โครงการลงทุน 3 โครงการ ได้รับการอนุมัติ สร้างงาน 744 ตำแหน่งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม

ในการประชุมที่จัดขึ้นที่สำนักงานของรัฐบาลสหภาพในกรุงเนปิดอว์ คณะกรรมการการลงทุนเมียนมาร์ได้อนุมัติโครงการลงทุนใหม่ 3 โครงการ ที่จะมาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา คิดเป็นมูลค่า 0.180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมากกว่า 300 พันล้านจ๊าด ซึ่งจะสร้างโอกาสในการทำงานในท้องถิ่น 744 ตำแหน่งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมในวันที่ 1 ธันวาคม อย่างไรก็ดี จากต้นปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2566 ใน 52 ประเทศและภูมิภาคที่ลงทุนในเมียนมาร์ ประเทศนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด ได้แก่ สิงคโปร์ จีน และไทย ตามลำดับ ทั้งนี้ ในบรรดาธุรกิจ 12 ประเภทในเมียนมาร์ ร้อยละ 28.49 ของการลงทุนทั้งหมดไหลเข้าสู่ภาคพลังงาน ร้อยละ 24.44 ลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซธรรมชาติคิดเป็น และร้อยละ 14.39 เป็นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ตามลำดับ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/three-invested-businesses-approved-to-generate-744-jobs-in-industrial-agricultural-sectors/

เมียนมาร์มีรายได้จากการส่งออกยางพารา 116 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 7 เดือน

เมียนมาร์ส่งออกยางมากกว่า 94,435 ตันไปยังต่างประเทศ ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน ในปีงบประมาณปัจจุบัน พ.ศ. 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 116.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์ โดยการผลิตยางพาราของเมียนมาร์ต่อปีคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 300,000 ตันในปีงบประมาณนี้ ณ ปัจจุบัน ราคาทั่วไปของยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 1,640 จ๊าดต่อปอนด์ และยางตากแห้งอยู่ที่ 1,620 จ๊าดต่อปอนด์ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อราคายางในรัฐมอญ ซึ่งเป็นรัฐผลิตยางที่สำคัญในเมียนมาร์ มาจากความต้องการยางทั่วโลก การผลิตยางในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานในตลาด อย่างไรก็ดี ยางร้อยละเจ็ดสิบที่ผลิตในเมียนมาร์ส่งไปยังประเทศจีน นอกจากนี้ยังจัดส่งไปยังสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ อีกด้วย

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-bags-us116-mln-from-rubber-exports-in-7-months/

สหพันธ์ข้าวเมียนมาร์ประกาศผ่อนคลายการตรวจสอบใบอนุญาตล่วงหน้าผู้ส่งออกสินค้าข้าว

ในขณะที่การส่งออกข้าวและข้าวหักทางทะเลและเส้นทางชายแดนกำลังชะลอตัว สมาพันธ์ข้าวเมียนมาร์ได้ประกาศว่าผู้ส่งออกข้าวที่ใช้เที่ยวบินขนส่งสินค้าจะไม่ต้องผ่านการตรวจสอบใบอนุญาตสินค้าล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2566 โดยพื้นที่จัดเก็บเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะได้รับการตรวจสอบสำหรับปริมาณที่ใช้กับใบอนุญาตส่งออก แทนที่จะเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ ตามประกาศดังกล่าว และไม่มีข้อกำหนดในการตรวจสอบสินค้าก่อนออกใบอนุญาตสำหรับการยื่นขอใบอนุญาตส่งออกที่มีน้ำหนักไม่เกิน 260 ตัน ทั้งนี้ คำชี้แจงดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมถึง 31 ธันวาคม เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจขนาดย่อม ขนาดกลาง (MSME) และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) อย่างไรก็ดี การส่งออกข้าวและข้าวหักคาดว่าจะสูงถึง 2 ล้านตันในปีงบประมาณ 2566-2567 ในขณะที่มูลค่าส่งออกในช่วง 6 แรกของปี มีมูลค่า 271 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปริมาณการส่งออก 583,683 ตัน ลดลง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามรายงานของสหพันธ์ข้าวเมียนมาร์

