ โดยบริษัทที่จดทะเบียนในกระดานหลัก ได้แก่ บริษัทประปาพนมเปญ(PWSA), บริษัทแกรนด์ทวินอินเตอร์เนชั่นแนล(GTI), บริษัทท่าเรือพนมเปญ(PPAP), เขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ(PPSP) และบริษัทท่าเรือสีหนุวิลล์(PAS) รวมถึงที่จดทะเบียนในตราสารหนี้ ได้แก่ HKL, LOLC และ ABAA ซึ่งยังมีบริษัทอีกหลายแห่งให้ความสนใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชาและคาดว่าจะมีบริษัทอีกหลายแห่งที่จะทำการ IPO ในปีหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50657052/more-than-160m-raised-at-local-bourse-new-firms-expected-to-list-in-2020/

นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนกัมพูชาเพิ่มขึ้น 10% ในไตรมาส 3

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมากัมพูชาเพิ่มขึ้น 10% หรือประมาณ 4.8 ล้านคนในช่วงเก้าเดือนแรกของปีตามรายงานล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยว ขณะที่ชาวจีนยังคงติดอันดับต้นๆ ของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้า โดยกว่า 3 ล้านคนเดินทางผ่านสนามบินนานาชาติหนึ่งในสามแห่งของกัมพูชา ซึ่งสนามบินนานาชาติในกรุงพนมเปญรองรับผู้โดยสารถึง 1.5 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 12.7%), เสียมราฐ 1.2 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 10.9%) และเดินทางผ่านสีหนุวิลล์ 549,481 คน (เพิ่มขึ้น 308%) โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชามีผู้มาเยือนถึง 6.2 ล้านคนเพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวใหม่ในสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากกว่า 7 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2563 และสร้างรายได้ถึง 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยคิดเป็นประมาณ 2 ล้านคนที่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/657012/foreign-tourists-up-10-pct-in-q3/

บริษัทญี่ปุ่นเข้าถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังน้ำโพธิ์ซัด

บริษัท ผลิตไฟฟ้าญี่ปุ่น eRex Co Ltd. ประกาศว่าการมีส่วนร่วมในการก่อสร้างและการจัดการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 80 เมกะวัตต์ในจังหวัดโพธิ์ซัด โดยบริษัทในโตเกียวมีแผนที่จะลงทุน 23.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นให้อยู่ในระดับ 34% ในโครงการนี้กับบริษัท Asia Energy Power ประเทศกัมพูชาและ ISDN Energy Pte. Ltd. ซึ่งโครงการนี้กำลังได้รับการพัฒนาโดย SPHP (กัมพูชา) ซึ่งได้รับใบอนุญาตในการสร้างเขื่อน และได้ลงนามในข้อตกลงกับ Electricite Du Cambodge (EDC) ภายใต้ข้อตกลงนี้จะขายไฟฟ้าที่ 7.9 เซนต์ต่อวัตต์ ไปยัง EDC โดยการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 หรือ 2566 โดยรัฐบาลต้องการกระจายการผลิตพลังงานซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่ครอบคลุมด้วยพลังน้ำซึ่งคิดเป็นประมาณ 50% ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้ไปเมื่อปีที่ และพลังงานแสงอาทิตย์คิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของพลังงานทั้งหมดในปี 2018 ซึ่งด้วยกลยุทธ์การกระจายการลงทุนที่หลากหลายของรัฐบาลหวังที่จะยุติการขาดแคลนในด้านพลังงานที่ส่งผลกระทบต่อประเทศในระยะหลัง

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50655894/japanese-firm-acquires-stake-at-upcoming-pursat-hydropower-plant/

การสำรวจน้ำมันในลุ่มน้ำกำปงโสมของกัมพูชา

การสำรวจน้ำมันที่ดำเนินการโดย Angkor Resources Corp ที่กำปงโสมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยได้ทำการเริ่มต้นสำรวจ Block VIII ที่เป็นบล็อกใหม่ ถึงความเป็นไปได้ของพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำมันเพื่อผลิตเชิงพาณิชย์ ซึ่งจากรายงานการสำรวจกว่า 21 ครั้ง โดยตัวอย่างได้ถูกส่งไปยัง Schlumberger Ltd ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการบ่อน้ำมันชั้นนำของโลกเพื่อยืนยันผลการสำรวจ โดยในเดือนสิงหาคมกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานได้รับใบอนุญาตจาก Angkor Resources Corp เพื่อสำรวจน้ำมันและก๊าซผ่าน EnerCam Resources Co Ltd ซึ่งบริษัทเพิ่งได้ระดมทุนอีก 1 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านการเป็นหุ้นส่วน โดยจะนำเงินที่ได้รับไปชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งกัมพูชาจะผลิตน้ำมันในไม่ช้าหลังจากการค้นพบแหล่งน้ำมันสำรองขนาดใหญ่ในอ่าวไทย

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50655887/oil-exploration-in-kompong-som-basin-off-to-a-promising-start/

คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานแสดงสินค้าเครื่องหนังนับพันในกัมพูชา

