สมาคมเชื้อเพลิงและก๊าซ ชี้ สถานการณ์ขาดแคลนเชื้อเพลิงใน สปป.ลาว จะเริ่มคลี่คลาย

กระทรวงการคลังของสปป.ลาว ยืนยันว่าในวันจันทร์นี้ (27 มิ.ย.65) น้ำมันเชื้อเพลิงจะเพียงพอสำหรับประชาชนในประเทศ แต่สถานีบริการน้ำมันส่วนใหญ่ยังคงปิดให้บริการ ขณะที่สมาคมเชื้อเพลิงและก๊าซแห่งสปป.ลาว ชี้ว่ารถบรรทุกส่งขนส่งน้ำมันมาถึงล่าช้า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลหวังว่าวิกฤตด้านเชื้อเพลิงจะคลี่คลายภายในสัปดาห์นี้ และมีปริมาณเพียงพอสำหรับในประเทศ อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำการส่งมอบน้ำมันล่าช้าเกิดจากความคลาดเคลื่อนของการประสานงานระหว่างภาครัฐกับบริษัทน้ำมันที่ขายน้ำมัน  รัฐบาลได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทที่จัดหาเชื้อเพลิงในวันพฤหัสบดีนี้ (23 มิ.ย.65) และได้ออกหนังสือรับรองน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 200 ล้านลิตรให้กับบริษัทเชื้อเพลิงของรัฐ

ที่มา: https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten117_Wait_y22.php

กัมพูชาจัดทำแผนกระตุ้นการส่งออกมันสำปะหลังในเขตพื้นที่ 2 จังหวัด

กระทรวงพาณิชย์กำลังพิจารณาการดำเนินการตามนโยบายระดับชาติว่าด้วยเรื่องมันสำปะหลังประจำปี 2020-2025 ในจังหวัดพระตะบองและเสียมเรียบ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามในข้อตกลงกับเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงเพื่อเพิ่มการส่งออกมันสำปะหลังเป็น 400,000 ตันต่อปี และอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อเร่งกระบวนการการส่งออก ซึ่งความตกลงการค้าเสรีทวิภาคีระหว่าง กัมพูชา-จีน, กัมพูชา-เกาหลี และข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) จะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการกระตุ้นการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งปัราคามันสำปะหลังสดอยู่ระหว่าง 200-280 เรียล และมันตากแห้งราคาจะอยู่ที่ระหว่าง 700-780 เรียลต่อกิโลกรัม โดยปัจจุบันกัมพูชาสามารถผลิตมันสำปะหลังได้รวมรวม 3,276,073 ตัน บนพื้นที่เพาะปลูกรวม 145,894 เฮกตาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501097086/plans-to-boost-cassava-exports-from-2-provinces/

คาดปี 2022 GDP กัมพูชาโตร้อยละ 5 ท่ามกลางความเสี่ยงภาวะเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางกัมพูชา (NBC) รายงานถึงเสถียรภาพทางการเงิน ณ ปี 2021 โดยเศรษฐกิจของกัมพูชาคาดว่าจะเติบโตประมาณร้อยละ 5 ในปี 2022 แต่ยังคงต้องคอยติดตามความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของภาคครัวเรือนภายในประเทศ โดยการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากภาคการส่งออกสินค้าเกษตร การขนส่ง โทรคมนาคม และกระแสการลงทุนที่ดีขึ้น เป็นสำคัญ ในแง่ของการค้าและการลงทุน กัมพูชาคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี และการออกกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ ซึ่งในปี 2021 ภาคการผลิตดีดตัวขึ้นจากอุปสงค์ภายนอกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยการส่งออกเสื้อผ้าคิดเป็นร้อยละ 65.1 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 ในขณะที่การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่เครื่องนุ่งห่ม (ไม่รวมทองคำ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 โดยเฉพาะจักรยาน ชิ้นส่วนไฟฟ้า และสินค้าเกษตร

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501097032/cambodias-gdp-to-grow-at-5-in-2022-but-inflation-threat-looms-large/

เมียนมาเร่งส่งออกพริกไปจีน ดันราคาพุ่ง!

