กัมพูชาส่งออกข้าวแตะ 516 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี

กัมพูชาส่งออกข้าวสารจำนวน 221,138 ตัน และข้าวเปลือกอีกจำนวน 1,648,474 ตัน โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 516.21 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2022 ตามการเปิดเผยของสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (CRF) ส่งออกไปยังปลายทาง 54 แห่ง โดยกัมพูชาส่งออกข้าวสารไปยังจีนจำนวน 115,255 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 52.12 ของการส่งออก มูลค่า 62.74 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ส่งออกไปยังยุโรปจำนวน 68,555 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 31 มูลค่า 51 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการส่งออกไปยังประเทศอาเซียนมีจำนวน 21,876 ตันหรือร้อยละ 9.89 มูลค่า 13.90 ล้านดอลลาร์ และการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ อีกมูลค่า 11.74 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นปริมาณ 15,452 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 6.99 ในส่วนของข้าวเปลือกส่งออกไปยังเวียดนามมากที่สุด สร้างรายได้ประมาณ 376.64 ล้านดอลลาร์

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501071306/cambodia-rice-exports-rise-to-516-million-in-four-months/

สินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในกัมพูชาปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสแรก

สินเชื่อผู้บริโภคภายในกัมพูชาปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก เนื่องจากจำนวนบัญชีสินเชื่อและยอดสินเชื่อมีการเติบโตในเชิงบวก โดยการขอสินเชื่อผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามข้อมูลจากสำนักสินเชื่อกัมพูชา (CBC) ซึ่ง CBC กล่าวว่าจำนวนบัญชีสินเชื่อทั้งหมดโดยภาพรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.68 คิดเป็นจำนวนบัญชีประมาณ 1.39 ล้านบัญชี โดยมียอดค้างชำระเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.08 คิดเป็นมูลค่า 12.50 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นไตรมาส ในขณะเดียวกัน การขอสินเชื่อผู้บริโภคโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 ซึ่งในส่วนของการขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสก่อน ในขณะที่บัตรเครดิตและการจำนองเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 และร้อยละ 24 ตามลำดับ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501071305/consumer-credit-performance-improves-in-first-quarter/

‘เวียดนาม’ เผยรัฐบาลกู้เงิน 54 ล้านล้านดอง ม.ค.-เม.ย.

สำนักงานบริหารหนี้ กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ภาระหนี้ของรัฐบาลรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 54 ล้านล้านดอง เงินกู้สำหรับใช้เป็นงบประมาณของรัฐบาล วงเงินมากกว่า 51.3 ล้านล้านดอง (7.9% ของเป้าหมายรัฐบาล) ในขณะที่เงินกู้จากแหล่งอื่นๆ 2.5 ล้านล้านดอง ทั้งนี้ เฉพาะในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว รัฐบาลชำระหนี้ไปแล้วกว่า 12.6 ล้านล้านดอง รวมไปถึงการชำระเงินกู้ในประเทศ 9 ล้านล้านดอง และชำระเงินเงินกู้จากต่างประเทศ 3.6 ล้านล้านดอง ทำให้เดือนม.ค.-เม.ย. รัฐบาลได้ชำระหนี้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 91.6 ล้านล้านด่อง ซึ่งเป็นการชำระหนี้โดยตรงของรัฐบาลที่มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 84 ล้านล้านด่อง

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/govt-borrows-vnd54-trillion-from-jan-apr/

 

‘ภาคส่งออก’ แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนาม

ตามรายงานทางสถิติการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนเมษายน 2565 มีมูลค่า 33.26 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 32.19 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.5% ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามเกินดุลการค้า 2.53 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ Maybank Investment Securities (MIB) รายงานว่าภาคเศรษฐกิจหลักของการส่งออกเวียดนามส่วนใหญ่มีการเติบโตเชิงบวก โดยน้ำมันดิบพุ่ง 204% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม อย่างไรก็ดี การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน และการล็อกดาวน์อย่างเข็มงวดของประเทศจีน ไม่สร้างผลกระทบต่อการส่งออกของเวียดนาม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกิจการต่างๆ ส่งออกสินค้าคงเหลือตามการฟื้นตัวของอุปสงค์

ที่มา : https://english.thesaigontimes.vn/export-sector-is-bright-spot-for-vietnam-economy/

 

เดือนเม.ย.65 เมียนมา ส่งออกสินค้าเกษตรลดลงเล็กน้อย

เดือนเม.ย. ของปีงบประมาณ 2565-2566 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร อยู่ที่ 325.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อย 11.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 337.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุจากการปิดชายแดนและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบศุลกากรของจีน ซึ่งทำการปิดชายแดนทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับชายแดนมูเซในช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนัก แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงจีนได้ทดลองเปิดด่านจินซันเฉาะ (Kyinsankyawt) เพื่อทำการซื้อขายอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 64 เป็นต้นมา ทั้งนี้สินค้าเกษตรส่วนใหญ่ส่งออกไปยังจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย และศรีลังกาเป็นหลัก โดยในช่วงงบประมาณย่อย (เดือนต.ค.64 ถึง เดือนมี.ค.65) การส่งออกสินค้าเกษตรมีมูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/agricultural-export-value-sees-slight-decline-in-april/#article-title

