ประเทศไทยห้ามการนำเข้าข้าวโพดผ่านด่านบ้านเขาดินระหว่างชายแดนกัมพูชา

กระทรวงพาณิชย์ของไทยประกาศห้ามนำเข้าข้าวโพดผ่านด่านบ้านเขาดินระหว่างชายแดนกัมพูชา โดยการห้ามนำเข้ามีผลบังคับใช้ในวันเสาร์ ซึ่งบ้านเขาดินเป็นประตูพรมแดนระหว่างประเทศในจังหวัดสระแก้วของประเทศไทยซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดพระตะบอง โดยการห้ามนำเข้าดังกล่าวจะช่วยปกป้องเกษตรกรไทย จากข้าวโพดที่ผลิตในกัมพูชาที่อาจปนเปื้อน ซึ่งประเทศไทยเองสามารถผลิตข้าวโพดได้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรของสหรัฐระบุว่าข้าวโพดถูกนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์โดยทั่วไปคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของผลผลิตข้าวโพดทั้งหมด ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรกัมพูชาได้ส่งออกข้าวโพดประมาณ 110,000 ตันในช่วง 7 เดือนแรกของปี โดยมีตลาดสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ เวียดนาม ไทย และไต้หวัน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วการผลิตข้าวโพดในกัมพูชามีจำนวน 715,000 ตัน เพิ่มขึ้น 15,000 ตันจากปีก่อน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50637639/thailand-bans-corn-imports-through-ban-khao-din/

กระทรวงของกัมพูชาลงนามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับน้ำสะอาด

กระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมได้ลงนามในข้อตกลงกับกลุ่มรัฐวิสาหกิจน้ำของปักกิ่งและโนเบิลวอเตอร์เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการเพิ่มปริมาณน้ำดื่มในราชอาณาจักร โดย MoUs ระหว่างกันจะช่วยให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายในการเข้าถึงน้ำสะอาดให้กับทุกคนในกัมพูชาภายในปี 2568 ตามที่กระทรวงได้แจ้งไว้ ซึ่ง Beijing Enterprise Water Group และ Noble Water จะร่วมพัฒนาระบบบำบัดน้ำอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดยแผงโซล่าร์ และกังหันลม โดยกล่าวเสริมว่าโซลูชั่นนี้เหมาะกับความต้องการในปัจจุบันของกัมพูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลของประเทศ โดยโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมกล่าวว่ากระทรวงได้ออกใบอนุญาตจัดหาน้ำกว่า 256 ใบ ให้แก่ผู้ประกอบการนอกกรุงพนมเปญและในพื้นที่ที่ไม่มีท่อน้ำสะอาด ซึ่งความต้องการน้ำสะอาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเติบโตของประชากรและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ  โดยความต้องการน้ำสะอาดในกัมพูชาอยู่ที่ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50637217/ministry-signs-agreements-to-develop-clean-water-infrastructure/

บริษัทอินเดียร่วมมือทำโครงการรถโดยสารประจำทางกับรัฐบาลกัมพูชา

กลุ่มบริษัทในอินเดียและผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอินเดียกำลังมองหาพันธมิตรกับรัฐบาลกัมพูชาในโครงการที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบขนส่งสาธารณะของกัมพูชาและทำให้กัมพูชาเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า โดยมีข้อเสนอระหว่างกันคือบริษัท Sram & Mram และพันธมิตรจะให้การสนับสนุนด้านเงินทุนความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐานในขณะที่รัฐบาลกัมพูชาจะเป็นผู้จัดหาที่ดินที่มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งเงินลงทุนจะอยู่ราว 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยรวมถึงการก่อสร้างโรงงานประกอบรถบัสในประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย และเมียนมาในระยะ 5 ปีข้างหน้า และโครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการสร้างงานกว่า 1 หมื่นตำแหน่งสำหรับคนในท้องถิ่น ซึ่งความคิดริเริ่มดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกัมพูชาไปข้างหน้า

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50637280/indian-companies-eye-bus-project-partnership-with-cambodian-govt/