คาดว่าจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมงานมากกว่า 20,000 คน ทั้งในประเทศและต่างประเทศในเดือนหน้าบนเกาะเพชร (Diamond Island) สำหรับงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมรองเท้า โดยงานนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Leathertech Cambodia 2019 จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า Diamond Island ในวันที่ 15-17 พฤศจิกายน ซึ่งผู้จัดงานคือ ASK Trade & Exhibitions Pvt Ltd กล่าวว่ากัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดงานขนาดใหญ่เนื่องจากกัมพูชาเป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตรองเท้าและเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีสำหรับนักลงทุนในอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะมี บริษัท กว่า 80 บริษัท จากทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน สหรัฐ ยุโรป เวียดนาม ไทย และจากประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนังมาเข้าร่วม ซึ่งหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะจัดแสดงภายในงาน ได้แก่ รองเท้า เครื่องหนัง ส่วนประกอบสารเคมีและอุปกรณ์เสริมในอุตสาหกรรม โดยเมื่อปีที่แล้วกัมพูชาเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรองเท้า 10 อันดับแรกของโลกที่มีมูลค่าการส่งออกรองเท้ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/655400/thousands-of-visitors-expected-at-leather-expo/

โครงการอำนวยความสะดวกในการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดในกัมพูชา

เริ่มตั้งแต่วันศุกร์แผนกการค้าในจังหวัดตาแก้ว กำปอต และเกาะกงจะสามารถออก “แบบฟอร์ม D” หรือ ใบรับรองแหล่งกำเนิด (CO) เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการส่งออกสำหรับผู้ค้าในจังหวัดต่างๆ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ผู้ส่งออกและผู้ค้าในจังหวัดข้างต้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงเพื่อทำการตรวจสอบและออกใบรับรองแหล่งกำเนิด แต่จะเป็นการเดินทางไปยังแผนกการค้าในแต่ละจังหวัดแทน ซึ่งตั้งแต่ปี 2560 กระทรวงพาณิชย์ได้มอบ “แบบฟอร์ม D” ให้กับหน่วยงานระดับจังหวัดเป้าหมายคือการอำนวยความสะดวกในฝั่งของกิจกรรมทางธุรกิจและการส่งออก เพื่อที่จะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับบริษัท โดยมีมากกว่า 20 จังหวัดที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของกำปอต กล่าวว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การบริการสะดวกขึ้นสำหรับผู้ส่งออกและผู้ค้าในจังหวัด โดย “แบบฟอร์ม D” สามารถใช้สำหรับการจัดส่งได้ภายในอาเซียน.

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50655401/scheme-to-facilitate-co-issuance-expands/

กลุ่มนักลงทุนจีนหนุนภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอในกัมพูชา

สมาคมใหม่ของนักลงทุนจีนได้เปิดตัวเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชาซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สุดของการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยสมาคมสิ่งทอประสานงานกับรัฐบาล ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มนักลงทุนจีนเป็นพิเศษ โดยกัมพูชามีโรงงานกว่า 663 แห่ง เป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้า 520 แห่งและอีก 83 แห่งทำการผลิตรองเท้า ส่วนที่เหลือจะเป็นโรงงานผลิตถุง ซึ่งทั้งอุตสาหกรรมมีแรงงานประมาณ 800,000 คน กว่า 80% เป็นผู้หญิงตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมระบุรายงานเมื่อปีที่แล้ว โดยจากรายงานของ NBC แสดงให้เห็นว่าการส่งออกเสื้อผ้าและรองเท้าของกัมพูชามีมูลค่าถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 24% จาก 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017 โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่อยู่ในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งกัมพูชามีค่าแรงขั้นต่ำเป็นอันดับห้าในอาเซียน ค่าแรงขั้นต่ำของกัมพูชาสำหรับภาคตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ที่ 182 เหรียญสหรัฐต่อเดือน แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 190 เหรียญสหรัฐในปีหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50655062/china-textile-group-launched-to-bolster-garment-sector/

การศึกษาสำหรับศูนย์โลจิสติกส์ที่สำคัญของกัมพูชาจะพร้อมในไม่ช้า

การศึกษาความเป็นไปได้สำหรับศูนย์โลจิสติกส์สำคัญในกรุงพนมเปญและสีหนุวิลล์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนสิ้นปีนี้ โดยกระทรวงโยธาธิการและโทรคมนาคมศึกษาความเป็นไปได้สำหรับศูนย์โลจิสติกส์ในเมืองหลวงกำลังดำเนินการโดยความช่วยเหลือของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเซีย ในขณะที่ IMF ให้ความช่วยเหลือในสีหนุวิลล์ ซึ่งศูนย์โลจิสติกส์เป็นส่วนสำคัญของแผนแม่บทด้านโลจิสติกส์ของรัฐบาล โดยมีจุดประสงค์ที่จะเพิ่มตัวเลือกสำหรับการขนส่งทางบก ทางรถไฟและทางน้ำ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์และบริการในท้องถิ่น ซึ่งศูนย์บริการโลจิสติกส์ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์บริการแบบครบวงจร” สำหรับกิจกรรมการนำเข้าและส่งออก โดยเป็นการรวมตัวกันของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเห็นได้ว่าปริมาณการขนส่งสินค้าที่ท่าเรือ Autonomous Sihanoukville (PAS) เพิ่มขึ้นกว่า 18% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีแสดงถึงการเพิ่มขึ้นของภาคการขนส่งที่สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50655287/studies-for-major-logistics-centres-to-be-ready-soon/