ราคาพริกเมียนมาพุ่งตามความต้องการของจีน ขณะที่ผลผลิตในประเทศเริ่มขาดแคลน ในตลาดย่างกุ้งราคาพริกขี้หนูพันธุ์ Moe Htaung มีราคาสูงถึง 7,000-8,000 จัตต่อ viss (viss เท่ากับ 1.6 กิโลกรัม) ปัจจัยที่ทำให้ราคาสูงขึ้นคือ ปุ๋ยและน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่เดือนมี.ค. ที่ผ่านมาราคาอยู่แค่เพียง 4,500-5,400 จัตต่อ viss ซึ่งการเพาะปลูกพริกสายพันธุ์นี้มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2.5 ล้านจัตต่อเอเคอร์ โดยพริกขี้หนูสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกๆ 15 วันถึง 6 เดือน ผลผลิตอยู่ที่ประมาณ 100 viss ต่อเอเคอร์ แต่ในช่วงต้นฤดูกาล ผลผลิตจะสูงถึง 400-500 viss ต่อเอเคอร์ ทั้งนี้พริกของเมียนมาถูกส่งออกไปยังไทยและจีนผ่านชายแดน ในขณะที่เวียดนามจะส่งออกทางทะเล พริกส่วนใหญ่ในเมียนมานิยมปลูกในเขตอิรวดี มัณฑะเลย์ มาเกว และรัฐฉาน

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/china-demand-hikes-chilli-pepper-prices/#article-title

“เวียดนาม” เตรียมเพิ่มปริมาณสำรองเชื้อเพลิง

คุณ Lê Viet Nga รองผู้อำนวยการตลาดในประเทศของกระทรวง กล่าวในที่ประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าปัจจุบัน เวียดนามมีปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถตอบสนองความต้องการของประเทศอยู่ที่ 5-7 วันเท่านั้น กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าจึงเสนอให้ปรับเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงมากถึง 4 เท่า ถึงแม้ว่าราคาโลกและอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี เวียดนามยังไม่ได้ใข้เงินสำรองระหว่างประเทศ ทั้งนี้ นาย​ โด๋ถังห่าย​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม กล่าวชี้ประเด็นไว้ว่าเวียดนามนำเข้าน้ำมันจากมาเลเซียเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประเทศที่มีราคาน้ำมันต่ำกว่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และกระทรวงฯมองว่าอุปทานมีเพียงพอในช่วงครึ่งแรกของปีสำหรับความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย

ที่มา : https://english.vov.vn/en/economy/apples-iphones-likely-to-be-assembled-in-vietnam-post950734.vov

“เวียดนาม” ปรับลดภาษีเบนซิน 1,000 ดองต่อลิตร

กระทรวงการคลังเวียดนาม เสนอให้ปรับลดภาษีสิ่งแวดล้อมสำหรับน้ำมันเบนซินเหลืออยู่ที่ 1,000 ดองต่อลิตรและเชื้อเพลิงอื่นๆ ราว 30-70% เนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของเวียดนาม กระทรวงฯ จึงได้ร่างมติของคณะกรรมการฝ่ายรัฐสภาเกี่ยวกับการลดภาษีเชื้อเพลิงเพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเยียวยาประชาชนและธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ตามร่างมติดังกล่าว ภาษีน้ำมันจะลดลงเหลือ 1,000 ดองต่อลิตร จากเดิมอยู่ที่ 2,000 ดองต่อลิตร, ราคาน้ำมันอากาศยานลดลงเหลือ 1,500 ดองต่อลิตร จากเดิมอยู่ที่ 1,000 ดอง และอื่นๆ หากคณะกรรมการฝ่ายรัฐสภาใช้มตินี้ในเดือนกรกฎาคม อัตราภาษีที่เสนอจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมจนถึงสิ้นปีนี้

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/gasoline-environment-tax-seen-falling-to-vnd1000-per-liter/

บีโอไอยันลงทุนปี’64 สร้างงาน1.1แสนตำแหน่ง

มีรายงานจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แจ้งว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา บีโอไอ ให้การอนุมัติส่งเสริมการลงทุน จำนวน 1,572 โครงการ มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 511,900 ล้านบาท โดยเป็นการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 768 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 49 ของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น มีมูลค่ารวม 315,620 ล้านบาท การอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ 69 โครงการ เงินลงทุนรวม 60,300 ล้านบาท มีโครงการที่น่าสนใจ เช่น โครงการโปรตีนแอนติเจนและโปรตีนแอนติบอดีตัดแต่งพันธุกรรม โครงการผลิตภัณฑ์เซลล์และยีนบำบัดเพื่อการรักษาโรคในกลุ่ม Car T Cell เป็นต้น พร้อมระบุว่าโครงการที่ได้รับการอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน ช่วยสร้างงาน 113,562 ตำแหน่ง โดยโครงการในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มีการจ้างงานเป็นอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 40 ของการจ้างแรงงาน หรือมีการจ้างงานประมาณ 45,081 ตำแหน่ง