ผู้ให้บริการสายการบิน FLAG จะเปิดเที่ยวบินตรงถึงดานัง

บริษัท แคมโบเดียอังกอร์แอร์ ผู้ให้บริการด้านการบินนามว่า “FLAG” วางแผนที่จะเปิดเที่ยวบินตรงสู่ดานังในเวียดนามกลางในเดือนตุลาคม ซึ่งต้นทางและปลายทางคือจากเสียมเรียบไปยังดานัง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวยินดีตอบรับการเคลื่อนไหวดังกล่าวโดยอธิบายว่าดานังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และเที่ยวบินตรงนี้จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติที่มาเยือนดานังและสามารถโดยสารทางเครื่องบินเพื่อเดินทางตรงสู่พนมเปญ ได้ โดยการบินพลเรือนของเวียดนามและสำนักเลขาธิการการบินพลเรือนของกัมพูชา (SSCA) ได้ลงนามในข้อตกลงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งมีสายการบิน 4 แห่งเชื่อมต่อกับกัมพูชาและเวียดนาม โดยให้บริการทั้งหมด 112 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และกัมพูชามีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวเวียดนามถึง 4 แสนคน เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50637281/flag-carrier-to-fly-to-da-nang/

กัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมด้านความมั่นคงทางไซเบอร์

ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์จากทั่วโลกจะมารวมตัวกันที่กรุงพนมเปญในการประชุม Cyber Security Asia Conference 2019 ซึ่งจัดขึ้นโดย Thomvell International โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน ซึ่งจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มระดับภูมิภาคในโลกไซเบอร์ ซึ่งนี่เป็นภัยคุกคามที่อยู่เหนือพรมแดนและมีโอกาสสร้างความเสียหายมากมายทั้งทางการเงินและทางสังคมโดยกว่า 90% ของธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกเคยตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์ทำให้อุตสาหกรรมด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ในภูมิภาคมีมูลค่าถึง 32.9 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 โดยทางกัมพูชาเองวางแผนเสริมสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ในระดับประเทศโดยรัฐบาลกัมพูชาระบุว่าการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นหนึ่งในห้าด้านที่สำคัญในการพัฒนา และจากรายงานของ Kaspersky Labs เมื่อปีที่แล้วกัมพูชาพบเห็นการโจมตีทางไซเบอร์ออนไลน์กว่า 4.5 ล้านคนซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตราว 30.5% โดยความเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์นั้นคาดว่าจะสูงถึง 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในระดับโลกภายในปี 2564

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50636876/cambodia-to-host-international-cybersecurity-conference/

การขนส่งทางเรือของกัมพูชาเพิ่มขึ้น 30%

ท่าเรือในความดูแลของรัฐฯกัมพูชามีปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 7 เดือนแรกของปี โดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของกัมพูชา (CSX) เปิดเผยว่าเรือบรรทุกสินค้ากว่า 1,332 ลำแล่นผ่านท่าเรือในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นถึง 12.8% ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซที่ส่งผ่านท่าเรือเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 ล้านตันเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยรายงานยังแสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้ช่องทางการเดินทางผ่านทางเรือหรือผ่านทางเครื่องบนน้ำ (ของ PAPP) เพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ที่ 27,600 คน เพิ่มขึ้นกว่า 29.7% ซึ่งบริษัท PPAP เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนใน CSX มีกำไรสุทธิเติบโตถึง 39%

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50635864/container-traffic-at-capitals-port-up-30-pct/

การท่องเที่ยวเชิงอาหารคือกุญแจสำคัญการกระตุ้นเศรษฐกิจกัมพูชา

คนในวงการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้รวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับบทบาทของการทำอาหารในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาในกัมพูชามากขึ้น โดยได้ความร่วมมือจากองค์กรการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ซึ่งเน้นถึงบทบาทของศาสตร์การทำอาหารในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วโลกในขณะที่ยังให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวในการเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดย Adventure Travel Trade พบว่าประมาณ 25% ของงบประมาณการเดินทางของนักท่องเที่ยวใช้กับอาหาร ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวระบุ ในปีที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวมายังกัมพูชาประมาณ 6.2 ล้านคนเพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 12.7% ของ GDP