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/pre-license-cargo-inspection-eased-for-rice-exporters-in-cargo-flights-mrf-announces/#article-title

ภูมิภาคมะเกว ต้อนรับนักท่องเที่ยว 1.5 ล้านคนใน 10 เดือน

ระหว่างเดือนมกราคมถึงตุลาคม ที่ผ่านมา ภูมิภาคมะเกวได้รับนักท่องเที่ยวเกือบ 1.5 ล้านคน ซึ่งรวมทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ ตามการระบุของ U Myint Sein ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการโรงแรมและการท่องเที่ยวประจำภูมิภาค ซึ่งในช่วงเทศกาล Thadingyut ในเดือนตุลาคมเดือนเดียวมะเกว ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวไปแล้วถึง 0.87 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในปีนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้แสวงบุญ ซึ่งถูกดึงดูดให้ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเจดีย์ Myathalun และเจดีย์ Mann Shwesetw อย่างไรก็ดี ภูมิภาคนี้มีมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และกำลังมีการพัฒนาโครงการการท่องเที่ยวเชิงกีฬาสำหรับนักปั่นจักรยานในหุบเขาทรายของพื้นที่ Gyatkya ใน Yenangyoung เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น

ที่มา : https://www.mdn.gov.mm/en/magway-region-welcomes-15-mln-visitors-10-months

เมียนมาร์ยกระดับการผลิตน้ำมันปรุงอาหารให้มีความพอเพียงสูง

ในปัจจุบันการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของเมียนมาร์ส่งผลให้มีการนำเข้าน้ำมันบริโภคหลายพันตันต่อปี ตามสถิติล่าสุด เมียนมาร์มีการนำเข้าน้ำมันปรุงอาหารมากกว่า 800,000 ตัน ทั้งนี้ เพื่อลดรายจ่ายจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งต้องสนับสนุนให้เกษตรกรในท้องถิ่นขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชน้ำมัน ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้นักธุรกิจผลิตน้ำมันปรุงอาหารคุณภาพสูง เนื่องจากความจำเป็นตอนนี้อยู่ที่การมุ่งมั่นที่จะบรรลุผลผลิตตามเป้าหมายสำหรับข้าวเปลือก ถั่ว ข้าวโพด และพืชน้ำมัน กุญแจสู่ความสำเร็จอยู่ที่เกษตรกรใช้สายพันธุ์พืชที่มีคุณภาพ ดินที่อุดมสมบูรณ์ น้ำประปาที่มีประสิทธิภาพ และเทคนิคการเกษตรขั้นสูงผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง ประชากรเมียนมาร์บริโภคพืชน้ำมัน เช่น ถั่วลิสงและงา นอกเหนือจากน้ำมันปรุงอาหาร การเก็บรักษาพืชผลเหล่านี้ไว้เพื่อผลิตน้ำมันในประเทศแทนการส่งออก มีศักยภาพที่จะยกระดับความเพียงพอของน้ำมันในท้องถิ่นได้มากถึงร้อยละ 249.5 ต่อปี การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลให้การนำเข้าน้ำมันปรุงอาหารลดลงอย่างมีนัยสำคัญประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่เกษตรกรทุกคนจะต้องเข้มข้นขึ้นในการเพาะปลูกพืชน้ำมันเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการบริโภคน้ำมันในท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม การขยายตัวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้ของผู้ปลูกในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็ลดการพึ่งพาน้ำมันปรุงอาหารจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ พืชน้ำมันซึ่งเป็นส่วนสำคัญของภาคเกษตรกรรม ยังช่วยเพิ่มผลผลิตต่อเอเคอร์ ซึ่งส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ GDP ของประเทศ

ที่มา : https://www.mdn.gov.mm/en/raise-cooking-oil-production-have-high-sufficiency