ที่มา: https://www.naewna.com/business/661586

แรงงานข้ามชาติคาดว่าจะส่งเงิน 4.55 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือนกลับมายังสปป.ลาว

นายพงษ์สายศักดิ์ อินทรรัตน์. กล่าว “คนงานสปป.ลาวจำนวนมากยังคงหางานทำในประเทศอื่นเพื่อหารายได้ให้กับครอบครัวมากขึ้น ชาวลาวที่ทำงานในประเทศอื่น ๆ คาดว่าจะส่งเงินส่งกลับประเทศลาวมูลค่าประมาณ 4.55 ล้านเหรียญสหรัฐ” ซึ่งเป็นช่องทางรายได้ต่างประเทศที่สำคัญ อย่างไรก็ตามผลกระทบจากการพัฒนาโดยรวมของการโอนเงินยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เงินส่งส่วนใหญ่จะใช้จ่ายในการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในแต่ละวัน ที่อยู่อาศัย การซื้อที่ดิน และการชำระหนี้ การจ้างงานชาวลาวในประเทศอื่น ๆ มีข้อดีหลายประการทั้งสำหรับคนงานเองและสำหรับลาว แต่ในขณะเดียวกันก็มีปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจลาว หากแรงงานยังคงหางานทำในต่างประเทศ รัฐบาลจะต้องกำหนดนโยบายเพื่อขยายตลาดแรงงานลาวไปต่างประเทศเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เพื่อรักษาแรงงานให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่มีการขยายตัว

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten116_Migrant.php

“เวียดนาม-มาเลเซีย” จับมือส่งเสริมเศรษฐกิจการป่าไม้

เวียดนามและมาเลเซีย ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOC) เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการค้าไม้ของทั้งสองประเทศ โดยผู้มีลงนาม ได้แก่ สมาคมผู้ส่งออกไม้มาเลเซีย (TEAM), สภาเฟอร์นิเจอร์มาเลเซีย (MFC), สมาคมไม้และผลิตภัณฑ์ป่าไม้เวียดนาม (VIFOREST), สมาคมเฟอร์นิเจอร์จังหวัดด่งนาย (BIFA), สมาคมหัตถกรรมและอุตสาหกรรมไม้จังหวัดด่งนาย (DOWA) และสมาคมอุตสาหกรรมไม้แห่งนครโฮจิมินห์ (HAWA) ทั้งนี้ นาย Muhtar Suhaili ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Malaysian Timber Council (MTC) กล่าวว่ามาเลเซียมุ่งที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้อย่างยั่งยืนและได้รับประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเวียดนามที่ไหลเข้าไปยังอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่อย่างสหภาพยุโรปผ่านข้อตกลงการค้าเสรี นอกจากนี้ การบันทึกความร่วมมือดังกล่าว สอดคล้องกับข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนในการลดช่องว่างการพัฒนาของกลุ่มประเทศและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของภูมิภาค

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/vietnam-malaysia-partner-in-promoting-timber-trade/231349.vnp

“ศก.เวียดนาม” กลับมาฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ

กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าภาคการท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง จะกระตุ้นความต้องการซื้อสินค้าและการบริโภค ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มสดใสขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการผลิต การกลับมาของแรงงานและรายได้ที่สูงขึ้น รวมถึงประชากรที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรค่อนข้างสูง กระทรวงฯยังกล่าวเสริมว่าทางหน่วยงานยังต้องติดตามในเรื่องของอุปสงค์และอุปทานอย่างใกล้ชิด การควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการกักตุนและการเก็งกำไร เป็นต้น นอกจากนี้ รายได้จากการค้าปลีกและบริการในเดือนพ.ค. อยู่ที่ 20.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่มา : https://en.vietnamplus.vn/domestic-shopping-demand-predicted-to-strongly-rebound/231338.vnp