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50635865/food-tourism-key-to-boosting-national-economy-experts/

รัฐบาลกัมพูชาเน้นย้ำผลกระทบของสหภาพยุโรปต่อภาคการเกษตร

กระทรวงการเกษตรกล่าวว่าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรปมีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาภาคการเกษตรของกัมพูชาและการประมง ตามข้อตกลงสันติภาพปารีสเมื่อ พ.ศ.2534 โดยสหภาพยุโรปกลายเป็นหุ้นส่วนในด้านการพัฒนาที่สำคัญที่สนับสนุนกัมพูชาในหลายด้าน ซึ่งภาคการเกษตรเพียงอย่างเดียวได้รับการสนับสนุนถึง 285 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการช่วยเหลือในช่วงปี พ.ศ.2538-2566 แต่ล่าสุดคณะผู้แทนของสหภาพยุโรปได้แถลงการณ์ประกาศหยุดการส่งเสริมในภาคการเกษตรในด้านการประมงและปศุสัตว์ โดยโครงการในด้านดังกล่าวดำเนินการตั้งแต่ปี 2556-2561 ด้วยงบประมาณ 22 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ทว่าทางสหภาพยุโรปเองได้ประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะทำการสนับสนุนโครงการ กัมพูชาเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมในภาคการประมง หรือ “CAPFISH” ซึ่งมีงบประมาณ 124 ล้านเหรียญสหรัฐกำหนดดำเนินการจากปี 2562-2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านอาหาร ปรับปรุงโภชนาการและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในกัมพูชา

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50635424/ministry-highlights-eus-impact-on-local-agriculture-sector/

การเสนอราคาการปรับปรุงถนนสายสำคัญของกัมพูชาจะเริ่มในเดือนหน้า

กระทรวงโยธาธิการและขนส่งประกาศว่าการปรับปรุงถนนสายสำคัญ ซึ่งเชื่อมต่อเมืองหลวงกับสีหนุวิลล์ในตอนใต้ของกัมพูชาจะเริ่มขึ้นในปีหน้า  แต่จะทำการเสนอราคาสำหรับโครงการในเดือนหน้า โดย National Road 4 เป็นหนึ่งในเส้นทางสัญจรหลักในกัมพูชาที่ เชื่อมต่อกรุงพนมเปญกับท่าเรือน้ำลึกเพียง แห่งเดียวของกัมพูชาที่ตั้งอยู่ในสีหนุวิลล์ ซึ่งโครงการปรับปรุงใหม่มีงบประมาณ 110 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กู้โดยธนาคารโลกในรูปแบบเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย โดยจะทำการพัฒนาเส้นทางยาว 200 กิโลเมตร สร้างสะพานในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม รวมไปถึงระบบท่อระบายน้ำ ซึ่ง บริษัท ที่รับผิดชอบในการก่อสร้างปรับปรุงและบำรุงรักษาถนน ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าถนนมีอายุการใช้งานยาวนาน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50635502/bidding-on-major-artery-renovation-to-begin-next-month/

ทางกัมพูชาเรียกร้องให้ผู้ประกอบการ SMEs จดทะเบียนใน CSX

รัฐบาลได้เรียกร้องให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในท้องถิ่น (SMEs) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและขยายกิจการ โดยบริษัทที่ต้องการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์พวกเขาต้องดำเนินธุรกิจให้มีมาตรฐานตามกำหนด และจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกผู้ต้องการจดทะเบียนจะปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชี ซึ่งตามนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ เป้าหมายของรัฐฯคือต้องมีอย่างน้อย 80% ของ SMEs จะต้องจดทะเบียนอย่างเป็นทางการภายในปี 2568 และอย่างน้อย 50% ของ บริษัท เหล่านั้นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีและการบันทึกบัญชีที่เหมาะสม โดยในปัจจุบันกัมพูชามีผู้ประกอบการ SMEs ประมาณ 520,000 รายแต่มีเพียงประมาณ 150,000 รายที่ทำการจดทะเบียนในระบบ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/50635096/ministry-urges-smes-to-join-csx/