แนวโน้มการส่งออกปลาสวายของเวียดนามลดลง

จากรายงานของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลของเวียดนาม (VASEP) เปิดเผยว่าการส่งออกปลาสวายของเวียดนามในเดือนกรกฎาคม ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5, ลดลงร้อยละ 12.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากสถานการณ์อยู่ในทิศทางลดลง โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าการส่งออกปลาของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 34.3 คิดเป็นมูลค่ากว่า 167.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึงแม้ว่าตลาดสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดนำเข้าปลาสวายรายใหญ่ แต่คาดว่าการค้ากับสหรัฐฯจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ เป็นผลมาจากปัญหาทางด้านการค้า/เทคนิคต่อการนำเข้าปลาเนื้อขาว ในขณะที่ การส่งออกปลาสวายของเวียดนามไปยังจีน และฮ่องกง เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.1 นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ได้ตั้งเป้าการส่งออกปลาสวายอยู่ที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/tra-fish-export-continues-downward-trend/159772.vnp

เวียดนาม-อิสราเอล มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากรายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม มูลค่าการส่งออกของเวียดนามประมาณ 520 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในส่วนของมูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังประเทศอิสราเอลอยู่ที่ 127 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดอิสราเอลก็ตาม แต่ คาดว่าเวียดนามส่งออกมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้าแตะระดับ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดทั้งปี 2562 ในขณะที่ สถานการณ์ทางการเมืองของอิสราเอลยังคงไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการเวียดนามควรระมัดระวังในการทำธุรกิจในอิสราเอล ซึ่งทางด้านผู้ประกอบการอิสราเอลก็มีความสนใจอย่างมากในการซื้อเม็ดมะม่วงหิมพานต์, ปลาทูน่า, กุ้งแช่เย็น, กุ้ง, เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/534724/viet-nam-israel-eye-1-billion-in-two-way-trade.html#TgH8RALHCqx2gRIA.97

เวียดนามเผยส่งออกกาแฟลดลง 10.3% yoy ในช่วงเดือนม.ค.-สิ.ค.

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติเวียดนาม (GSO) เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกกาแฟของเวียดนามอยู่ที่ 1.19 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ซึ่งปริมาณการส่งออกกาแฟในเดือนสิงหาคมประมาณ 130,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ เวียดนามอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกที่มีการส่งออกมากที่สุด ซึ่งในเดือนสิงหาคม เวียดนามส่งออกข้าวอยู่ที่ 252 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทางด้านปริมาณการส่งออกรวม 580,000 ตัน นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม-สิงหาคม การส่งออกน้ำมันดิบของเวียดนามอยู่ที่ 2.68 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20190829/vietnam-janaug-coffee-exports-likely-fell-103-y-y-govt/51119.html

นักธุรกิจรัสเซียเล็งเห็นโอกาสทำการค้าในกรุงฮานอย

จากข้อมูลของสมาคมผู้ค้าปลีกเวียดนาม (AVR) เปิดเผยว่าในวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ กรุงฮานอย เวียดนาม ได้มีการจัดโปรแกรมเกี่ยวกับการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการรัสเซียและพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นเวียดนาม โดยเป้าหมายของโปรแกรมนี้ เพื่อส่งเสริม/แนะนำสินค้ารัสเซียไปยังผู้ค้าปลีกในระดับท้องถิ่น และสร้างความสัมพันธ์ในการดำเนินธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งมีผู้ประกอบการรัสเซียกว่า 13 แห่งที่เข้าร่วมโครงการนี้ นอกจากนี้ จากข้อมูลทางสถิติ ระบุว่าในปี 2561 ประเทศรัสเซียอยู่ในอันดับที่ 24 จาก 129 ของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมีโครงการลงทุน 123 โครงการ ด้วยมูลค่ารวมประมาณ 932 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา :  https://en.nhandan.com.vn/business/item/7858802-russian-businesses-seek-trading-opportunities-in-hanoi.html

Grab ลงทุนในเวียดนามกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า

 ธุรกิจ Ride-Hailing ของ Grab ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการถึงรายละเอียดในการลงทุนไปยังเวียดนามกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการส่งเสริมในด้านการขนส่ง และระบบการชำระเงิน ในระยะเวลา 5 ปี โดยจากข้อมูลของ Grab ระบุว่าการลงทุนในครั้งนี้จะสร้างโอกาสในการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเงิน (FinTech) และก้าวมาส่งเสริมทางด้าน Mobility Solution รวมไปถึงการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ด้วยเหตุนี้ จะทำให้เพิ่มรายได้นับล้านเหรียญสหรัฐฯ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเวียดนาม ซึ่งทางธุรกิจจะดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลเวียดนามในปี 2563 โดยทางสถิติของ GrabFood ที่ทำการสำรวจ พบว่าจำนวนการสั่งซื้ออาหารเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 ยอดต่อวัน และผู้ที่ทำพาท์เนอร์กับทาง Grab ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะมีรายได้รวมประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา :   https://vietnamnews.vn/economy/534681/grab-to-pour-500m-into-vn-over-next-5-years.html#QQbGdBlbxdid7xL2.97

สปป.ลาว กัมพูชาและเวียดนามจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยว

เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวจากกัมพูชา สปป.ลาวและเวียดนาม กำลังหารือเกี่ยวกับร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่สามเหลี่ยมครอบคลุม 13 จังหวัดของทั้ง 3 ประเทศ การเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมคณะทำงานครั้งที่ 3 เรื่องการจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวสำหรับ CLV ในพื้นที่สามเหลี่ยมพัฒนาระหว่างวันที่ 26-29 สิงหาคม ตามรายงานจุดมุ่งหมายคือการพัฒนาพื้นที่สามเหลี่ยมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในพื้นที่ หลังการประชุมผู้แทนของกัมพูชา สปป.ลาวและเวียดนามจะหารือกับผู้ร่วมงานเพื่อปรับแผนพัฒนาร่างและส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นและส่วนกลางเพื่อขออนุมัติ ในระหว่างการประชุมคณะผู้แทนจากทั้ง 3 ประเทศจะไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในแขวงจำปาสัก สถานที่สำคัญเหล่านี้จะเชื่อมโยงกับสถานที่สำคัญในกัมพูชาและเวียดนามเพื่อสร้างแพ็คเกจท่องเที่ยวและจุดหมายปลายทาง

 ที่มา : http://annx.asianews.network/content/laos-cambodia-vietnam-formulate-tourism-development-plan-102810

เวียดนามเผนการส่งออกสินค้าเกษตรพุ่งสูงขึ้น 26.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การส่งออกสินค้าเกษตรกรรมของเวียดนามอยู่ที่ 26.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2562 โดยจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม (MARD) เปิดเผบว่ามีสินค้ากว่า 8 รายการที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสินค้าเกษตรที่สำคัญมีมูลค่า 12.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.3 หากจำแนกตลาดส่งออกที่สำคัญ ระบุว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกสินค้าเกษตรไปยังประเทศจีนอยู่ที่ 4.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าว สหรัฐอเมริกายังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรของเวียดนามรายใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยจีน ยุโรป อาเซียน และญี่ปุ่น ตามลำดับ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตรของเวียดนามอยู่ที่ 20.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.nhandan.com.vn/business/item/7851202-vietnam%E2%80%99s-farming-exports-reach-us$26-58-billion.html

เวียดนามเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ 11.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 6.3% yoy ในช่วงม.ค.-สิ.ค. 62

จากรายงานของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) เปิดเผยว่าในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคมที่ผ่านมา เวียดนามสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ถึง 11.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่ บริษัทต่างประเทศที่ทำการส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยมูลค่าราว 117.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.4 ของการส่งออกเวียดนามโดยรวม นอกจากนี้ ฮ่องกงยังคงเป็นผู้ที่ทำการลงทุนโดยตรงรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม รองลงมาเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ตามลำดับ หากสังเกตในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น พบว่ามีการลงทุนโดยตรงอยู่ที่ 19.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ที่มา : https://tuoitrenews.vn/news/business/20190827/vietnam-janaug-fdi-inflows-up-63-y-y-to-1196-billion-ministry/51098.html

ราคาเนื้อสัตว์ราคาถูกที่นำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์ในเวียดนาม

การนำเข้าเนื้อสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้น สร้างแรงกดดันไปยังอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในประเทศ เนื่องมาจากข้อตกลงการค้าเสรีและการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมูแอฟริกัน (ASF) โดยจากข้อมูลของกรมศุลกากรเวียดนาม ระบุว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีการนำเข้าเนื้อหมูกว่า 8,000 ตัน และเนื้อไก่มากกว่า 142,000 ตัน ซึ่งผู้บริโภคชื่นชอบกับราคานำเข้าที่ถูกกว่าในประเทศ โดยตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ที่สุดไปยังเวียดนาม คิดเป็นมูลค่าราว 48.6 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ หรือปริมาณมากกว่า 62,400 ตัน ส่วนสาเหตุที่ราคานำเข้าถูก เป็นเพราะอุตสาหกรรมของต่างประเทศมีความเชี่ยวชาญในระบบการดำเนินงาน และเป็นโรงเรือนระบบปิด รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมสัตว์ให้เติบโตได้เร็วขึ้นและมีขนาดใหญ่มากขึ้น

ที่มา :  https://vietnamnews.vn/economy/524518/cheap-imported-meats-hurt-domestic-livestock-industry.html#VqAHBMqF5HQ54W80.97

การไฟฟ้าเวียดนามขายหุ้น 6.5% หรือคิดเป็นมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากข้อมูลของการประมูลหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮานอย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระบุว่า การไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ได้ทำการขายหุ้น 16.25 ล้านหุ้น ของบริษัท EVN Finance Joint Stock Company ในมูลค่ามากกว่า 219 พันล้านด่อง (9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งการขายดังกล่าว เป็นไปตามเผนการดำเนินงานของบริษัทในการถอนตัวจาก EVN Finance ในปีนี้ จากข้อมูลประวัติของ EVN Finance พบว่าก่อตั้งเมื่อในปี 2008 ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 2.5 ล้านล้านด่อง ซึ่งหน้าที่/บทบาทหลัก คือการจัดหาเงินทุนในโครงการไฟฟ้าของ EVN และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงจัดเตรียมผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อการดำเนินงานในกลุ่มพลังงานและภาคเศรษฐกิจอื่นๆ โดยในปี 2562 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 1.64 ล้านล้านด่อง และกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 280 พันล้านด่อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.5, 10.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามลำดับ

ที่มา : https://vietnamnews.vn/economy/524542/evn-sells-65-stake-of-its-financial-arm-for-10-million.html#bHeupgaxiD8XMCzw.97