เมียนมาร์ให้ความสำคัญกับเวียดนามในการส่งออกน้ำตาล

เมียนมาร์หันมาให้ความสำคัญกับเวียดนามในการส่งออกน้ำตาลมากขึ้น เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อน้ำตาลจำนวน 10,000 ตันจากเวียดนาม ตามการระบุของสมาคมที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาลและอ้อยของเมียนมาร์ โดยเมียนมาร์วางแผนที่จะส่งออกน้ำตาลไปยังบังกลาเทศ อินโดนีเซีย และต่างประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากการบริโภคในประเทศ ในขณะที่การส่งออกน้ำตาลไปยังเวียดนามจะถูกจัดเตรียมก่อนเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา ทั้งนี้ การดำเนินการบดอ้อยของเมียนมาร์ดำเนินไปอย่างเต็มที่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ซึ่งมีผลผลิตอ้อยประมาณ 400,000 ตันต่อปี อย่างไรก็ดี น้ำตาลล็อตใหม่จะเริ่มไหลเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ เดือนธันวาคมปีนี้ นอกจากนี้ โรงงานน้ำตาลขึ้นราคาอ้อยเป็น 150,000 จ๊าดต่อตันสำหรับฤดูอ้อยปี 2566-2567 จากอัตราที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 110,000 จ๊าดต่อตัน

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/myanmar-to-prioritize-viet-nam-for-sugar-export/#article-title

การส่งออกภาคการผลิตสร้างรายได้ 5.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน

สถิติของกระทรวงพาณิชย์เมียนมาร์เผยว่า มูลค่าการส่งออกจากภาคการผลิตมีมูลค่ามากกว่า 5.87 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายนในปีงบประมาณ 2566-2567 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 โดยสถิติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามูลค่าการส่งออกลดลง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่แล้ว ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูปโดยภาคเอกชนมีมูลค่าประมาณ 3.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่การส่งออกที่ดำเนินการโดยภาครัฐมีมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสินค้าส่งออกอุตสาหกรรมสำเร็จรูป ได้แก่ การส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป น้ำตาล ก๊าซธรรมชาติ และสินค้าอื่นๆ ซึ่งการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปอยู่ในอันดับที่ 1 ใน 10 อันดับแรก รวมถึงก๊าซธรรมชาติและแร่ธาตุ

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/manufacturing-sector-exports-generate-us5-87-bln-as-of-17-november/

ชายแดนหม่องตออำนวยความสะดวกด้านการเกษตร การประมง และสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกไปยังบังกลาเทศ

ตามการระบุของกระทรวงพาณิชย์ เมียนมาร์ขนส่งผลิตผลทางการเกษตร การประมง และสินค้าอุตสาหกรรมสำเร็จรูปไปยังบังกลาเทศผ่านชายแดนหม่องตอ ในปัจจุบัน สินค้าส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังชายแดนโดยใช้เส้นทางซิตตะเวย์-อังวะ-หม่องดอ จากนั้นจึงส่งออกไปยังบังคลาเทศผ่านเขตเศรษฐกิจกันยินชอง ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 1 ถึง 21 พฤศจิกายน เมียนมาร์ส่งออกถั่วหมากจำนวน 38.25 ตัน มูลค่า 0.06 ล้านเหรียญสหรัฐ ลูกเนียง 27 ตัน 0.008 ล้านเหรียญสหรัฐ ขิงสด 110 ตัน 0.022 ล้านเหรียญสหรัฐ มะม่วง 7 ตัน 0.003 ล้านเหรียญสหรัฐ ปลายี่สก 101.3 ตัน 0.128 ล้านเหรียญสหรัฐ และปลาตากแห้งตัวเล็ก 45.5 ตัน 0.029 ล้านเหรียญสหรัฐ ปลาแอนโชวี่แห้ง 46 ตัน 0.017 ล้านเหรียญสหรัฐ ปลากระโห้ 1.54 ตัน 0.002 ล้านเหรียญสหรัฐ พุทราแช่อิ่มแพ็ค 22 ตัน 0.007 ล้านเหรียญสหรัฐ ยาหม่องสมุนไพร Tun Shwe Wah 9 ตัน 0.005 ล้านเหรียญสหรัฐ และทานาคา 13 ตัน บรรจุ 0.007 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปยังบังกลาเทศโดยผ่าน ชายแดนเมืองหม่องตอ อย่างไรก็ดี มูลค่าการค้าข้ามพรมแดนผ่านชายแดนเมืองหม่องตอของเมียนมาร์กับบังกลาเทศตั้งเป้าไว้ที่ 1.53 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งประกอบด้วยการส่งออกมูลค่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้ามูลค่า 0.03 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่การค้าที่แท้จริงมีมูลค่า 0.286 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะการส่งออก คิดเป็นร้อยละ 18.69 ของเป้าหมายการค้า