พาณิชย์ชี้ช่องรุกตลาดฟิลิปปินส์ อาหารและเครื่องดื่มมีโอกาสทำเงิน

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก น.ส.จันทนา โชติมุณี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ถึงโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์ หลังจากที่ปัจจุบัน ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย และหาซื้อสินค้าในร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมค้าปลีกกลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ และมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกได้เห็นพฤติกรรมการช้อปแบบล้างแค้นของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ ที่กระตือรือร้นมากขึ้น และร้านค้าปลีกต่างๆ ก็พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจมากขึ้น ซึ่งสินค้าที่มีโอกาสในการจำหน่ายผ่านช่องทางค้าปลีกมีหลากหลาย ไม่ว่าจะกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ความงาม และเครื่องสำอาง ของใช้ของตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น

ที่มา: https://www.naewna.com/business/652417

อัตราเงินเฟ้อสปป.ลาว ใกล้สองหลัก

อัตราเงินเฟ้อปีต่อปีในประเทศลาวเพิ่มขึ้นเป็น 9.9% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 ตามรายงานล่าสุดจากสำนักงานสถิติลาว ดัชนีราคาผู้บริโภคพุ่งขึ้นเร็วที่สุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินค่าอาหาร เชื้อเพลิง และสิ่งจำเป็นอื่นๆ มากขึ้น สปป.ลาวมีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจากขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนส่งผลให้ตลาดเชื้อเพลิงทั่วโลกผันผวนและการอ่อนค่าของ kip อย่างต่อเนื่อง ในเดือนเมษายน ค่าใช้จ่ายในหมวดการสื่อสารและการขนส่งเพิ่มขึ้น 6.7%  ราคาในหมวดสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และร้อยละ 16.3 เมื่อเทียบปีต่อปี ค่ารักษาพยาบาลและค่ายาเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 11% เมื่อเทียบเป็นรายปี การเพิ่มขึ้นของหมวดนี้เป็นผลมาจากราคายาและค่ารักษาพยาบาล ในขณะเดียวกัน ราคาเสื้อผ้าและรองเท้าเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 9.4 % เมื่อเทียบเป็นรายปี นอกจากนี้ ราคาในหมวดที่อยู่อาศัย น้ำ ไฟฟ้า และก๊าซ เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ค่าอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 5.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ที่มา : https://www.vientianetimes.org.la/freeContent/FreeConten86_Inflation_y22.php

MIC เชิญชวนลงทุน 8 ภาคธุรกิจในเมียนมา

Interest: EoI) สำหรับ 8 ภาคส่วนเพื่อพัฒนาประเทศ ได้แก่ 1.การผลิตปุ๋ย 2.การผลิตปูนซีเมนต์ 3.การผลิตเหล็ก 4.การเกษตรและการเลี้ยงปศุสัตว์ 5.การผลิตหรือการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของอาหารอาหาร 6.การผลิตยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ 7.ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพและวัสดุที่เกี่ยวข้อง และ 8.การขนส่งสาธารณะ ซึ่งหากนักลงทุนชาวเมียนมาและนักลงทุนต่างชาติที่สนใจลงทุนให้ติดต่อ MIC กระทรวงหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดเตรียมเอกสารหรือหลักฐานที่จำเป็นในการยื่นข้อเสนอในการขอลงทุน ตั้งแต่เดือนต.ค. 2564 ถึงมี.ค. 2565 ได้มีการอนุมัติการลงทุน 48 รายการ เป็นเงิน 684.686 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาการลงทุนจากต่างประเทศ และการลงทุนของชาวเมียนมาเองอีก 38 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 468,393.528 ล้านจัต สร้างตำแหน่งงานได้ถึง 42,880 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564-2565 MIC ได้อนุมัติการทั้งลงทุนในประเทศและต่างประเทศไปแล้วกว่า  684 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 468 พันล้านจัต ตามลำดับ

ที่มา: https://www.gnlm.com.mm/mic-invites-eoi-for-eight-investment-sectors/

นครวัด ประเทศกัมพูชา ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 600%

ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ นครวัด ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวน 33,205 คน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 622 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีรายได้จากการขายตั๋วคาดว่าจะสูงถึง 1.35 ล้านดอลลาร์ ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน ตามคำแถลงของ Angkor Company Enterprise ซึ่งในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว นครวัด มีผู้มาเยือนจากต่างประเทศถึง 13,365 คน สร้างเม็ดเงินจากการขายตี๋วเข้าชมมูลค่ากว่า 537,000 ดอลลาร์ ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่าการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นผลมาจากการเปิดประเทศของกัมพูชา สำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างครบถ้วน

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501070609/angkor-wat-tourist-numbers-increase-600-percent/

4 เดือนแรก กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 2 แสนคน

Sok Sangvar ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และ Dr. Thong Khon รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว นำคณะผู้แทนจัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศกัมพูชา ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ภายใต้โปรแกรม Visit Cambodia NEXT as a Safe, Warm, Clean and Green Tourism Destination โดยในฟอรัมนี้ ตัวแทนของกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าวว่าในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2022 กัมพูชาได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 220,000 คน ถือเป็นการเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งของการท่องเที่ยวในกัมพูชา ซึ่งกัมพูชาคาดว่าจะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 800,000 คนภายในสิ้นปี 2022 ผ่านโปรแกรมข้างต้น โดยเน้นไปที่นักท่องเที่ยวภายในอาเซียน เช่น เกาหลี, ญี่ปุ่น, อินเดีย และออสเตรเลีย เป็นต้น ไปจนถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป, สหรัฐฯ, แคนาดา และตะวันออกกลาง เป็นสำคัญ

ที่มา : https://www.khmertimeskh.com/501070863/cambodia-received-220000-international-tourists-in-the-first-4-months-of-2022/