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/maungtaw-border-facilitates-agri-fisheries-and-industrial-export-products-to-bangladesh/

อุตสาหกรรมประมงของตะนาวศรี: ต้นทุนที่สูงขึ้นและราคาที่ตกต่ำส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและการจ้างงาน

ตามข้อมูลจากแหล่งข่าววงในของอุตสาหกรรมประมงของตะนาวศรี กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ราคาอาหารทะเลที่ตกต่ำ ราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ส่งผลร้ายแรงต่อการส่งออกประมงของภูมิภาคตะนาวศรีไปยังประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลให้อุตสาหกรรมต้องหยุดชะงัก ปัจจุบันเขตตะนาวศรีมีเรือประมงนอกชายฝั่งจำนวน 1,500 ลำ และคนในพื้นที่กังวลว่าความสูญเสียในอุตสาหกรรมประมงอาจแพร่กระจายไปยังภาคส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะเรือขนาดใหญ่ที่ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมากขึ้นเพื่อปฏิบัติการ เพราะใช้วิธีตกปลาผิวน้ำและกลางน้ำ อีกทั้งการถูกกดราคาจากผู้ซื้อชาวไทยและอุปสงค์จากผู้ซื้อชาวไทยที่ลดลง ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ซึ่งในการออกเรือเพื่อลากอวนนอกชายฝั่งมักจะมีราคาค่าใช้จ่ายถึง 13 ล้านบาท (ประมาณ 120 ล้านจ๊าด) ต่อเที่ยว แม้จะมีศักยภาพในการจับสัตว์น้ำคิดเป็นมูลค่า 18 ล้านบาท (170 ล้านจ๊าด) แต่ผู้ค้ามักจะเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ ด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งน้ำมันเชื้อเพลิงหนึ่งบาร์เรลมีราคามากกว่า 660,000 จ๊าด ในขณะที่ปลาในตู้คอนเทนเนอร์แทบจะหาได้เพียง 65,000 จ๊าด

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/taninthayis-fishery-industry-soaring-costs-and-plummeting-prices-threaten-operations-and-jobs/

มีการออกบัตรประจำตัวคนงานในต่างประเทศ ให้กับคนงานบนเรือประมาณ 1,700,000 คน

ตามข้อมูลของกรมแรงงานเมียนมาร์ มีการออกบัตรประจำตัวคนงานในต่างประเทศ (OWIC) ให้กับคนงานประมาณ 1,684,934 คนที่ทำงานในต่างประเทศในช่วงระยะเวลา 33 ปี ตั้งแต่ปี 1990 ถึง 2023 โดยแบ่งเป็น 1,110,595 คน ในประเทศไทย, 52,035 คน ในสิงคโปร์, 64,364 คน ในเกาหลี, 60,013 คน ในญี่ปุ่น และ 385,566 คน ในมาเลเซีย อย่างไรก็ดี บัตร OWIC จะออกที่หน่วยแรงงานข้ามชาติ กรมแรงงาน ที่เมืองดะเก่าเมี้ยวเต็ด (เหนือ) สำหรับผู้ที่เดินทางกลับบ้านโดยลางาน บัตรจะออกที่กรมแรงงานในเมือง Mayangone

ที่มา : https://www.gnlm.com.mm/owic-cards-issued-to-about-1700000-workers-aboard/